Chapter – 02 / 1
อ๊ะ! คิดออกแล้ว... มหา’ลัยนี้ใกล้บ้านยัยเจนนี่นา งั้นไปแอบเซอร์ไพรส์เพื่อนรักตอนเจ็ดโมงหน่อย ดีกว่า
"ได้ข่าววันศุกร์พาสาวไปดูหนังแล้วมีเรื่องเหรอวะ?"
ขาเรียวยาวค่อย ๆ ก้าวออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น แต่หูยังได้ยินเสียงสนทนาของกลุ่มผู้ชายน่าจะราว ๆ สามสี่คนดังลอยมาเรื่อย ๆ
ถ้าฉันใจกล้ากว่านี้คงหันไปมองหน้าพวกเขาแล้วล่ะ แต่เพราะจิรนันท์มันป๊อด เลยไม่กล้าสู่สายตาคนอื่น ๆ
ได้แต่ก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งจุดหมายปลายทางคือบ้านพักของเพื่อนสนิท
Aungpao's part
"ได้ข่าววันศุกร์พาสาวไปดูหนังแล้วมีเรื่องเหรอวะ?"
ไอ้จมูกหมา ผมด่าไอ้ขนมโก๋ทางสายตา ขนาดแอบไปตอนวันศุกร์สุดสัปดาห์เพื่อจะไม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านแล้วนะ ไอ้เพื่อนตัวดียังเสือกรู้อีก
"เออ ซวยมาก ยังไม่ทันเข้าโรงหนัง ต้องพาสาวเข้าโรงพยาบาลแทน"
นึกถึงเรื่องที่ไอ้หนมถามแล้วมันจี๊ดที่หัวใจขึ้นมาทันที
"ฮ่า ๆ มึงนี่ดวงกินผู้หญิงหรือไงวะ" ผมใช้หางตาค้อนไอ้ปังปอนด์ที่แซวผมอีกคน
ก่อนจะแนะนำตัวเองผมขอแนะนำไอ้สองตัวที่กำลังพูดมากนี่ก่อนแล้วกัน
ไอ้คนแรกที่พูดดูดีมีสาระ ชื่อ 'ขนมโก๋' แต่พวกเราชอบเรียกมันว่า'ไอ้หนม'
ส่วนอีกคนที่พูดมาก พูดเรื่อยเปื่อย พูดเหมือนปากไม่มีหูรูดชื่อ 'ปังปอนด์' ไอ้นี่ผีคงเจาะปากมันมาพูด เพราะพูดได้ทั้งวี่ทั้งวัน
เห็นเพื่อน ๆ แซวผมแรง ๆ แบบนี้.ถามว่าโกรธมั้ย?
ผมไม่โกรธพวกมันหรอก ก็มันเป็นเพื่อนที่แสนดีของผมเสมอ ดีขนาดที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยล่ะว่าพวกมันสองตัวจะทำเพื่อผมได้
พอ ๆ อย่าเพิ่งรำลึกอดีตเดี๋ยวบ่อน้ำตาแตก
"สงสัยจะเข้าเบญจเพสว่ะ" ผมคิดหาเหตุผลอะไรมาใช้กับสถานการณ์ในตอนนี้นอกจากเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ
"เออ อีกสามเดือนมึงก็ครบยี่สิบห้าแล้วนี่" ผมพยักหน้าให้ไอ้ขนมโก๋ที่มันจำวันเกิดผมได้
ส่วนผมเป็นใครน่ะเหรอ?
ผมชื่อนายอภิวัฒน์ ภูมิกิจนิกุล ชื่อเล่น อั่งเปา เป็นเด็กช่างยนต์ปีสี่
ฟังไม่ผิดหรอก ผมอยู่ปีสี่ แต่อีกสามเดือนจะอายุครบยี่สิบห้าปีแล้ว แก่ในวัยเรียนมากใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่ว่าผมโง่ดักดานจนเรียนไม่จบเลยแก่ขนาดนี้นะ แต่ผมมีเหตุผลที่ยังเรียนไม่จบจนจะยี่สิบห้าอยู่แล้ว
แต่ถึงผมจะอายุยี่สิบห้า แต่กล้าให้ท้าไปยืนปนกับเด็กปีหนึ่งได้เลยว่าหน้าผมน่ะเด็กกว่าพวกปีหนึ่งหลายคนเยอะ
ไม่เชื่อ? ไม่เชื่อก็มาพิสูจน์สิครับ ผมน่ะ หน้าเด็ก สเปกสาว ๆทั้งมหา’ลัยเลยล่ะ
รูปผมนี่ขึ้นหน้าปกนิตยสารทุกฉบับของมหา’ลัยเลยด้วย พูดแล้วจะหาว่าคุย เอาเป็นว่ารู้จักผมแค่นั้นก่อนก็พอ เดี๋ยวจะหลงเสน่ห์ผมไปกันใหญ่
"เออ ไอ้เปา วันนี้วันที่สามแล้วใช่ไหมวะ?" เสียงไอ้หนมถามขึ้น
"วันที่สามเชี่ยไรครับคุณขนม”
“นี่วันที่สิบสี่ วันที่สามพ่องมึงสิ ไอ้นี่สมองเสื่อมหรือไง?"
