บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ‘สงครามขนาดย่อม’

หลังจากที่ฉันจัดการเก็บของใช้ให้เข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ฉันก็เดินออกมาสำรวจข้างนอกต่อว่ามีห้องอะไรอยู่ตรงไหนบ้างฉันจะได้รู้ไว้ และไม่ลืมที่จะเดินไปดูห้องออกกำลังกายของพี่ทามด้วย แต่...ประตูมันล็อกเข้าไปดูไม่ได้ก็เลยอดดูไปหนึ่งห้อง ก็แปลกใจเหมือนกันแหละว่าแค่ห้องออกกำลังกายแต่ทำไมต้องล็อกแน่นหนาขนาดนั้นด้วย

แต่สุดท้ายฉันก็เลิกสนใจแล้วเปลี่ยนไปสำรวจห้องอื่น ๆ แทนเดินเข้าๆออกๆทุกห้องทุกซอกทุกมุมของคอนโดจนเหนื่อยก็เลยเดินไปดื่มน้ำในห้องครัวแทน

ปึก!

“อ่าส” ดื่มน้ำเย็นๆนี่มันสดชื่นจริง ๆ เลย ว่าแต่นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วทำไมฉันรู้สึกหิวจังแล้วท้องฟ้าข้างนอกมันก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วยมืดครึ้มแปลกๆเหมือนฝนจะตกเลย

โอ๊ะ! นี่มันห้าโมงเย็นแล้วเหรอ ฉันยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่มาถึงที่นี่เลยนี่ ถึงว่าทำไมรู้สึกแสบท้องแปลกๆ ไหนขอดูในตู้เย็นหน่อยสิว่ามีอะไรให้ทำกินได้บ้าง

ปึก!

หื้อ ???

อะไรกันเนี่ยในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องเบียร์ พวกของสดผัก ไก่ ไข่ ไม่มีเลยเหรอ นี่เขาดื่มเบียร์แทนอาหารทุกมื้อเลยหรือไงถึงได้ไม่เตรียมของสดไว้ในตู้เย็นนะ

"ดื่มเก่งขนาดนี้เดี๋ยวตับก็พังกันพอดีหรอก"

ฉันหยิบกระป๋องเบียร์ออกจากตู้เย็นมาดูแล้วบ่นกระปอดแปดคนเดียว ก่อนจะส่งกระป๋องเบียร์เข้าไปเก็บในตู้เย็นตามเดิมแล้วปิดประตูลงพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

"เฮ้อ~ แล้วฉันจะเอาไรกินรองท้องละเนี่ย ไม่มีอะไรให้กินสักอย่าง"

“หิวหรือไง”

!!!

เฮือก! ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เสียงนิ่งๆเย็นชาของพี่ทามก็ดังขึ้นอยู่ข้างหลัง มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยอะ “ค่ะ หิวมากพิ้งค์ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ฉันหมุนตัวหันไปหาพี่ทามแล้วทำหน้าหงอยๆพอเป็นพิธีและไม่ลืมที่จะลูบหน้าท้องให้พี่แกดูด้วย แต่พี่ทามไม่ตอบอะไรนอกจากมองหน้าฉันนิ่ง ในขณะที่ฉันได้แต่ยืนลูบหน้าท้องของตัวเองวนไป...

“...”

“ข้างล่างมีร้านสะดวกซื้อ ลงไปหาซื้อกินเอง”

พูดจบพี่แกก็เดินมาผลักไหล่ฉันจนกระเด็นไปอีกทางเพื่อไม่ให้ฉันยืนบังหน้าตู้เย็นของตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วหยิบเบียร์ไปดื่มหนึ่งกระป๋องจากนั้นก็เดินหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่คิดจะหันกลับมาดูดำดูดีฉันอีกเลย

เหอะ! เหอะ!

ฉันพูดไม่ออกเลย หยาบคายมากแล้วที่สำคัญจะเย็นชาอะไรเบอร์นั้นอะคนเรา น้ำใจอะรู้จักไหม พาภรรยาลงไปหาของอร่อยๆกินนะรู้จักไหม หรือไม่ก็เลี้ยงต้อนรับฉันสักหน่อยก็ยังดี นี่อะไรไม่ดูแลแล้วยังเฉยชาอีก ไอ้พี่ทาม! ไอ้คนบ้า ไอ้มนุษย์หน้านิ่งเอ้ย!

“ลงไปซื้อเองก็ได้วะ ฮึ่ย”

หลังจากที่ด่าพี่ทามในใจจบฉันก็ลงไปซื้อของกินจากร้านสะดวกซื้อข้างล่างคนเดียว ซื้อทุกอย่างที่อยากกินเสร็จก็ขึ้นไปนั่งกินบนห้องที่โซฟาหน้าทีวีคนเดียว ส่วนพี่ทามหลังจากที่เดินหายไปเมื่อหลายนาทีที่แล้วเขาก็ไม่ได้ออกมาอีกเลยไม่รู้ว่านอนไปแล้วหรือนั่งทำอะไรอยู่หรือเปล่า

แต่ฉันก็ไม่สนใจเขาหรอกจะสนใจไปทำไมขนาดเขายังไม่สนใจฉันเลย...

Rrrr

ครืด~ ครืด~

‘แม่’

“ค่ะแม่” ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์หลังจากที่ยกขึ้นมาแนบไว้ที่หู ส่วนตาก็ดูทีวีไปพลางๆ

(เป็นไงบ้างลูก อยู่กับพี่เขาได้ใช่ไหม) ฉันกลอกตามองบนทันทีที่รับสายปุ๊บแม่ก็ถามถึงลูกเขยตัวดีเลย แล้วถามอะไรไม่ถาม ถามว่าอยู่กับพี่ทามได้ไหม ได้ตรงไหนละคนใจร้ายแบบนั้นอะ

“ได้หรือไม่ได้พิ้งค์ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือลูกเขยแม่ใจร้ายกับพิ้งค์มาก” ฟ้อง ฉันต้องฟ้องให้แม่รู้ว่าลูกเขยสุดที่รักของแม่นะใจร้ายกับฉันขนาดไหน

(ใจร้ายยังไงเหรอลูก)

“ก็พี่ทามอะ ไม่ดูแลพิ้งค์เลยให้พิ้งค์หาข้าวหาน้ำกินเอง ทั้ง ๆ ที่พิ้งค์เพิ่งมาอยู่ที่นี่แท้ๆ ตามหลักแล้วเจ้าบ้านควรจะทำการต้อนรับให้ดีกว่านี้หรือเปล่าอะแม่ แบบพาไปเลี้ยงหมูกะทะ ชาบู หรืออะไรก็ได้อะ ไม่ใช่ไล่ให้พิ้งค์ลงไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแล้วมานั่งกินคนเดียวแบบนี้อะ”

ได้ทีฉันก็แร็ปรัวๆให้แม่ฟังเลย จนลืมว่าตัวเองต้องหายใจระหว่างพูดด้วย คือฉันเคืองอะที่เขาทำเป็นไม่สนใจฉัน ฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขานะ ไม่ใช่น้องวัวที่จับมาปล่อยให้หากินเองแบบนี้อะ อย่างน้อย ๆ แต่งงานกันแล้วก็ต้องพาฉันไปกินหมูกะทะก่อน เพราะฉันอยากกินมาก แต่ดูสิ่งที่ฉันได้กินสิ มาม่าคัพอะ น่าเคืองไหมละ

(พี่เขาแค่ต้องการสอนให้พิ้งค์เอาตัวรอดคนเดียวได้ไงลูก อย่าถือสาพี่เขาเลยนะ) เดี๋ยว แบบนั้นเขาเรียกว่าไม่สนใจใยดีหรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับการสอนให้เอาตัวรอดเลยเหอะ แม่นี่จริง ๆ เลยเข้าข้างพี่ทามตลอด อีกอย่างเขาควรดูแลศรีภรรยาให้ดีปะ ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยแบบนี้

“ไม่ใช่แล้วแม่ แบบนั้นเขาเรียกว่าไม่สนใจหนู เฉยชาอะแม่รู้จักไหมคะ”

(เอาหนาลูก อย่าไปโฟกัสจุดด้อยของพี่เขามากนักเลย อยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวพี่เขาก็เอ็นดูเราเองแหละ ทำตัวน่ารักๆอ้อนพี่เขาเยอะๆเดี๋ยวพี่เขาก็พาไปเองแหละ เชื่อแม่)

“ไม่อะ พรุ่งนี้หนูไปเจอเพื่อนแล้วพอหนูมีเพื่อน หนูจะนัดกับเพื่อไปกินหมูกระทะกันเองไม่ง้อพี่ทามหรอก”

(ไม่ได้นะพิ้งค์ หนูเพิ่งไปอยู่ที่นั้นจะไปไหนมาไหนให้ไปกับพี่ทามเท่านั้น หรือไม่ถ้าจะไปกับเพื่อนก็ต้องมีพี่เขาไปด้วยจะได้ปลอดภัย)

เฮ้อ แม่อะทำไมต้องรังแกชีวิตวัยรุ่นของฉันแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ รู้ว่าเป็นห่วงแต่ฉันก็โตแล้วปะ อีกอย่างอีตามพี่ทามนั้นแหละตัวดีของความไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้จะกลายร่างเป็นผีบ้าตอนไหนก็ไม่รู้

“พิ้งค์ไม่คุยกับแม่แล้ว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดใส่โทรศัพท์ที่มีแม่อยู่ในสาย เมื่อแม่พูดถึงเรื่องที่ฉันไม่ชอบ

(พิ้งค์...แม่แค่เป็นห่วงลูกเพราะแม่มีลูกคนเดียว หนูเข้าใจแม่ไหม) แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าตอนแรก ทำเอาฉันที่ทำหน้ายู่อยู่รู้สึกผิดขึ้นมาเลยที่เมื่อกี้ทำเสียงแบบนั้นใส่แม่

-_-

“พิ้งค์เข้าใจ พิ้งค์ขอโทษนะคะ...” ฉันขอโทษแม่เสียงอ่อย “งั้นพิ้งค์ไปนอนก่อนนะคะพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้า” ฉันขออนุญาตวางสายแม่ก่อนเพราะไม่กล้าพูดต่อแล้ว ก็พอแม่เอาเหตุผลนี้มาใช้ฉันก็หงอยเลยสิ เพราะทั้งชีวิตแม่ก็มีแค่ฉันคนเดียวจริง ๆ นั้นแหละ

(จ๊ะ แม่รักลูกนะ)

“ค่ะ หนูก็รักแม่เหมือนกันค่ะ”

ติ๊ด.

พอคุยกับแม่เสร็จฉันก็กดวางสายแล้วปิดทีวีที่ดูอยู่ทันทีเพราะไม่มีอารมณ์จะดูต่อแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็รู้สึกง่วงแล้วด้วย ปิดทีวีเสร็จก็เก็บกวาดของกินที่ซื้อมาให้เรียบร้อยต่อ ก่อนจะเดินไปทางห้องนอนของพี่ทามในลำดับต่อมา...

แอ๊ด~

“กรี๊ดดดดดด อย่าเข้ามานะฉันกลัวแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ…. ฮรื่ออ กรี๊ดดดดด”

กึก!

พอฉันเปิดประตูเข้าไปปุ๊บสิ่งแรกที่ฉันได้ยินก็คือเสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิตมาจากทีวีหน้าเตียงนอนของพี่ทาม ซึ่งเขากำลังนั่งดูอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาดูหนังอะไรอยู่ แต่เสียงที่ฉันได้ยินนี่น่ากลัวมากอะทั้งเสียงกรี๊ดเสียงดนตรีประกอบเหมือนหนังสยองขวัญเลย…

...แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากหรอกแค่แอบเหลือบมองนิดหน่อยพอเป็นพิธีว่าเขาจะหันมามองฉันไหม แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเลยนอกจากจอทีวีตรงหน้า ฉันก็เลยเดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำเพื่อทำธุระก่อนนอนแทน นั้นก็คือการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนนั้นแหละ

20นาทีผ่านไป...

แอ๊ด~

หลังจากที่อาบน้ำทาครีมบำรุงเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนลายแสนโปรดของฉันอย่างลูกหมีน้อยแสนน่ารัก

ฉันเดินตรงไปที่เตียงที่มีพี่ทามนั่งพิงหัวเตียงดูหนังอยู่ในท่าเดิม ฉันขึ้นไปนั่งบนเตียงของพี่ทามเหลือบมองเขานิดหน่อยก่อนจะหันไปมองที่หน้าจอทีวีที่เขาดูอยู่...

อ๋อ...ดูหนังสยองขวัญจริง ๆ ด้วยถึงว่าเสียงร้องที่ฉันบอกเมื่อกี้มันถึงได้น่ากลัวแบบนั้นก็เพราะมีผู้หญิงใบหน้าอาบเลือดกำลังวิ่งหนีฆาตกรโรคจิตอยู่นี่เอง นี่เขาชอบดูอะไรแบบนี้เหรอ น่ากลัวจะตาย

“พี่ทาม เบาเสียงหน่อยได้ไหมพิ้งค์จะนอนแล้ว”

ฉันหันไปบอกเขาพร้อมตั้งท่าจะล้มตัวนอน ใช่ ฉันกำลังจะนอน และฉันสั่งเขาให้เบาเสียงลง ก็เล่นเปิดทีวีเสียงดังขนาดนั้นใครจะไปหลับลง

“แล้วหมอนข้างที่พี่รองหลังอยู่อะขอได้ไหมจะเอามากั้นตรงกลาง” ฉันมองไปที่หมอนข้างที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งมันเป็นตัวช่วยสร้างเขตแดนระหว่างฉันกับเขาคืนนี้ไม่ให้ล้ำเส้นเข้ามาฝั่งตรงข้ามได้

“...”

“พี่ทาม พิ้งค์ขอหมอนข้างหน่อยได้ยินไหมเนี้ย” เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไม่ตอบฉันเอาแต่ดูทีวีอย่างเดียวฉันก็เลยเอ่ยขอกับเขาอีกรอบ

“จะกั้นตรงกลางให้เปลืองพื้นที่ทำไม”

เขาหันมาพูดกับฉันเสียงนิ่ง ทำเอาฉันเลิ่กลักเถียงไม่ออกเลยเมื่อเขาคิดแบบนั้น คือฉันนะไม่ได้ห่วงพื้นที่หรอก ฉันห่วงความปลอดภัยของตัวเองต่างหาก ถ้าคอนโดเขามีห้องนอนอีกห้องนะฉันจะขอแยกห้องนอนกับเขาไปเลยไม่มานอนบนเตียงเดียวกันกับเขาแบบนี้หรอก

ก็...นะ ทั้งชีวิตนี้ฉันเคยนอนกับผู้ชายที่ไหนละ ที่นั่งอยู่ตอนนี้ก็ถือว่ากล้ามากพอแล้ว ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีแล้ว แต่มันก็ยังเร็วไปสำหรับฉันที่จะมานอนร่วมเตียงกับผู้ชายอะ

“ละแล้วพี่จะนอนแบบไม่มีอะไรกั้นหรือไง” ฉันตอบกลับไปเสียงตะกุกตะกัก

“ถ้ากลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอต่อให้มีหมอนข้างมากั้นหรือไม่มีฉันก็ทำได้ เพราะฉะนั้นกั้นกับไม่กั้นมีค่าเท่ากันทุกอย่างอยู่ที่ฉัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะฉันไม่ได้พิศวาทเธอ แค่เห็นเสื้อนอนเธอฉันก็หมดอารมณ์แล้ว”

ว่าจบเขาก็หันไปสนใจทีวีต่อทำเหมือนฉันเป็นทาสอากาศต่อไป หน่อย!...ทำไมอะ เสื้อนอนฉันมันทำไมลายน้องหมีมันไม่ดีตรงไหน ออกจะน่ารักขนาดนี้ อีกอย่างมันเข้ากับคนน่ารักสดใสแบบฉันมากด้วย เขานี่มันเข้าไม่ถึงความน่ารักของฉันเลยสักนิด

"พี่อย่ามาบูลลี่น้องหมีพิ้งค์นะ คนเย็นชาแบบพี่อะถ้าเข้าไม่ถึงโมเม้นน่ารักๆแบบนี้ก็เงียบไปเลย"

"โมเม้นเด็กอนุบาลนะเหรอ"

เด็กอนุบาลงั้นเหรอ คนบ้านี้ทำไมถึงได้ปากร้ายแบบนี้นะ อนุบาลแล้วไงเดี๋ยวก็โตแล้วปะ ไม่ใช่สิอนุบาลแล้วคิดว่าแซ่บไม่เป็นเหรอ คอยดูเถอะถ้าวันไหนฉันลุกขึ้นมาใส่ชุดนอนไม่ได้นอนขึ้นมาละก็จะสะดุ้งจนลูกตาถล่นออกมาเลย

เหอะ!

"จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะอย่าให้เด็กอนุบาลแบบพิ้งค์แซ่บขึ้นมาละกัน เพราะพี่จะตายเอา"

ฟุบ!

ว่าจบฉันก็ล้มตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งตัวทันที ก่อนจะหันหลังให้พี่ทามไปอีกฝั่ง

เหอะ! คืนแรกก็ปากร้ายใส่ฉันแล้วอะ แล้วแบบนี้คืนอื่น ๆ ฉันไม่ต้องประสาทเสียก่อนนอนเพราะเขาเหรอ คิดดูเรียนก็หนักกลับมายังต้องมาปวดหัวกับเขาอีก ฉันคงต้องรักษาตัวเองก่อนจะได้รักษาคนอื่นแน่ ถ้าต้องอยู่ใกล้เขาแบบนี้ทุกวัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel