บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 พร้อมเปิดศึก

“แฮ่ม… ใครอ่ะนัญ แหม่เดี๋ยวนี้ควงผู้หล่อเชียว ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักหน่อยหรอ”

“เอ่อ… นี่เฮียคิเลียน พี่ชายเราน่ะ”

“พี่ชายบุญธรรมครับ”

คิเลียนต่อคำทันควัน แต่ไม่ใช่แค่คำพูดมือของเขายังโอบรัดเอวบางไว้แน่น ตั้งใจจะกักเธอเอาไว้ให้หายใจติดเขาเพียงคนเดียว ราวกับประกาศให้ทุกคนรู้โดยเฉพาะชายที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ

สายตาคมของคิเลียนตวัดขึ้นสบกับดวงตาเรียบเฉียบของชนกันต์ในเสี้ยววินาที เขาจำไอ้นี่ได้ดีผ่านแชทไลน์ในโทรศัพท์ของลัญชนาเมื่อตอนเที่ยง ไอ้เพื่อนคิดไม่ซื่อ…

ชนกันต์จ้องกลับอย่างไม่ยอม เขาเองรู้จักผู้ชายคนนี้ดี พี่ชายบุณธรรมที่ลัญชนาเคยเอ่ยถึงบ่อยๆ ยิ่งภาพตรงหน้ายิ่งบอกชัด เหอะ พี่ชายคิดไม่ซื่อล่ะสิท่า

ไฟแลบไม่ต้องมีประกายจริงจัง แต่แค่มองก็บอกได้ว่าทั้งสองคนได้ประกาศศึกกันเรียบร้อยผ่านม่านสายตา

บรรยากาศระอุขึ้นทันที กลุ่มเพื่อนต่างพากันเลิ่กลั่ก เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นกลางโต๊ะที่ทุกคนควรจะหัวเราะเฮฮา กลับกลายเป็นสนามรบของสองหนุ่ม

เพื่อนสาวคนหนึ่งรีบแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงฝืนยิ้มกลบเกลื่อน พร้อมผายมือเชิญไปยังโซฟาสองที่ว่างอีกฝั่ง

“เอ่อ… คุณคิเลียนกับยัยนัญมานั่งทางนี้ค่ะ เชิญๆ”

คิเลียนพยักหน้ารับเบาๆ มือยังโอบเอวคอดกิ่วไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ท่าทางเหมือนเจ้าของที่หวงสมบัตินักหนา แต่แล้วจู่ๆ ก้าวเท้าก็ต้องชะงัก เมื่อมือเล็กของลัญชนาโดนใครอีกคนคว้าไว้จากด้านข้าง

“นัญมานั่งกับเราดีกว่า เราเว้นที่ไว้ให้แล้ว”

คำพูดของชนกันต์เหมือนฝ้าผ่าลงกลางโต๊ะ ทุกสายตาในกลุ่มหันมองแทบพร้อมกัน หนึ่งมือดึงไว้ข้างซ้าย อีกมือโอบไว้ข้างขวา ศึกชิงนาง กำลังเปิดฉากในงานเลี้ยงฉลองที่ยังไม่ทันได้ยกแก้วชน

ลัญชนายืนอึ้งอยู่กลางสองแรงดึง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกมา เสียงทุ้มต่ำของใครอีกคนก็ดังแทรกขึ้นอย่างเยือกเย็น

“ไม่เป็นไรครับ พอดีนัญติดพี่ชายน่ะครับ นั่งกับผมน่ะถูกแล้ว” คิเลียนหันไปมองชนกันต์ด้วยสายตาเย็นเฉียบ

พูดจบ มือหนาก็ออกแรงดึงน้องสาวให้ขยับตัวตาม ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้โต้เถียง ไม่มีการถามความสมัครใจของลัญชนา เพราะที่เดียวที่เธอจะนั่งได้คือที่ที่มีเขาเพียงเท่านั้น

ลัญชนาเม้มปากแน่น หันมาถลึงตาใส่พี่ชายเงียบๆ อะไรของเฮียเนี่ย ชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อย แถมยังมาใส่ร้ายเธอต่อหน้าคนอื่นอีก ใครเขาไปติดอิพี่ชายเจ้าอำนาจอย่างเขากันเล่า!

