บทที่ 7 คุณปู่จะดัดนิสัยมันเอง
อาคารเคเอส กรุ๊ป สำนักงานใหญ่
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและติดอันดับ ท็อป 3 ในภาคพื้นทวีป รถแท็กซี่คันกลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าอาคารในโซนจอดรถชั่วคราว ชายเลยวัยกลางคนผมสีดอกเลาและเด็กผู้หญิงผอมบางผิวขาวหน้าราวกับตุ๊กตาลงมาจากรถด้านหน้าคนละด้าน คุณลุงผู้ใจดีก็จับจูงข้อมือเล็ก ๆ ของเด็กสาวเดินเข้าไปภายในอาคารอย่างคุ้นเคยและตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งอยู่
"สวัสดีครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ" ชายขับแท็กซี่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับพนักงานต้อนรับ
"คุณปกรณ์! คุณปกรณ์ใช่มั้ยคะ หนูนิตาไงคะที่เคยฝึกงานน่ะค่ะ จำหนูได้มั้ยคะ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจที่เจอคนใจดีที่เคยช่วยเหลือเธอตอนที่เธอมาฝึกงานที่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณปกรณ์เป็นผู้ช่วยของท่านเดชา ที่จะติดตามท่านไปแทบทุกที่แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ลาออกไปด้วยเหตุผลที่น่าสงสารเพราะหลานสาวกำพร้าของคุณปกรณ์ป่วยด้วยโรคมะเร็งในก้านสมองและไม่มีทางเยียวยาได้ คุณปกรณ์เลยขอลาออกเพื่อใช้เวลากับหลานสาวให้ได้นานที่สุด
"สวัสดีครับหนูนิตา สบายดีนะครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ ท่านกลับแล้วหรือยัง" คุณลุงใจดีของเด็กน้อยว่ายิ้ม ๆ
"ยังค่ะ หนูโทรหาเลขาท่านให้นะคะ" หญิงสาวว่าพรางกดเบอร์ภายในโทรหาเลขาหน้าห้องท่าน ที่ก่อนหน้านั้นคุณหญิงว่านได้โทรหาท่านแจ้งว่าหลานสาวหายไปท่านจึงรีบร้อนยกเลิกประชุมด่วนทันทีและรีบลงลิฟต์เพื่อจะไปโรงหนังที่หลาน ๆ ไป
ติ๊ง! เสียงลิฟต์ฝั่งผู้บริหารเปิดออก
ชายสูงวัยที่ร่างกายแข็งแรงเดินด้วยท่าทางสง่างามออกมาจากลิฟต์ โดยที่ไม่ได้มองที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ "คุณปู่!" เสียงเล็ก ๆ เรียกชายสูงวัยอย่างดีใจพรางวิ่งเข้าไปหา ทำให้ท่านต้องมองตามเสียงที่แสนจะห่วงใยในเวลานี้
"ของขวัญ" คุณปู่อ้าแขนรับหลานสาวพรางโอบกอดอย่างปลอบขวัญ "มาได้ยังไงลูก ป้าเราจะบ้าตายอยู่แล้ว" เสียงอบอุ่นเอ่ยถามหลานสาวด้วยภาษาที่เธอถนัด
"คุณลุงใจดีพามาส่งค่ะ" เด็กสาวตอบเสียงใสแล้วหันหน้าไปหาผู้ใหญ่ใจดีของเธอ
"ปกรณ์" ท่านเดชาทักลูกน้องอย่างดีใจ
"สวัสดีครับท่าน" คุณปกรณ์ยกมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม
"ขอบใจนะที่พาหลานมาส่ง มา ๆ ขึ้นไปคุยกันก่อน ไปไงมาไงวะเงียบหายไปเลย..." ท่านเดชาตบไหล่อดีตลูกน้องคนรู้ใจแล้วชวนขึ้นห้องทำงานของท่านพรางบอกให้ผู้ติดตามคนใหม่โทรตามให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของท่านมาที่ออฟฟิศด่วน เพราะมีเรื่องที่จะคุยกันโดยไม่ให้หลานชายรู้เรื่อง
