บทที่ 6
(Mode: Lucas Collins)
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันผ่านมานานกี่วันแล้ว รู้แต่ว่าวันเวลาช่างเดินไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
ผมค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังลอดเข้ามาผ่านโสตประสาท ผมนอนคว่ำอยู่กับเตียงแบบนี้มาตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้เข้ากะทำงาน ซ้อมดนตรีก็ไม่มีอารมณ์จะไป ส่วนต้นตอของเสียงโทรทัศน์ที่เพิ่งดังขึ้นกลางดึกแบบนี้ จะมาจากใครเป็นไม่ได้นอกจากน้องชายฝาแฝดตัวดีของผมที่คงจะเพิ่งเลิกงานมา
โลแกนมองหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่ดูใหม่ อย่างอื่นนอกจากนั้นอยู่ในสภาพเก่าจากใช้งานมาไม่ต่ำกว่าสิบปี ข้าวของทุกอย่างในบ้านผมก็เป็นแบบนี้หมดแหละครับ ยังไม่นับรวมความไม่เป็นระเบียบเพราะผู้ชายสองคนอาศัยอยู่รวมกันด้วยนะ เสื้อผ้าของผมกองอยู่มุมหนึ่งตรงพื้น อีกมุมของโลแกน ถุงเท้าข้างหนึ่งที่คงจะหาคู่ของมันไม่เจออีกแล้วอยู่ที่ปลายเตียง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องของชายโสดสองคน
อันที่จริงแล้วบ้านของพวกเรามีห้องนอนห้องข้างๆ อีกห้อง ซึ่งเป็นห้องของลิซ่า น้าสาวของผม น้องสาวแท้ๆ ของแม่ ญาติเพียงคนเดียวที่ผมกับโลแกนหลงเหลืออยู่ จริงๆ น้าเองก็บอกให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปนอนในห้องนั้นก็ได้ตอนน้าไม่อยู่ ซึ่งน้าก็ไม่อยู่แทบจะทุกวันอยู่แล้วน่ะนะ แต่เนื่องจากข้าวของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เสื้อผ้า และอื่นๆ ของพวกเราอยู่ที่ห้องนี้กันหมด ประกอบกับที่ว่าเตียงของห้องนี้เป็นไซส์คิง การนอนรวมกันสองคนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตรงกันข้าม พวกเราตัวติดกันมาแบบนี้จนชินไปเสียแล้วมากกว่า
ผมมองโลแกนเปิดเบียร์กระป๋องที่หยิบขึ้นมาจากตู้เย็นชั้นล่างด้วย แล้วไม่ได้เอามาแค่กระป๋องเดียว แต่ล่อมาตั้งสามกระป๋อง นี่เอ็งกลายเป็นไอ้ขี้เมาขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่เยอะไปหน่อยเหรอ” ผมพึมพำ ทำเอาคนที่กำลังให้ความสนใจกับรายการทีวีอยู่หันหน้าขวับกลับมา
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
“เมื่อกี้” ผมตอบ ยันตัวลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ปวดหัวไปหมดเหมือนหัวจะระเบิดออกมา อาการนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้หากคนคนนั้นนอนตอนหัวค่ำและตื่นขึ้นมาดึกๆ แบบนี้ โอย… เหมือนจะมีอะไรหลุดออกมาจากหัวงั้นแหละ “โลแกน ขอน้ำแก้วดิ”
“ได้แน่นอน” เจ้าตัวว่า เดินไปรินน้ำจากเหยือกที่ตั้งไว้ใส่แก้ว “ฉันมันเกิดมาเป็นเบ๊นายอยู่แล้ว”
เอ้า ยังจะประชดกันอีก
“แล้วนี่นายเป็นไงบ้าง พี่ชาย”
“ก็ดีนะ”
“ก่อนพูดคงไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเอง ตานายลึกโบ๋เข้าไปแล้วนั่น อย่างกับศพเดินได้”
“ช่างฉันเถอะน่า”
โลแกนยักไหล่ให้ผมทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับทีวีตรงหน้าต่อ ผมมองถั่วหลากสีที่น้องชายฝาแฝดเอาใส่ถ้วยมาเป็นกับแกล้มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเม็ดหนึ่งมาเข้าปาก จะว่าไปผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนี่นะ มื้อกลางวันก็แค่แซนด์วิชโง่ๆ ชิ้นหนึ่ง แถมยังกินไม่หมดด้วยนะ