ชนกันต์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคิเลียนแบบเป๊ะๆ ไม่มีแม้แต่ของคั่น

สายตาสองคู่ยังคงจ้องกันนิ่ง แรงปะทะที่ไร้คำพูดทำเอาเพื่อนๆที่เหลือเหงื่อตกจนต้องหันมองหน้ากันไปมา บรรยากาศเย็นเฉียบปะทะกันกลางผับจนคนในวงแทบกลืนน้ำลายไม่ลง

จนในที่สุด เพื่อนหนุ่มอีกคนในกลุ่มก็รีบตัดบรรยากาศตึงๆด้วยเสียงสดใสหาคนช่วยดับไฟ

“เอ่อ… เรามาชนแก้วกันเลยดีกว่าครับ อย่าเสียเวลาเลยมาๆ ทุกคน!”

เสียงเพื่อนคนอื่นๆก็รีบดังขึ้นหัวเราะเฮฮาช่วยกันกลบเกลื่อนความเงียบที่ค้างอยู่ในอากาศ พร้อมกับรินเหล้าลงแก้วให้เพื่อนใหม่สองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมวง ทว่ายังไม่ทันได้เลื่อนแก้วเหล้าให้สองคน บรรยากาศกลับถูกตัดขาดด้วยเสียงเรียบของชนกันต์ที่เอ่ยแทรกขึ้นอีกครั้ง

“ไอ้รบ แลกที่นั่งกัน”

ชนกันต์หันไปพูดกับนักรบที่นั่งอีกฝั่งข้างๆลัญชนา สีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่เปิดช่องให้ต่อรองใดๆ

“อ…เออๆ”

นักรบรีบพยักหน้า ลุกขึ้นอย่างว่าง่ายแล้วย้ายที่นั่งไปอีกฝั่งทันที เขาไม่อยากมีเรื่องหรือเป็นต้นเหตุให้บรรยากาศที่เริ่มจะดีต้องอึดอัดไปมากกว่านี้

ทันทีที่ชนกันต์นั่งฟุบลงข้างลัญชนา ร่างเล็กก็ถูกมือหนาของคิเลียนดึงเข้าไปโอบแนบติดกับลำตัวเขาทันที คนตัวเล็กได้แต่หน้าบึ้ง เพราะยังไงเธอก็เอาชนะแรงไม่ได้อยู่แล้ว

คิดจะเล่นกับคนอย่างคิเลียน ลัทธิพิพัฒน์ กลับไปนอนดูดนมแม่เถอะ!

“เอ่อ… ทีนี้เราก็ชนแก้วกันได้แล้วเนาะ มาๆ”

เพื่อนคนเดิมรีบแทรกขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายกลัวว่าความตึงเครียดเมื่อครู่จะทำให้วงแตก เสียงเฮฮาจากคนอื่นๆก็ดังขึ้นตามมาแทบจะในทันที ทุกคนยกแก้วขึ้นชนกันดัง เปร้ง! ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก แล้วกลับมาพูดคุยกันอย่างออกรสอารมณ์อีกครั้ง

แต่แล้ว…

“นัญ อย่าดื่มเยอะนะ ยิ่งคออ่อนอยู่ เดี๋ยวเมา”

เสียงทุ้มติดห่วงใยของชนกันต์ดังขึ้นใกล้หูหญิงสาว นำพาคนฟังหันไปยิ้มขำ

“นัญดื่มยังไม่ถึงแก้วเลยกันต์ เว่อร์น่าา”

