Chapter – 01 / 3
คนนี้เหรอ?
'เขาคนนี้คือเนื้อคู่ของหนูใช่ไหมคะอากง?' ฉันถามคำถามนี้ในใจอยู่หลายรอบ
ตั้งแต่เดินมาเกือบยี่สิบนาทีฉันเพิ่งเห็นผู้ชายคนนี้ที่ในมือถือถังป๊อปคอร์นสีแดงจากภาพยนต์ดังของโรงหนังแห่งหนึ่ง
แม้ว่าจะเห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง แต่ฉันว่าการจะสืบหาตัวตนของเขาคงไม่ยากเย็นเท่าไหร่ในเมื่อเขาสวมเสื้อช็อปแถมยังเป็นตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเดียวกันกับที่ฉันเรียนอยู่
แชะ!! อาจจะดูเสียมารยาทไปบ้าง แต่ฉันควรเก็บหลักฐานของผู้ชายคนนี้ไว้ด้วยการแอบถ่ายรูปใบหน้าครึ่งเสี้ยวนั้นไว้
"ขอเก็บรูปหน่อยนะคะ คุณอนาคตสามี"
ฟังคำพูดฉันแล้วอาจดูแก่แดดไปบ้าง แต่ถ้าทุกคนไม่ได้ตกอยู่ในสภาพชีวิตแบบฉันคงไม่รู้หรอก ว่าการต้องทนอยู่ชายคาหลังเดียวกันกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้ามันเป็นยังไง
แล้วไม่ต้องเดาไปมั่ว พูดไปเรื่อยว่าสามารถแก้ปัญหาให้ฉันได้ เพราะปัญหาที่ฉันเผชิญอยู่ไม่ใช่แค่เรื่องแม่เลี้ยงอย่างน้ามณี
แต่เป็นการรักษาทรัพย์สินของสุพัทสกุลไว้ต่างหาก ทรัพย์สินที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่ฉันรวมถึงบรรพบุรุษที่สร้างมา
"เจน เจ็บตรงไหนมั้ยครับ"
ฉันที่แอบอยู่ซอกทางเดินพลันหูก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมชายหญิงคู่หนึ่งเดินกอดเอวกันผ่านฉันไป
ทันทีที่รู้ว่าเจ้าของแผ่นหลังนั้นคือคนที่ฉันแอบถ่ายรูปไว้ใจก็หายวูบ
'เขามีแฟนอยู่แล้ว' นั่นคือสิ่งที่ฉันเห็น
แล้วแบบนี้ ผู้ชายที่ถือถังป๊อปคอร์นสีแดงคนนั้นจะเป็นเนื้อคู่ฉันได้ยังไง
"หรือจะไม่ใช่คนนี้" เริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ
แต่เอาเป็นว่าขอเก็บรูปคุณไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าเกิดฉันเดินไปเจอใครที่มีของสีแดงอีกและยังโสดสนิทจะลบรูปให้นะคะ ตบตีกับความคิดตัวเองเสร็จฉันก็ค่อย ๆ พาตัวเองออกมาจากซอกแคบ ๆ นั้นทันที
"ป่านนี้นมคงเป็นห่วงแย่แล้ว"
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูปรากฏว่านี่เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว หมอบอกให้กลับบ้านได้ตั้งแต่เก้าโมงเช้า นี่เล่นกินเวลาเดินหาคนตามความฝันตั้งเกือบสองชั่วโมง
ครืด ครืด....
นั่นไง แค่คิดถึงนม นมบัวผันก็โทร.มาแล้ว
"สวัสดีค่ะนม" ฉันกรอกเสียงใส ๆ ลงไป
[คุณหนูอยู่ไหนคะ นี่เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้วนะคะ ทำไมยังไม่ถึงบ้านอีก] เสียงนมบัวผันทั้งกระวนกระวายและเป็นห่วง
เฮ้อ รู้สึกผิดจังที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้นมฟัง จะได้ไม่เป็นห่วงฉันแบบนี้
"กำลังกลับค่ะ พอดีจีนแวะทำธุระนิดหน่อย"
[ธุระอะไรคะคุณหนู เพิ่งหายก็เริ่มดื้อเลยเหรอคะเนี่ย]
ประโยคนี้คุ้นหูดีนะ เหมือนนมไปลอกใครมาเลย
"อ้าว นั่นคนไข้ขี้ดื้อหรือเปล่าครับ"
กำลังจะคุยกับนมบัวผันต่อ แต่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นจากทางด้านหลังซะก่อน
"ค่ะ จีนเอง" ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้คุณหมอ 'ภีมมนัท' ที่ฉันเพิ่งสังเกตป้ายชื่อที่อก
"แล้วนี่ทำธุระเสร็จหรือยัง หรือว่ามีอาการอะไรผิดปกติเลยยังไม่กลับบ้าน" คุณหมอสุดหล่อถามยาวยืดแต่แววตาดูเป็นห่วงมาก
"เปล่าค่ะ จีนทำธุระเสร็จพอดี กำลังจะกลับค่ะ"
ดู ๆ ไป คุณหมอคนนี้ก็น่าจะอายุไม่เยอะเท่าไหร่ อาจจะสามสิบต้น ๆ แถมยังดูสุขุม ดูน่าอบอุ่น
"คนไข้เวียนหัวหรือมีไข้หรือเปล่าครับ จู่ ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา"
อร๊าย แย่จริง ทำไมปล่อยไก่ออกมาตัวเบ้อเริ่มแบบนี้นะเรา
"ปะ เปล่าค่ะ จีนขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ"
เล่นทักขนาดนั้นฉันคงไม่ยืนให้ตัวเองอายหนักกว่าเดิมหรอกจริงมั้ย
แต่เอ... ดวงฉันกับคุณหมอภีมมนัทรู้สึกจะสมพงศ์กันเกินไปหรือเปล่า
นี่ขนาดเดินมาตึกทางทิศตะวันออกแล้วยังเจอกันด้วยความบังเอิญเลย
หรือว่า... บางทีคุณหมออาจจะคือคนที่อากงบอกไว้?
แต่ตามเนื้อตัวเขาไม่มีอีกอย่างที่อากงบอกไว้นี่นา
สีแดง... คุณหมอสุดหล่อยังขาดสีแดงที่เป็นของสำคัญอีกชิ้น
ถ้างั้น หนูจีนคงต้องตามสืบตัวตนของผู้ชายคนที่อยู่มหาลัยเดียวกันคนนั้นแล้วล่ะ ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่จีนจริง ๆ อากงช่วยบอกให้จีนรับรู้ด้วยนะคะ
ตอนนี้แม้จะต้องพึ่งผีอากงฉันก็คงยอมแล้วล่ะ ในเมื่อนับวัน แม่เลี้ยงฉันยิ่งร้ายหนักข้อขึ้น ฉันไม่อยากถูกเฉดหัวออกจากบ้านก่อนวันเปิดพินัยกรรมตอนอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ หรือก็คืออีกสามเดือนข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของฉันพอดี
บ้านสุพัทสกุล , 20.15 น.
Jane : หายดีก็ดีแล้วจะได้มาเรียนสักที
Munkaew : พวกเราเป็นห่วงมากเลยนะตั้งแต่ที่รู้เรื่อง
Jane : ใช่ ๆ แต่เสียดายที่ไปเยี่ยมไม่ได้
Jane : ส่งสติกเกอร์ร้องไห้
ฉันนั่งอ่านข้อความแชทของ เจน และ มันแกว เพื่อนสนิทอย่างตื้นตัน
Me : จีนขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง
ฉันกดพิมพ์ตอบเพื่อน ๆ กลับไป
กำลังสงสัยใช่ไหม ทำไมตอนที่ฉันนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อนสองคนนี้ถึงไม่มาเยี่ยม แต่กลับมานั่งพิมพ์ว่าเป็นห่วงฉันในตอนนี้
คำตอบง่าย ๆ คือ...
Munkaew : แม่เลี้ยงแกสุดยอดเลยจีน
Munkaew : โกหกพวกเราได้ว่าส่งแกไปรักษาที่ต่างประเทศ
Jane : เออ นั่นสิ ทำไมแม่เลี้ยงแกใจร้ายนักวะ
ฉันนั่งอ่านข้อความวิจารณ์แม่เลี้ยงฉันของเพื่อนทั้งสองคนเสร็จถึงกับส่ายหัว
Me : อีกไม่นานหรอกแก ฉันจะได้หลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้แล้ว
ตลอดเวลาตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ไม่มีสักวินาทีที่ฉันจะไม่คิดเรื่องในความฝัน
ฉันเชื่อว่าจะต้องมีคนมาพาฉันออกไปจากผู้หญิงใจร้ายคนนี้สักวัน
Jane : ทำไมแกพูดเหมือนเป็นลางร้ายแบบนั้นวะ!?
เจนรีบพิมพ์มาเป็นคนแรก ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะย้อนขึ้นไปดูสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ไป
Me : เฮ้ย ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก ฉันแค่มีวิธีหลุดพ้นจากน้ามณีแล้วเท่านั้นเอง
Jane : แกว ดูเพื่อนแกสิ พูดเป็นลางอีกแล้ว เจนไม่ปลื้มค่ะบอกเลย!!
"..." ฉันถอนหายใจฟู่ใหญ่ ในกลุ่มเพื่อนฉัน เจนคือคนที่ชอบคิดมาก คิดเองเออเอง คิดแต่ละอย่างเป็นเรื่องใหญ่ไปหมด
Munkaew : เจนอย่าดรามาเยอะ ฉันว่าแกอะกำลังแช่งยัยจีนมากกว่า
เออ ใช่แกว แกต้องเตือนสติยัยเจนบ้าง
Me : เจนอะชอบคิดมาก ถ้าเป็นลางจริง คงเป็นลางดีมากกว่า
ฉันส่งสติกเกอร์ยิ้มสวยส่งไปในห้องแชต ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วจากเพื่อนทั้งสองคนแต่กลับไม่มีใครตอบอะไรกลับมา
Me : เฮ้ เพื่อน ๆ นอนกันแล้วเหรอ
Me : มีอะไรหรือเปล่าทำไมไม่เห็นพิมพ์อะไรกลับมาเลย
ข้อความฉันขึ้นอ่านจากทั้งสองคนอีกครั้งแต่ไม่มีใครตอบกลับมาอีกเช่นเคย รออีกประมาณหนึ่งนาที เจนจึงเป็นคนพิมพ์กลับมา
Jane : ดูไลฟ์สดหลัวเกาอยู่ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะแก
ให้มันได้แบบนี้สิเพื่อนฉัน ไอ้เราก็นึกว่ายังคิดมากเรื่องที่ฉันพิมพ์ออกไป
Me : แกก็ด้วย? @Munkaew
รอไม่นานมันแกวก็ตอบกลับอย่างไว แถมตัดจบแบบไม่เหลือเยื่อใยฉันอีก
Munkaew : แค่นี้นะเพื่อน หลัวสำคัญกว่านะนาทีนี้
เออ ให้มันได้แบบนี้เซ่! เชิญไปดูนักร้องเกาหลีขวัญใจพวกแกตามสบายเลย
ฉันมันก็แค่เพื่อนผู้หญิงจะไปสำคัญอะไร ดรามาในใจไปงั้น จริง ๆ คือรู้นิสัยเพื่อนแหละว่าผู้ชายต้องมาก่อน
Me : งั้นฝันดีนะทั้งสองคน @Jane @Munkaew
ส่งข้อความเสร็จฉันก็กดออกจากหน้าแชตทันที เอนหลังพิงหัวเตียง เหม่อมองไปยังผนังห้องสีฟ้าอ่อน ๆ อย่างเหม่อลอย
ไม่รู้ว่าฉันนั่งแบบนั้นอยู่นานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ง่วงนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว