Chapter – 01 / 4
"พรุ่งนี้วันเสาร์เหรอ?" มองปฏิทินตรงโต๊ะข้างเตียงนอนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว
วันหยุดทีไร ฉันก็จะมีฐานะไม่ต่างจากคนที่ไปขออาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่ ไม่ว่าจะงานบ้าน งานเล็ก งานน้อย ฉันต้องหยิบจับเพื่อที่จะไม่ต้องนั่งว่างมีปากเสียงกับสองน้าหลานนั่นให้พ้น ๆ วันไป
สวบ...
เลิกคิดเรื่องปวดหัววันพรุ่งนี้ ไถตัวลงมุดผ้าห่ม หยิบโทรศัพท์หวังจะเอามาเก็บไว้บนหัวเตียงนอน แต่แล้วก็ต้องลุกขึ้นนั่งอีกครั้งอย่างไวแสง เมื่อหน้าจอที่ฉันกดออกมาอยู่ที่จอหลักแล้ว กลับปรากฏรูปที่แอบถ่ายเมื่อเช้าไว้เองอัตโนมัติ
รูปผู้ชายคนนั้น คนที่เห็นใบหน้าเพียงครึ่งเสี้ยว
อากงเหรอคะ? วูบหนึ่งฉันคิดถึงอากงที่ล่วงลับไปแล้ว
หรือว่านี่คือคำยืนยันจากอากงว่าเขาคือเนื้อคู่ของฉันจริง ๆ
ภายในที่ห้องเงียบสงัด ฉันได้แต่นั่งมองไปรอบห้องพร้อมกับคิดในใจ
สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นที่ฉันไม่เคยมีความเชื่อเรื่องนี้เลย กำลังจะทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง
ฟิ้ววววว
ผ้าม่านสีครีมปลิวไสวเมื่อต้องกับสายลมโชยมายามกลางดึก
ฉันได้แต่นั่งมองรูปของผู้ชายคนนั้นด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
อีกสองวัน... อีกแค่สองวันจีนก็จะได้ไปตามหาคุณแล้วนะคะ คุณว่าที่สามี
คืนนี้ขอให้เป็นคืนที่ยาวนาน ยาวชนิดที่ว่าตื่นมาอีกทีเป็นเช้าของวันจันทร์ ฉันจะได้ไปมหาวิทยาลัยเพื่อตามหาเขาคนนี้สักที
'ราตรีสวัสดิ์นะคะ คุณคนหล่อ'
โทรศัพท์มือถือที่ค้างหน้าจอไว้ที่รูปผู้ชายคนนั้นถูกวางไว้แนบอก ก่อนฉันจะหลับตาพริ้มหลับเข้าสู่ห้วงราตรีที่แสนยาวนานในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงนี้
เช้าวันจันทร์ , มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
ฉันนั่งมองหน้าจอมือถือที่ค้างอยู่ที่รูปที่เคยแอบถ่าย วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่ฉันประสบอุบัติเหตุแล้วไม่ได้มาเรียนเลยเกือบสัปดาห์
การมานั่งแหง็กอยู่คนเดียวที่หน้าตึกวิศวะเลยเป็นอะไรที่ดูจะสะดุดตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแบบนี้
"เมื่อไหร่จะมานะ" ฉันไม่กล้ามองออกไปบริเวณรอบตัวเองที่นั่งอยู่เลย แต่รับรู้ได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาทางนี้
ก็แหงล่ะ... ผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไม่ได้เรียนวิศวะแต่มานั่งที่หน้าตึกเขาแบบนี้คนอื่นก็อาจจะมองด้วยสายตาแปลก ๆ
หนึ่ง.. สงสัยเธอจะมาหาแฟน
สอง... ยัยนี่มาอ่อยผู้ชายแน่ ๆ
เฮ้อ! แล้วคิดว่าคนจะมองฉันข้อไหนกันล่ะ
ติ๊ง!!
นั่งภาวนาให้คนที่นัดฉันมารอตรงนี้มาถึงเร็ว ๆ เสียงข้อความแชตก็ดังขึ้น เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ไม่นั่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่มีอะไรทำ รีบกดเข้าไปอ่านข้อความนั้นทันที
Khuntong : เจ๊ ผมอาจจะถึงช้าหน่อยนะ
อ่านจบยิ่งทำให้เครียดกว่าเดิม
'ขุนทอง' คือเด็กข้างบ้านฉัน เราเคยเล่นกันตอนเด็ก ๆ เลยสนิทกัน หมอนี่เพิ่งจะเข้าปีหนึ่งคณะวิศวยานยนต์ และฉันก็จะเริ่มปฏิบัติการตามหาเนื้อคู่ที่จะช่วยให้ชีวิตฉันดีขึ้นจากน้องข้างบ้านคนนี้ เลยทักไปขอความช่วยเหลือเมื่อคืน น้องมันเลยนัดให้มานั่งรอที่นี่ในเช้าวันนี้
Me : ช้าแค่ไหน?
ถ้าช้ามากฉันจะได้ไปรอที่อื่น เพราะยิ่งสาย คนยิ่งเยอะ ฉันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใครไปมากกว่านี้
Khuntong : เกือบชั่วโมงเลยเจ๊
ฟู่... แล้วจะนัดฉันมาทำซากอะไรตอนเจ็ดโมงเช้านะ ขุนทองน้องรัก!
Me : งั้นถ้ามาถึงแล้วค่อยโทร.หาเจ๊แล้วกัน
Me : เจ๊คงไม่กล้านั่งรอตรงนี้เป็นชั่วโมง ๆ หรอก
ยิ่งก้มหน้าพิมพ์ข้อความ ยิ่งรู้สึกถึงสายตาเพิ่มมากขึ้นที่มองมาตรงนี้
"เฮ้ยมึง นั่นสาวสวยจากที่ไหนมานั่งเฉิดฉายอยู่ตรงนั้นวะ"
กำลังรอคำตอบจากเจ้าเด็กข้างบ้านอยู่ เสียง ๆ หนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ดังขึ้น ดังชนิดที่ว่าเขาอยู่ห่างจากฉันไม่ถึงสามก้าวน่ะ
"ไหน ๆ มารอผัวเปล่า"
ว่าคนแรกน่ากลัวแล้วนะ คำพูดคนที่สองนี่โคตรจะโผงผางเลยอะ
ใช่ค่ะ มารอผัว เอ๊ย! มารอเนื้อคู่ต่างหากค่ะ
เนื้อคู่ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครและตอนนี้อยู่ที่ไหน
"พวกมึงทำไรกันวะ"
กึก...
มือที่กำลังคล้องสายสะพายของกระเป๋าเข้าไหล่หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น คุ้นหู... รู้สึกเสียงนี้มันคุ้นหูยังไงไม่รู้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
"มองสาวว่ะ ขาว สวย หมวย สเปกมึงไม่ใช่?" เหมือนพวกเขากำลังคุยถึงผู้หญิงที่ไหนสักคน แต่ทำไมรู้สึกคำว่า ขาว หมวย มันตรงมาทิ่มแทงที่ตัวฉันเองก็ไม่รู้
"อย่ามาเสี้ยม กูคบน้องเจนนี่คนสวยอยู่"
อา... เขามีแฟนแล้ว สุภาพบุรุษดีนะ ออกตัวด้วยว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบนี้ อิจฉาผู้หญิงคนนั้นจัง
"ถุย! ทำเป็นแมน อย่าให้เห็นว่าแอบไปกุ๊กกิ๊กกับคนอื่นที่ใต้ตึกช่างนะมึง"
"ไอ้สัตว์ปอนด์ ไอ้ปากหมา!"
"มึงดูคนร้อนตัวว่ะ ไอ้หนม ฮ่า ๆ"
แล้วเสียงหัวเราะขบขันที่แสนจะดังแถมดูเป็นจุดเด่นก็เกิดขึ้น
แล้วฉันจะมัวมานั่งฟังบทสนทนาพวกเขาทำไมในเมื่อขุนทองมาไม่ได้ตอนนี้แล้ว ฉันก็ควรจะกลับบ้านก่อนเพราะวันนี้มีเรียนช่วงบ่าย
กลับบ้านเหรอ?
แค่คิดยังหดหู่เลย มีที่ไหนให้ยัยจีนคนนี้ไปสิงสถิตได้บ้างนะ