ผมยังไม่ทันจะตอบอะไร ไอ้ปังปอนด์ก็โชว์โง่ออกไปเองซะงั้น
ป้าบ!!
"สมองเสื่อมพ่องมึงสิ วันที่สามของกูไม่ได้หมายถึง 'วันที่' ไอ้สมองช้า!"
ผมขำในลำคอที่เห็นไอ้ปังปอนด์ที่นาน ๆ ทีจะถูกไอ้ขนมโก๋ด่าให้ เพราะปกติปังปอนด์มันเกรียนเก่ง ไม่มีใครเถียงมันทันหรอก
ส่วนเรื่องวันที่สามที่ขนมโก๋พูดขึ้นมันคงลืมไปจริง ๆ ว่าหมายถึงอะไร
"เออ วันนี้วันที่สาม กูแม่งโคตรลุ้นเลย" พูดเองยังขนลุกเองเลย
ไม่รู้ช่วงนี้ชีวิตผมเป็นเชี่ยอะไร มักจะมีเรื่องแปลก ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเข้ามารุมเร้าอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งไอ้เรื่องวันที่สามที่ว่าด้วย
"เดี๋ยว ๆ นี่มึงก็บ้าไปกับไอ้หนมด้วยเหรอวะ" ไอ้ปังปอนด์ยังไม่เข้าใจคำว่าวันที่สามอยู่อีก
"หลีก กูจะคุยเป็นการเป็นงาน" มือยาว ๆ ของขนมโก๋กันไม่ให้ปังปอนด์เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
"อะไรวะ เออ กูนั่งฟังคนบ้าคุยกันก็ได้ งอน!!" ผมกับขนมโก๋ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพร้อม ๆ กัน ก่อนที่เพื่อนคนนี้จะพูดเรื่องของผมต่อ
"นี่ก็จะแปดโมงแล้ว มึงว่าจะซ้ำรอยเปล่าวะ?"
ผมได้แต่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อืม ตอนนี้เจ็ดโมงสี่สิบ อีกยี่สิบนาทีก็จะแปดโมงตรงเคารพธงชาติ ถุย!
แปดโมงตรงของผมไม่เกี่ยวกับเคารพธงชาติ แต่เกี่ยวกับว่าผมกับน้องเจนนี่คนสวยจะได้ไปต่อหรือเปล่า
"กูว่าน่าจะลางดี" วันนี้ผมรู้สึกอารมณ์ดีแปลก ๆ ไม่ดูหดหู่แถมคิ้วขวายังไม่กระตุกอีก ไม่แน่ ไอ้เรื่องอาถรรพ์สามวันของผมอาจจะหายไปแล้วก็ได้
"เฮ้ย!"
ไอ้เชี่ย!! ผมร้องด่าไอ้ปังปอนด์ด้วยสายตา
นั่งเงียบมาตั้งนาน จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นตบมือเสียงดังแล้วอุทานออกมาหาบรรพบุรุษของมันเสียงนี่ลั่นลานเลย
"เป็นเชี่ยไรของมึงอีกวะ?"
ไอ้ขนมโก๋ขมวดคิ้วถาม ถ้าคำตอบไม่งามมีตบซ้ำผมว่า
"วันนี้วันอาถรรพ์ของมึงนี่ไอ้เปา!?"
เอิ่ม... เขาไปห้าจี(5G)กันแล้ว ไอ้เพื่อนคนนี้ยังอยู่ยุคสองจี(2G)หรือยังไง
อย่าบอกนะที่มันนั่งเงียบคือมันกำลังหาคำตอบให้ตัวเองเรื่อง 'วันที่สาม' ที่พวกผมกำลังคุยกัน
"ช้าไปมั้ย?" ไอ้ขนมโก๋ช่วยขยี้แทนผมเป็นที่เรียบร้อย
"เอ้า! ใครจะไปรู้ว่ามึงไม่ได้ถามวันที่"
ไอ้นี่ก็แถต่อได้อีก "ขี้แถ"
"กูไม่ได้แถ ก็กูเข้าใจแบบนั้นจริง ๆ"
"แก้ตัว"
"กูไม่ได้แก้ตัว..."
"พอ ๆ" ผมรีบเบรกเพื่อนทั้งสองตัวที่กำลังเริ่มจะทะเลาะกันเล่น ๆ แบบจริงจัง
"พวกมึงกำลังทำกูเสียฤกษ์" หน้าผมบึ้งตึงทันที
ตอนแรกที่เดินมานั่งตรงนี้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่พอไอ้สองตัวนี่เริ่มกัดกันอารมณ์ผมเลยบูดไปเลย