"น้องขวัญของป้า" คุณหญิงว่านรีบเดินเข้าไปกอดหอมแก้มหลานสาวตัวเล็กอย่างแสนห่วงใย
"ทำไมถึงมานี่ได้ล่ะคะ ป้าเป็นห่วงรู้มั้ย ศิลานะศิลาดูแลน้องแค่นี้ไม่ได้เลยเชียว" ถามหลานสาวพาดบ่นไปถึงลูกชายที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปตามน้องถึงไหนแล้ว
"คุณหญิง ท่านภูษิต สวัสดีครับ" คุณลุงใจดีกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ผู้อ่อนอาวุโสกว่า
"คุณปกรณ์นี่คะ ว่านจำได้ แล้วไปไงมาไงคะนี่ถึงได้พาน้องขวัญมาส่งให้ได้คะ"
"พอดีผมรอลูกค้าอยู่แถวนั้นครับคุณหญิง เห็นพนักงานห้างอุ้มคุณหนูมาวางไว้ที่ม้านั่งรอรถ ถามผู้หญิงคนที่มาด้วยเขาบอกว่าน้องสาวไม่สบายเลยจะพากลับบ้าน ซักพักเธอก็หายไปครับ ผมเห็นว่าตรงนั้นมันเปลี่ยวไม่มีคนอื่นแล้วเด็กตัวเล็ก ๆ คนเดียวก็เลยนั่งเฝ้าให้รอพี่สาวเขามาแต่ไม่มาซักทีจนแกตื่นน่ะครับ เลยถามไถ่กันเลยรู้ว่าน่าจะโดนแกล้งแน่ ๆ แล้วพาไปหารถที่ลานจอดก็ออกไปแล้วผมเลยถามชื่อญาติถึงได้มาส่งนี่แหละครับ" คุณปกรณ์เล่าให้ฟังแบบม้วนเดียวจบเพราะจากที่คุยกับเด็กสาว เธอน่าจะพูดภาษาไทยไม่คล่องนัก
"หึ! ยัยเด็กนรกนี่ เรื่องนี้ว่านไม่ยอมนะคะคุณพ่อ ว่านจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ดีนะคะเจอคนดีถ้าเจอพวกแท็กซี่ไม่ดีจะทำยังไง ศิลานะศิลาถ้ายังจะคบกับแม่นี่อยู่นะ ว่านจะโอนสลักหลังทุกอย่างเป็นชื่อของขวัญให้หมดเลยคอยดู" คุณหญิงโมโหคู่ควงลูกชายและลูกชายอย่างมากมาย
"เมื่อมันตาบอดนัก พ่อจะดัดสันดานมันเอง" ท่านเดชาพูดขึ้นอย่างเด็ดขาดกับลูกชายและลูกสะใภ้ เพราะจากที่เห็นหลานชายทำกับคนตัวเล็กเมื่อคืนหรือตลอดจนในห้องนอนของหลานชายที่มีรูปของเด็กสาวในวัยเพิ่งคลอดวางอยู่ไม่ยอมให้ใครแตะต้องนั้น ท่านก็พอดูออกว่าชายหนุ่มรักเด็กน้อยคนนั้นมากแค่ไหน และอยากรู้ว่าหลานชายจะทำยังไง ถ้าหาน้องไม่เจอแล้วรู้เรื่องอะไรบางอย่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปิดบังเอาไว้อยู่
แล้วแผนการณ์ของท่านเดชาก็ออกจากปากของท่าน โดยขอความร่วมมือจากอดีตผู้ช่วยที่ท่านแสนไว้ใจคิดจะฝากแก้วตาดวงใจคนเล็กที่น่าสงสารคนนี้ของท่านให้ดูแลจนกว่าหลานชายจะสำนึกได้และถามไถ่ถึงหลานสาวของอดีตผู้ช่วย จนรู้ถึงชีวิตที่น่าเศร้าแสนอาภัพของเด็กสาวที่อายุอานามไม่ได้ห่างกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่
ข้าง ๆ เท่าไหร่นัก
"งั้นก็เอาตามนี้ โอเคมั้ยลูก น้องขวัญ หนูจะอยู่กับลุงปกรณ์ช่วงก่อนเปิดเทอมนี้ได้มั้ยลูก แล้วปู่จะเล่าเรื่องนี้ให้แด๊ดกับมี้ของเราฟังเอง" คุณปู่ถามความสมัครใจของเด็กสาว