ลัญชนาพูดหยอกกลับด้วยความเคยชิน ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงโอบที่แน่นอยู่บนเอวคอด ดึงร่างเล็กเข้าไปชิดตัว ก่อนเขาจะหันไปสบตาชนกันต์พร้อมน้ำเสียงราบเรียบแฝงแรงกดดัน

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ นัญจะดื่มจนเมาหรือหลับ… พี่ชายเค้าก็อยู่ทั้งคน ผมไม่ปล่อยให้นัญเป็นอะไรหรอกครับ”

“เอ่อ…” เสียงอึดอัดเล็ดลอดจากใครบางคนในวง

อีกแล้ว… บรรยากาศเริ่มเย็นเฉียบอีกรอบ ราวกับมีลมหนาวพัดวูบเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนหลายคนทำหน้าลำบากใจ กลัวว่าจะแตกหักกันกลางวงเหล้านี่แหละ

“ผมก็แค่เป็นห่วงน่ะครับ สมัยนี้ไม่ควรไว้ใจใครง่ายๆ เรามีสติควบคุมตัวเองยังไงก็ดีที่สุดครับ”

ชนกันต์สวนกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่เฉียบคม แววตาของเขาสื่อชัดว่าไม่ได้ยอม

สองหนุ่มจ้องหน้ากันราวกับพร้อมจะเปิดศึกได้ทุกเมื่อ ขณะที่ลัญชนา ซึ่งถูกนั่งคั่นกลาง รู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะมุดโต๊ะหนี

คิเลียนอ้าปากเหมือนจะโต้กลับ แต่ลัญชนารีบยกมือขึ้นห้าม

“พอเลยค่ะ ทั้งสองคน นัญโตแล้วนะคะ ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องตามห่วงหรอกค่ะ ทั้งสองเลย”

“นั่นสิๆ อีกอย่างเหล้าที่เราสั่งมามันก็ไม่ค่อยแรงเลย ไม่เป็นไรหรอก”

เพื่อนอีกคนรีบเสริมทันที หวังให้ทุกอย่างกลับสู่ปกติเร็วๆเถอะ จะเกร็งตายห่ากันหมดแล้วเนี่ย!

ทั้งสองหนุ่มจึงยอมละสายตากันอย่างเสียไม่ได้ แล้วหันกลับมานั่งเฉยๆ

“มาๆ ชนแก้วต่อดีกว่า!”

เสียงใครสักคนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนเสียงแก้วกระทบกันจะดัง เกร้ง! ตามมาเป็นระลอก ความมึนเมาเริ่มเข้าครอบงำ บางคนเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง บางคนหัวเราะเสียงดังเพิ่มความเฮฮาให้วง ส่วนลัญชนา… เธอนั่งนิ่ง รู้สึกมึนเล็กน้อย แต่อึดอัดมากกว่า

มีอยู่คนเดียวก็คือคิเลียน พ่อเสือที่เหล้าแค่นี้เอาเขาไม่ลงหรอก แม้จะดื่มไปเท่าไหร่ก็ยังดูไม่เปลี่ยน มือหนายังคงโอบเอวน้องสาวไม่ปล่อยเหมือนตั้งใจย้ำสถานะ ส่วนชนกันต์ก็เริ่มหน้าแดงนิดๆ แต่ยังประคองสติไว้ได้อยู่

“เรามาเล่นเกมเพิ่มความสนุกกันดีกว่าเว้ย เอาป่าว~”

เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นอย่างครื้นเครง แถมยังลากเสียงยาวจนเกือบจะเป็นลูกทุ่ง พาให้สายตาทั้งวงหันมามอง

“เอาดิว้ะ~ เกมส์ไรมาเลย กูได้โหมดด~”อีกคนสนับสนุนทันที

“เกมส์นี้ม่ายด้ายแปลกใหม่อาไรหรอก อย่างที่ทุกคนรู้ววกัน~ ชื่อเกมว่า Truth or Dare!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel