EPISODE - 02 / 2
“นี่มันอะไรกัน!” ฉันกระชากเสียงถามแม่เลี้ยงที่ยืนชี้นิ้วสั่งพวกคนใช้
“อ้าว! กลับมาแล้วก็ดี ข้าวของเธอนี่เยอะจริงนะ” แทนที่นารันจะตอบคำถามฉัน แต่เธอกลับแหวเสียงแขวะฉันกลับเสียอย่างนั้น
“มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับของของวา” ฉันรีบวิ่งไปหยิบลูฟี่ ตัวการ์ตูนที่ฉันชอบและเป็นตัวแรกที่ม๊าซื้อให้มากอดไว้
“นี่คือคำสั่งของคุณบารมี” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยออกมา
ฉันตาเบิกกว้างเมื่อชื่อพ่อถูกนำมาใช้กับเรื่องนี้ “ไม่จริง ป๊าไม่มีทางทำแบบนี้”
แม้ในใจลึกๆ จะหวาดกลัวว่ามันคือความจริง แต่ฉันก็ไม่อาจจะรับได้
“ไม่เชื่อแกก็โทรไปถามเขาเองสิ แต่ไม่รู้นะว่าเขาจะมีเวลาว่างรับสายแกหรือเปล่า”
รอยยิ้มเย้ยหยันถูกส่งออกมาท้ายประโยค ฉันไม่ประวิงเวลารีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรถามความจริงทันที
ตู้ด ตู้ด รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ ฉันกดต่อสายไปอีกครั้งและสำเร็จ...
“ป๊าเรื่อ...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อปลายสายตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิด
[แกจะโทรมาทำไมตอนนี้ ป๊ายุ่งอยู่ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดอย่าโทรมาตอนฉันทำงาน ...ติ๊ด] ฉันค้างโทรศัพท์แนบหู หัวใจข้างในมันร่ำร้องออกมาราวกับสายเลือด
“หึ! เป็นไง ฉันเตือนแล้วแกไม่ฟังเองนะ พวกแกก็รีบๆ ขนข้าวของคุณหนูพวกแกไปบ้านเล็กด้านหลังได้แล้ว มัวอืดอาดยืดยาดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวคืนนี้คุณหนูพวกแกก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนหรอก” คำสั่งเชิงดุด่าของนารันทำให้คนใช้สามคนพากันวิ่งวุ่นหัวปั่น
“ป้าแช่ม อย่าเอาของวาไปเลยนะ วาจะกลับห้องวา วาไม่ไปนอนที่นั่น”
ฉันหยุดมือป้าแช่มที่กำลังลากกระเป๋าเสื้อผ้าฉันไปบ้านเล็กตามคำสั่งนารัน
“คุณหนู ป้า เอ่อ ป้า” ป้าแช่มมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พลางเหล่ตามองนารันที มองฉันทีคล้ายกับไม่รู้จะทำตามคำสั่งใครมากกว่ากัน
“คุณวา คุณวา!” เสียงพี่พิมพ์ทำให้ฉันรีบปล่อยมือป้าแช่มและวิ่งไปกอดเธอ
“พี่พิมพ์ ช่วยวาด้วย พวกเขาๆ” ฉันสะอื้นพูดไม่เป็นคำกับพี่พิมพ์
“อะไรกัน พี่พิมพ์แค่กลับบ้านนอกแค่สองสามวันทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้”
ใช่! พี่พิมพ์เพิ่งลากลับบ้านนอกไปเมื่อสองวันก่อน ทำให้นารันกำเริบใหญ่เล่นงานฉันที่อยู่ตัวคนเดียว
“ชักช้าอะไรล่ะ! หรืออยากให้ฉันบอกคุณบารมี” นารันตวาดพวกคนใช้ที่ยืนชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อไปเสียงลั่น
“คุณนารันไม่มีสิทธิ์ทำกับคุณวาแบบนี้นะคะ” พี่พิมพ์ออกหน้าแทนฉัน เธอเดินไปประจันหน้ากับนารันอย่างไม่ยี่หระเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
“แกเป็นแค่คนใช้ อย่าสะเออะมาขึ้นเสียงใส่ฉัน”
“ใช่! พิมพ์เป็นแค่คนใช้ แต่พิมพ์ก็มีหัวใจเป็นมนุษย์มากกว่าคุณ!”
“พี่พิมพ์” ฉันรีบวิ่งไปรั้งพี่พิมพ์ที่ตอนนี้กำลังเลือดขึ้นหน้าใส่นารันที่มีศักดิ์เหนือกว่า “ปากดี! ได้ ฉันจะฟ้องคุณบารมีให้ไล่แกออก”
“คุณนารัน!” ฉันตะโกนเรียกชื่อนารันลั่น ทำเอาเจ้าของชื่อสีหน้าเจื่อนเมื่อเห็นด้านก้าวร้าวของฉัน “แค่วาไปอยู่บ้านหลังนั้นทุกอย่างก็จบใช่ไหมคะ” ฉันกลั้นใจถามออกไป “งั้นวาจะไปเอง วาจะไปอยู่ที่นั่น แต่คุณห้ามยุ่งกับพี่พิมพ์เด็ดขาด!”
“คุณหนู”
“ไปค่ะพี่พิมพ์ เราไปอยู่ที่นั่นก็ดีแล้ว จะได้สงบสุขไม่มีใครมาวุ่นวายกับพวกเรา”
ฉันพูดประชดนารันไว้เท่านั้น ก็กอดเอวรั้งให้พี่พิมพ์เดินตามมายังหลังบ้าน
ไม่ได้อยากยอมผู้หญิงใจร้ายคนนั้น แต่บางที การที่ฉันออกมาอยู่บ้านเล็กที่ไม่มีสองแม่ลูกและหลานสาวเธออยู่ฉันอาจจะมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้
“คุณวาไม่น่ายอมยัยแม่เลี้ยงใจร้ายนั่นเลย”
“พี่พิมพ์อย่าไปพูดให้ใครได้ยินเข้านะคะ วาไม่รับปากว่าจะช่วยพี่พิมพ์ได้ทุกครั้ง”
ขนาดตัววาเอง วายังแทบเอาไม่รอด ฉันต่อคำนี้ในใจ
“เฮ้อ! เมื่อไหร่คุณท่านจะตาสว่างสักทีนะคะ”
ฉันฝืนยิ้มให้พี่พิมพ์ พี่เลี้ยงที่แสนใจดีที่คอยเคียงข้างมาโดยตลอด จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันเก็บกวาดบ้านใหม่ที่ไม่มีคนอยู่มาหลายปี
ม๊าคะ วาคิดถึงม๊าจังเลย
ม๊าช่วยส่งใครมาช่วยวาออกจากขุมนรกนี้สักทีได้ไหมคะ
ฉันคร่ำครวญในใจ หัวใจบอบช้ำดวงนี้ไม่รู้จะเข้มแข็งได้นานแค่ไหน
ฉันจะต่อสู้กับนารันและนาวิทย์สองแม่ลูกได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ถ้าสักวันฉันถอดใจที่จะสู้ต่อไปแล้ว
คนบนฟ้าจะให้อภัยในการตัดสินใจเลือกทางออกตอนนั้นไหม
ไม่ได้นะวาวา เธอต้องเข้มแข็ง เธอคือลูกสาวของแม่วารินนะ