"ได้ค่ะคุณปู่ น้องขวัญอยู่ตรงไหนก็ได้ค่ะ แต่คุณปู่กับคุณลุงคุณป้าจะไปหาน้องขวัญใช่มั้ยคะ" เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่ายเพราะในชีวิตเธออยู่กับพี่เลี้ยงที่เป็นคนแปลกหน้ามาตลอดเลยไม่รู้สึกกลัวใครอยู่แล้ว
"ไปหาสิลูก แล้วหนูยังมาหาปู่ที่นี่ได้ด้วยนะ เอางี้วันนี้หนูไปเก็บของที่บ้านแต่อะไรที่วางไว้ข้างนอกไม่ต้องเอามา เพราะเดี๋ยวศิลาจะรู้ว่าหนูกลับบ้านคืนนี้ปู่จะไปนอนเป็นเพื่อนหนูเอง โอเคมั้ย" คุณปู่บอกซึ่งคนตัวเล็กก็พนักหน้าอย่างเข้าใจ
"แต่แท็บเล็ตมีไลน์ของหม่ามี๊นะคะ" เด็กน้อยว่าเสียงเศร้าที่จะไม่ได้เอาแท็บเล็ตเครื่องเดิมของเธอมาด้วย
"ไม่เป็นไรลูกหนูจะได้เครื่องใหม่วันนี้เลยแล้วเอาไปดึงข้อมูลเครื่องเก่ามาใส่ให้หมด ทุกอย่างจะเหมือนเดิม ปะ ลูกกลับบ้าน ไปปกรณ์ ทุกอย่างฉันต้องฝากนายแล้วต่อจากนี้" ท่านเดชาว่าพรางจับมือเล็กของหลานสาวลุกเดินออกจากห้องไป
Kiss club
"ศิลามาแล้วว่ะ" โรมเอ่ยขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูห้อง VIP เข้ามาด้วยสีหน้าที่ยุ่งยาก
"เจอมั้ยวะ น้องถึงบ้านแล้วใช่มั้ย" มาร์คถามพรางยื่นแก้วเหล้าชงใหม่ให้เพื่อน
"แหม... มาร์ค ป่านนี้ก็ถึงแล้วมั้ยไม่งั้นศิลาจะมาหรอ โตขนาดนั้นจะห่วงทำไมนักหนา" แมรี่ว่าพรางยกแก้วขึ้นจิบพร้อมส่งสายตาให้ชายหนุ่มอย่างยั่วยวน
"หึ! กูมาเพราะกูมีหลักฐานต่างหากล่ะ อีคนสารเลวเลี้ยงไม่เชื่อง มึงจ้างพนักงานอุ้มน้องกูไปทิ้งที่รอรถแท็กซี่งั้นเหรอ" ชายหนุ่มว่าพรางเดินเข้าหาหญิงสาวอย่างเดือดดาลจนเพื่อน ๆ กระโดดล็อคคอกันพัลวัน
"มึงไปเลยนะ มึงเตรียมนอนคุกได้เลย แล้วถ้าน้องกูเป็นอะไรไปกูจะทำให้มึงวอดวายทั้งโคตร" ชายหนุ่มชี้หน้าประกาศกร้าวพร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากห้องทันที
"ศิลา!!!" เพื่อนชายทั้ง 3 วางแก้วแล้วลุกวิ่งตามชายหนุ่มลงมายังลานจอดรถที่ชายหนุ่มกำลังจะขับรถออกไป
"เดี๋ยวศิลา ยังไงวะมึงบอกพวกกูดิ๊" เทนรั้งแขนเพื่อนไว้แล้วถามอย่างจริงจัง
"แมรี่จ้างพนักงานอุ้มของขวัญไปวางไว้ที่รอรถแท็กซี่ ตรงนั้นมันไม่มีกล้องไม่รู้ของขวัญไปไหน" ชายหนุ่มก้มหน้าเล่าเม้นริมมฝีปากแน่น
"แล้วน้องยังไม่ถึงบ้านหรือวะ แล้วมึงไม่โทรหาน้องล่ะอายุขนาดนั้นต้องมีมือถือแล้วล่ะ" เทนออกความเห็น
"ไม่ว่ะ น้องขวัญเพิ่งมาถึงเมื่อวานเย็น ยังไม่ได้ซื้อมือถือให้มีแต่แท็บเล็ตอยู่ที่ห้อง อ่านภาษาไทยไม่ออก แล้วสำคัญคือน้องไม่มีเงินติดตัวซักบาท" ชายหนุ่มว่าพรางยกมือลูบหน้าตัวเอง
"เชี้ย... แล้วไง งั้นกูว่าเราออกตามหาน้องกันเถอะ กูว่าคงเดินกลับแหละเราไปถามคนแถวนั้นดูก่อนจะค่ำกว่านี้เถอะ" โรมว่าพร้อมกับเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองแล้วเพื่อน ๆ ต่างพากันแยกย้ายกันไปที่รถของตัวเองเพื่อช่วยกันตามหาน้องตัวเล็กที่หายไป