แต่พอคิดว่าจะกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา ท้องไส้ของผมก็ปั่นป่วนราวกับมันกำลังบอกปฏิเสธว่าไม่ต้องการอาหารทั้งๆ ที่หิวจนไส้กิ่ว ทำไมขัดแย้งกันแบบนี้นะ เจ้าร่างกายบ้า
โลแกนส่งเบียร์ให้ผมกระป๋องหนึ่งจากนั้นก็เริ่มหัวเราะร่าไปกับมุกตลกทางทีวีที่ผมไม่เห็นขันด้วยตรงไหน… โอเค สารภาพก็ได้ จริงๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมก็คงหัวเราะขำพร้อมไปกับไอ้เด็กนรกข้างตัวนี่แหละ แต่ตอนนี้สภาพอารมณ์ของผมมันหดหู่ตลอดเวลา เหมือนมีฤดูฝนมาล้อมกรอบเอาไว้ ใครเคยอกหักมาก็น่าจะพอรู้ มันไม่มีความสุขไปกับอะไรเลยจริงๆ นะ ถึงแม้ตัวเองจะพยายามทำตัวให้ร่าเริงก็เถอะ
ในที่สุด เมื่อผ่านไปเกือบชั่วโมงและผมยังมีท่าทีซังกะตาย โลแกนก็ยกมือขึ้นทุบโต๊ะจนกระป๋องเบียและถ้วยใส่กับแกล้มที่ว่างเปล่ากระเด็นขึ้นมาจากพื้นโต๊ะเล็กน้อย และนั่นทำผมสะดุ้งเฮือกตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
“อะไร” ผมถามงงๆ
“เมื่อไหร่นายจะเลิกทำตัวซึมเซาแบบนี้สักที น่ารำคาญเป็นบ้าเลย เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วฉันที่กำลังอารมณ์ดีๆ อยู่ต้องพลอยเซ็งไปด้วย เลิกทำตัวงี่เง่าที ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว นายจะอะไรนักหนาวะ”
“นายก็พูดได้สิ” ผมโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้มัน “ก็นายไม่ได้รักหล่อนแบบที่ฉันรักนี่ ไม่สิ นายมันไม่เคยรักใครด้วยซ้ำ เพราะงั้นนายไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าอกหักเนี่ยมันเจ็บแค่ไหน”
โลแกนเลิกคิ้ว ก่อนจะเหยียดยิ้มขันออกมานิดหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่น่าโมโหมาก พูดเลย
“ถ้ารักใครเป็นสักคนแล้วต้องมาอกหัก มีสภาพทุเรศๆ แบบนาย ฉันขอรักใครไม่เป็นเหมือนเดิมดีกว่า”
“นายนี่น่าสงสารนะ”
โลแกนแสร้งยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองพร้อมกับคร่ำครวญ “อ่า ใช่สิ มันช่างน่าเศร้าอะไรขนาดนี้ การที่ฉันไม่มีหัวใจมันทำให้ฉันไม่สามารถรับรู้ความเศร้าและความเจ็บปวดอย่างที่นายกำลังรู้สึกได้ อ่า… มันช่างเป็นความรู้สึกที่แย่อะไรขนาดนี้”
ผมกัดฟันกรอด ยกหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาเหวี่ยงใส่คนตรงหน้า โลแกนเอื้อมมือมาคว้าหมอนใบนั้นได้อย่างมั่นคง ก่อนจะวางมันลงบนตักของตัวเอง แล้วเบือนใบหน้าเปื้อนยิ้มมาทางผม
“ล้อเล่นแค่นี้ก็ต้องโมโหด้วยเหรอ”
“เปล่านี่” แค่หมั่นไส้
“นี่ รู้ล่ะ เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า รอเดี๋ยวนะ ฉันไปเอาเหล้าขึ้นมาก่อน นายหยิบพวกการ์ดเกมออกมาจากตู้หน่อยดิ เล่นเกมกัน”
หะ?
ดังนั้น… ในอีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกผมสองคนก็ก็มีไพ่จำนวนหนึ่งอยู่ในมือพร้อมกับแก้วที่ใส่เหล้าซึ่งแฝดผมเป็นคนชงเองกับมือทุกใบ
“เอ้า ลูคัส!! นายแพ้แล้ว ดื่มนี่ซะ รวดเดียวเลยนะเว้ย!”
ผมมองแก้วน้ำสีใสที่บรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจนปริ่มด้วยสีหน้าเหยเก ผมเป็นคนที่คออ่อนสุดๆ เลย แค่ได้กลิ่นเหล้าก็อยากจะเมาปลิ้นแล้วก็ว่าได้ แล้วไอ้หมอนี่จะให้ผมกินแบบเพียวๆ ไม่ผสมอะไรเลยเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ?
“ไหนนายบอกกินเหล้าจนเมาไม่ได้สตินี่มันน่าเบื่อไง”
“ช่าย ถ้านายไปกินจนเมาข้างนอก หรือไปกินจนเมาไม่ได้สติอยู่คนเดียว แล้วก็คร่ำครวญหาแฟนเก่านาย… นั่นน่ะ จะเป็นอะไรที่น่าเบื่อก็จริง แต่ตอนนี้นายเล่นเกมกับฉันอยู่ไง เล่นแพ้ถึงต้องกิน” เจ้าตัวแสบดีดนิ้วดังเปาะทีหนึ่ง “แค่นี้ก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ พี่ชาย ยอมรับมาเถอะน่า จมอยู่กับความเศร้าคนเดียวมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นร้อก”
ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ใจจริงตอนที่โลแกนชวนเล่น ผมก็ไม่ได้นึกอยากจะเล่นกับมันนักหรอก แต่ก็รู้ดีว่าจนแล้วจนรอดมันก็ต้องลากให้ผมเล่นกับมันจนได้ ก็เลยเออออตามมันไป ก็… ช่วยอาการฟุ้งซ่านแล้วก็ซึมเซาของผมได้นิดหนึ่งล่ะมั้ง
“เอ้า กินๆๆๆ ลูคัส อย่าเบี้ยว แก้วเมื่อกี้ฉันก็กินรวด… โอ้โหเฮ้ย! ไม่เลวเลยนี่หว่า” เจ้าตัวว่าอย่างตื่นเต้นขณะที่ผมยกซดว้อดก้าแบบไม่ผสมอะไรเลยขึ้นดื่มรวดเดียว ทันทีวางแก้วลงบนโต๊ะ ของเหลวร้อนก็ไหลผ่านลำคอผมไปอย่างรวดเร็ว
รู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วขึ้น จากนั้นทัศนวิสัยของผมก็เริ่มพร่าเลือน ชูนิ้วมาหนึ่งนิ้วต่อหน้าผมตอนนี้ก็อาจกลายเป็นสองได้ ทำไมมันถึงได้ชวนให้ตาลายขนาดนี้เนี่ย แล้วนี่ผมจะเมาเร็วอะไรขนาดนี้…
“เฮ้ย เมาแล้วเหรอ พี่ชาย หน้าแดงเถือกแล้วนั่น”
“อือ” ผมยอมรับอย่างง่ายดาย ค่อยๆ ทรุดตัวลงนอนบนพื้น คลานไปที่ตักของคนตรงหน้าซึ่งเหยียดขาตรงทั้งสองข้าง อือ… อย่างน้อยตรงนี้ก็นุ่มสบายดี พอนอนได้
“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งนอนดิ ปาร์ตี้มันเพิ่งจะเริ่มเองนะ เอ้า เร็ว ลุกขึ้น ฉันยังไม่ยอมให้นายเลิกแค่นี้หรอก ยังมีเหล้าเหลืออีกบานเลย ไม่เห็นเหรอ”
“อือ….” โอ๊ย… จะบ้าเหรอฟะ แค่นี้ก็แยกของในห้องไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ยังจะมาบังคับให้ดื่มอยู่อีก
ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เหมือนว่าโลแกนจะผสมเหล้าอะไรสักอย่างยัดใส่มือมาให้ จากนั้นก็ดันให้ผมกระดกของเหลวสีสดใสนั่นเข้าปากตามเหล้าไร้สีที่ลงกระเพาะเมื่อครู่ไป
รู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัวเลยแฮะ… เอาล่ะเว้ย… ชักจะสนุกแล้วสิ
“เฮ้ โลแกน ไอ้บ้า… นายอย่า… เกาะแกะฉันสิวะ มันน่ารำคาญนะ รู้ไหม”
“เกาะแกะอะไร” คนที่ปกติจะมีสติครบถ้วนแม้จะผ่านสงครามน้ำเมาอย่างหนักหน่วงมาแค่ไหนเริ่มหน้าแดง ปกติเวลาอยู่ข้างนอกโลแกนจะกินในปริมาณที่สามารถควบคุมตัวเองได้ หมอนี่รู้ลิมิตตัวเอง ดี แต่พออยู่ในบ้านแล้ว เหมือนมันจะไม่ค่อยสนเรื่องลิมิตที่ว่านั่นเท่าไร
ถ้าให้ดู… มันคงยังมีสติมากกว่าผม แต่น้อยกว่าตอนปกติของมันแน่นอน
“นายต่างหากที่มาเกาะแกะฉัน” คนที่มีสติมากกว่าผมพูดเอ็ด หากใบหน้ามีรอยยิ้มประดับ โอ๊ย… ไอ้หมอนี่พอยิ้มแบบนี้ก็ดูดีอยู่หรอก ถ้ามันยิ้มบ่อยๆ ทำตัวดี น่ารักๆ ที่โรงเรียนก็คงดี จะได้ไม่ต้องมีแต่คนคอยหลบมัน หลบมันอย่างเดียวไม่พอ ดันมาคอยหลบผมด้วยเพราะแยกพวกเราสองคนไม่ออก…
ให้มันได้แบบนี้สิ
“นายต้องเลิกต่อยตีชาวบ้านเขาไปทั่วได้แล้วนะ” ผมงึมงำ รู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วขึ้นๆ และกำลังจะเหวี่ยงผมออกไปทางนอกหน้าต่าง ดังนั้นผมจึงจิกมือลงบนเสื้อผ้าของโลแกนแน่นขึ้น เผื่อไว้ถ้าผมปลิวออกไปนอกโลก ผมจะได้ไม่เหงาอยู่ในอวกาศคนเดียว “ถ้านายอยากเป็นตำรวจ… นายก็ต้องเป็นเด็กดีสิ”
“ฉันไม่เคยไปต่อยตีชาวบ้านนะ” โลแกนยักไหล่ “ถ้าพวกนั้นไม่มาหาเรื่องก่อน”
“นายก็ต้องรู้จักให้อภัยสิ”
ถึงตรงนี้ แฝดตัวดีของผมขำก๊ากออกมาทีเดียว
“ฉันไม่ใช่พ่อพระแบบนายนา... ลูคัส”
เหอะ ใครเป็นพ่อพระกัน ผมเองก็คนปกตินี่แหละ เพียงแต่มาอยู่กับไอ้นรกอย่างหมอนี่ ผมเลยดูกลายเป็นพ่อพระขึ้นมาก็เท่านั้น
“นี่ โลแกน ดูหนังกาน…” ผมว่าผมเริ่มจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะตอนนี้ “ไหน ยูเอสบีที่ใส่หนังของนาย อันนี้ป้ะ? งั้นเสียบเลยนะ”
“เอาเลย” โลแกนว่าขณะรินเหล้าจากขวดใส่แก้วอย่างอารมณ์ดี นี่มันยังจะกินขนาดนั้นอีกเหรอ มันคิดว่าเหล้าพวกนี้เป็นอะไร? น้ำเปล่าเหรอ?
ผมกดรีโมตเพื่อเลือกหนังอะไรมาสักเรื่องสุ่มๆ ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อค้นพบว่ายูเอสบีที่เสียบไปนั่นเป็นคอลเลคชั่นหนังโป๊ของไอ้แฝดโรคจิตนี่… หนังโป๊ที่มีมันเป็นนักแสดงนำด้วยนะ!
จากข้างหลัง ผมได้ยินเสียงโลแกนหัวเราะก๊ากอย่างอดไม่อยู่ ผมหันหน้าขวับไปมองมันตาเขียวทันที แม่งจะขำอะไรนักหนาวะ แล้วนี่มันก็คลิปที่ตัวเองนอนกับผู้หญิงไปทั่วไม่ใช่เรอะ!?
“ขำบ้าอะไรของนาย!!?”
“ก็ดูหน้านายดิ” โลแกนพูดพร้อมกับยกหลังมือปาดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากการหัวเราะมากเกินไป “สะดุ้งเฮือกเลยตอนเห็นฉันในหน้าจอ”
“ก็มันน่าสะดุ้งไหมล่ะ เจ้าบ้า” ยิ่งมีหน้าเหมือนกันด้วยแบบนี้ แม่ง… นึกว่ามองตัวเองมีเซ็กส์อยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้…
ผมอยากจะปิดคลิปน้องชายฝาแฝดของตัวเองที่กำลังมีค่ำคืน (จริงๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านั่นกลางคืนรึเปล่า) สุดเร่าร้อนกับสาวหัวดำสุดเซ็กซี่ที่ส่งเสียงครางกระเส่าดังลอดมาให้ได้ยิน แต่เหมือนร่างกายจะไม่รับฟังคำสั่งอีกต่อไป งั้นก็ช่างแม่งเลยแล้วกัน นอนไปทั้งๆ ที่เปิดหนังโป๊ของน้องตัวเองไว้แบบนี้ก็เร้าใจดี
ผมคลานกลับไปหาที่นอนซึ่งก็คือตักของโลแกนอีกรอบ ซุกหน้าลงบนต้นขาของอีกฝ่ายขณะที่หันกลับไปมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอโทรทัศน์
ให้ตายสิ… นี่หมอนี่มันเหมือนผมมากจริงๆ เลยนะเนี่ย เกิดคลิปพวกนี้หลุดออกไปมีหวังผมต้องโดนเหมารวมไปด้วยว่าเป็นคนในคลิปแน่ๆ เลย
“นี่” เสียงดังมาจากเจ้าของตักที่ผมกำลังนอนหนุนอยู่ เจ้าตัวดีค่อยๆ ดึงผมขึ้นไปใกล้ใบหน้าของตัวเองมากขึ้น “นายดูคลิปนี่แล้ว คิดยังไง ลูคัส”
คิดยังไงเหรอ… ก็คิดว่านายหน้าเหมือนฉันน่ะสิ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีนะ บอกก่อนเลย
“เกิดอารมณ์รึเปล่า?”
หา? เกิดอะไรนะ? ไหน พูดชัดๆ อีกรอบซิ นั่นมันน้องชายฝาแฝดของตัวเองกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่…
หากผมทำได้แค่เบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึงเมื่ออยู่ๆ แฝดนรกตรงหน้าก็เลื่อนริมฝีปากลงมาจูบปากผมหน้าตาเฉย
เดี๋ยวๆๆๆๆ เอ็งเป็นเสือผู้หญิงไม่ใช่เรอะ!!! ในวิดีโอนั่นเอ็งยังมีอะไรกับผู้หญิงหุ่นแจ่มๆ หน้าตาดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เรอะ!!?
แล้วเดี๋ยวๆๆ…
อย่าสอดลิ้นเข้ามาสิโว้ย!!! ไอ้น้องเวรนี่!!!
ชิบหายแล้วไง
------------------
ลูคัสพยายามรวบรวมสติและแรงกำลังที่พอมีเหลือของตัวเองดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกจากใบหน้าของตน โลแกนยอมผละริมฝีปากออกอย่างว่าง่ายขณะที่ก้มหน้าลงไปมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
ยังจะมาถาม…!! มันมีอะไรน่าถามเนี่ย ในสถานการณ์แบบนี้!!?
“อะไรเหรอ ลูคัส”
“ฉันสิต้องถามว่าอะไร!!” แฝดคนพี่ขู่ฟ่อ หากพอตะโกนออกไปแล้วก็รู้หน้ามืดลงวูบ น้ำเมาที่ลงกระเพาะเขาไปกำลังออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนทุกอย่างที่พร่ามัวอยู่แล้วยิ่งเลือนลางเข้าไปใหญ่ จากนั้นสัมผัสอ่อนนุ่มก็แนบลงบนริทฝีปากของเขาอีกครั้ง…
อ๊ากกก ไอ้น้องเวรนี่!! ทำอะไรของมันวะเนี่ย!?
“ละ… โลแกน” ลูคัสอ้ำอึ้งก่อนจะต้องหลับตาแน่นลงอีกครั้งหนึ่งเมื่อคนด้านบนประกบจูบย้ำลงมาอีกรอบอย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
แต่เดี๋ยวสิ…! ไม่นะ ถึงสัมผัสของหมอนี่จะชวนให้วาบหวามมากแค่ไหน แต่ยังไงมันก็เป็นพี่น้องของเขา… เป็นฝาแฝดของเขาด้วยซ้ำ แค่พี่น้องธรรมดาก็ว่าแย่แล้วนะ ยิ่งเป็นฝาแฝดด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ถูกต้องสุดๆ!
“อื้อ… ลูคัส” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง คลอเคลียอยู่ที่ข้างหู “นายจะแตกตื่นตกใจอะไรมากมายนัก พี่ชาย ทำเป็นไม่เคยมีเซ็กส์ไปได้”
เซ็กส์น่ะเคยมี… แต่ไม่เคยมีกับผู้ชายโว้ย!!
“นี่ โลแกน อย่าทำ… อุบ” ลูคัสสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดแขนยาวตัวหลวมโคร่งของเขา ลูบไล้ผิวเนื้อด้านใต้นั้นอย่างยั่วยวน เช่นเดียวกับสันจมูกที่ไล้ลงบนต้นคอขาว ตวัดลิ้นลงบนนั้นแล้วขบริมฝีปากลงอย่างซุกซน เหลือรอยแดงๆ ทิ้งไว้เป็นของต่างหน้าตรงนั้น ลูคัสหน้าร้อนขึ้นวูบ
“โล… แกน อย่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนวอน ตอนนี้สติของเขาเหลือน้อยลงเต็มทีเพราะฤทธิ์เหล้าและสัมผัสของอีกฝ่าย
มันรู้สึกดี… ดีเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง และตัวเขาที่ยังพอประคองสติได้ในตอนนี้ก็ไม่อยากยอมรับมัน
หมอนี่เป็นน้องชายของเขา เป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน เขาหมายถึง…
“นายจะอยากมีอะไรกับคนที่หน้าเหมือนตัวเองได้ไง” ลูคัสว่าขณะยกมือที่อ่อนเปลี้ยปัดมืออีกฝ่ายออกจากตัว แต่มันไม่ได้ผลเท่าไร “ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการช่วยตัวเองน่ะสิ”
“หืม” โลแกนไม่ฟัง เจ้าตัวลากปลายลิ้นลงบนแผ่นอกของคนด้านล่าง จากนั้นก็เลื่อนไปหยุดแถวๆ บริเวณยอดอกแทน พอใจกับเสียงครางที่หลุดออกมาจากลำคอของคนด้านล่างไม่น้อย “แต่นี่มันไม่ใช่การช่วยตัวเองไม่ใช่เหรอ หืม?”
“ละ… โลแกน” ลูคัสไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ร่างกายเขาร้อนวูบไปหมด ทั้งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และสัมผัสจากอีกฝ่ายที่ไล้ลงบนส่วนต่างๆ บนร่างกายเขาไม่ขาด “อ๊ะ… เดี๋ยว… ก่อน ตรงนั้นมัน…”
โลแกนซุกหน้าไปลงฟัดกับร่างกายของคนด้านล่างที่ตอนนี้เริ่มเกร็งตัวด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ก่อนจะสะดุ้งแรงๆ อีกเฮือกหนึ่งเมื่อมือหนาเลื่อนไปสัมผัสแกนกลางของร่างกายเขาอย่างเย้ายวนและจงใจแกล้ง ลูคัสพยายามเบิกตาให้กว้างที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองหมดสติไปกลางทาง มองเพดานสีมอซอด้านบน จากนั้นก็ต้องร้องครางออกมาอีกรอบเมื่อคนด้านบนเริ่มรูดขึ้นลงที่ส่วนนั้น
“มะ… ไม่ได้ ไม่ได้นะ โลแกน นายต้องหยุด… อ๊ะ!!”
ลูคัสสะดุ้งตัวอีกเฮือกเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังเสียงห้าม ซ้ำยังเลื่อนริมฝีปากไปครอบลงบนส่วนนั้นของเขาอย่างชำนาญการ ลิ้นหนาตวัดเกี่ยวไปมาตรงส่วนนั้นของเขา ลูคัสหลุดเสียงครางออกมาอีกระลอกตามแรงอารมณ์ นิ้วเรียวจิกลงบนเส้นผมสีบลอนด์ทองของอีกฝ่ายอย่างหาที่ระบาย โลแกนรูดริมฝีปากของตัวเองขึ้นลงอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งจนกระทั่งร่างของลูคัสกระตุกเฮือก ชายหนุ่มปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นนั่นไหลทะลักเข้ามาในโพรงปาก
“อะ…!?” ลูคัสยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองอยากไม่อยากจะเชื่อ นี่เขาเพิ่งถึงจุดสุดยอด… ด้วยปากของโลแกนเนี่ยนะ!? โอ๊ยยย ให้ตายสิ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย!?
“อ้าปาก” โลแกนโน้มหน้าเข้ามาหาเขาแล้วพูดเรียบๆ เสียงอู้อี้นิดหนึ่งเพราะยังมีของเหลวเหนียวๆ นั่นอยู่ในปาก “เร็วๆ”
“แต่…”
“เร็วๆ” โลแกนย้ำ นัยน์ตาสีฟ้าของเจ้าตัวคมกริบเลยทีเดียว ทำเอาลูคัสที่ยังงงๆ กับสถานการณ์ได้แต่โอนอ่อนและทำตามที่อีกฝ่ายว่ามาอย่างไม่บิดพริ้ว
โลแกนปล่อยให้ของเหลวสีขาวขุ่นไหลลงไปในโพรงปากของคนด้านล่างอย่างระมัดระวัง ลูคัสหลับตาแน่นปี๋ รู้สึกถึงกลิ่นคาวที่มากับของเหลวเหล่านั้น มือหนาเอื้อมมาปิดปากเขาทันทีที่ถ่ายเทน้ำพวกนั้นออกจากปากของตัวเอง
“กลืนลงไป”
มะ…. ไม่เอา…
“อย่าดื้อ ลูคัส”
รู้ตัวอีกที เขาก็ได้ยินเสียงอึกดังขึ้นจากลำคอของตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่คลออยู่บนหางตา โลแกนยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจนิดหนึ่งก่อนจะสอดมือไปด้านล่าง ช้อนร่างของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเหวี่ยงไปบนเตียง มือเอื้อมไปปลดเข็มขัดของตัวเองและรูดซิปลง
ลูคัสถอยตัวกรูดไปติดกับหัวเตียงอย่างทุลักทุเลเพราะยังมึนหัวไม่หาย ก่อนเจ้าตัวจะต้องสะดุ้งเฮือกอีกทีเมื่อโลแกนโยนถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่หมดไปแล้วครึ่งขวดลงบนเตียงข้างๆ เขา ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดลง
“เอ่อ… ดะ… เดี๋ยว โลแกน นายคงไม่คิดจะทำจริงๆ…”
“หืม?” ร่างสูงทวนคำ เอียงคอเหมือนตั้งคำถามนิดหนึ่งก่อนจะเปิดฝาขวดเจลนั่นออก บีบเจลสีใสลงบนแกนกลางของคนดานล่างที่ชูชันขึ้นมา ลูคัสสะดุ้งเฮือกกับความเย็นของเจลนั่น บ่าทั้งสองข้างเริ่มสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่หลากหลาย
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะไม่ทำล่ะ?”
“โลแกน มัน… ไม่ได้นะ” เขาว่า รู้สึกปวดหัวจี๊ดไปหมด นึกคำพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หอบหายใจออกมาถี่ๆ “มัน… แฮ่ก ไม่ถูกต้อง…”
“อย่าพูดมากน่ารำคาญไปหน่อยเลยน่า” คนด้านบนว่า โน้มหน้าลงมาจูบอย่างร้อนแรงลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอีกรอบ ลิ้นหนาตวัดลงไปในโพรงปากของลูคัสที่สะดุ้งตัวอีกเฮือก จ้วงความหวานที่อยู่ในนั้นออกมาอย่างไร้ความปราณี ชอบใจกับเสียงอึกอักประท้วงที่อยู่ในลำคอของพี่ชายตัวเอง
“มาสนุกกันดีกว่า” โลแกนยกลิ้มขึ้นเลียริมฝีปากราวกับคนที่เจออาหารอันโอชะอยู่บนจานของตัวเอง “ช่วงนี้นายเองก็เก็บกดไว้ไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ นอกจากยัยโอลิเวียนั่นแล้วก็ไม่เคยนอนกับคนอื่นด้วยใช่ไหมล่ะ มานี่มา เดี๋ยวน้องชายอย่างฉันจะสอนให้เอง”
“มะ… ไม่… อ๊ะ!!” ลูคัสสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าสอดนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นเย็นๆ เข้ามาในร่างของเขาจากโพรงด้านหลัง
ชายหนุ่มพยายามยกขาขึ้นเพื่อดันบ่าของอีกฝ่ายออก หากโลแกนใช้ขาของตัวเองกดทัขาข้างหนึ่งของคนด้านล่าง และใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยึดข้อขาอีกข้าง จากนั้นก็ขยับนิ้วเข้าออกที่ช่องแคบด้านหลังอย่างมีจังหวะ ลูคัสครางออกมาอย่างห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ แม้ว่าเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอมันจะน่าอายมากๆ เลยก็เถอะ แต่เขาจะหยุดมันได้ยังไงล่ะ
“รู้สึกดีเหรอ” โลแกนยกยิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยเพราะเหล้าที่กินไปวันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ลูคัสกัดฟันกรอด พยายามดันตัวลุกขึ้นแล้วใช้แขนดันหน้าอีกฝ่ายอย่างอัดอั้น แม้มันจะดูตลกเพราะชายหนุ่มเองก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านจากสัมผัสของอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กันก็ตาม
“มะ… ไม่เอา”
“เถอะน่า ลูคัส ยอมรับความจริงแล้วก็สนุกไปกับมันเถอะ” เจ้าตัวว่าขณะที่ผละตัวออกจากร่างของอีกฝ่าย ลูคัสมองตามไปอย่างงงๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อโลแกนกลับมาพร้อมกับเนคไทของมันในมือสองสามเส้น ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็หยิบขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้วใช้มันผูกข้อมือทั้งสองข้างของเขาให้ติดไว้ด้วยกัน
“เอ้า นี่น่าจะช่วยได้บ้างนะ” ชายหนุ่มว่าหน้าตาเฉย ในขณะที่ลูคัสที่ยังมึนงงอยู่ได้แต่กรีดร้องตะโกนในใจ
ช่วยได้บ้าอะไรล่ะ!!??
“อ๊ะ…!!” ลูคัสเกร็งตัวเมื่อโลแกนสอดนิ้วเข้ามาในร่างเขาอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งหมดนั่นมีกี่นิ้ว ที่รู้ๆ คือตอนนี้ทุกอย่างในหัวของเขาเริ่มขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก แล้วสัมผัสวาบหวามที่อีกฝ่ายมอบให้มาก็รู้สึกดีเหมือนจะหลอมละลายร่างกายของเขาไปเลย
คนด้านล่างกระตุกตัวเฮือกเมื่อชายหนุ่มด้านบนค่อยๆ ถอนนิ้วออกไปอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นเจ้าตัวก็ขยับร่างเข้ามา อ้าขาของลูคัสออกจนสุด จากนั้นก็แนบแกนกลางของตัวเองลงลงตรงบริเวณปากทางด้านหลัง ขยับอยู่ตรงนั้นไปมาเพื่อให้ร่างกายอีกฝ่ายปรารถนามันมากขึ้นๆ
และร่างกายของลูคัสก็เป็นไปอย่างที่เขาต้องการจริงๆ ลูคัสรับรู้ได้เลยว่าเขาต้องการมัน ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องสัมผัสที่ไม่เคยได้มาก่อนนั่น น่าสมเพชชะมัด ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีแท้ๆ ว่านั่นน่ะคือโลแกน…
โลแกนแล้วยังไงล่ะ?
ความคิดนั้นลอยเข้ามาในหัวของคนสติขาดๆ เกินๆ โลแกนสังเกตเห็นท่าทีเหม่อลอยของอีกฝ่ายนั้น เจ้าตัวจึงหยุดการกระทำของตัวเองลงชั่วคราว
“มีอะไรเหรอ”
“นายมันขี้โกง”
โลแกนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม คนตอบที่ตอนนี้หน้าแดงเพราะสภาพท่อนล่างเปลือยเปล่าและฤทธิ์เหล้าตอบงึมงำ
“นี่น่ะ มันเรียกว่าขืนใจนะ”
“ขืนใจ?” โลแกนทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหู ยกนิ้วขึ้นชี้ตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!!”
นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย อยากจะบอกคนด้านล่างเหลือเกินว่าร่างกายของเจ้าตัวน่ะมันร่ำร้องขนาดนี้ ยังจะมาหาว่าเขาขืนใจอีก…
ว่าแล้วโลแกนก็ยกยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนมุมปาก ทำเอาคนที่รู้จักความหมายของรอยยิ้มนั้นดีไหวตัวนิดหนึ่ง
“ก็ได้ ลูคัส” โลแกนว่า ปล่อยมือออกจากขาเรียวของคนด้านล่าง ลูคัสรีบหุบขาทั้งสองข้างของตัวเองเข้าหากันทันที “เรามาเล่นเกมกัน”
เกมบ้าอะไรอี๊กกกกกก
“ฉันจะให้เวลานายสิบวิฯ” ชายหนุ่มยิ้มหวานหยด “ถ้านายทนหุบขาอยู่อย่างนั้นสิบวิฯ ฉันจะไม่ยุ่งอะไรกบันายอีกเลย แต่ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ต้องยอมให้ฉันทำต่อจนจบ ว่าไง? แฟร์ดีใช่ไหมล่ะ? แล้วฉันก็ไม่ได้ขืนใจนายด้วยในกรณีนั้น หรือนายคิดว่าไง?”
ลูคัสกัดฟันแน่นเพราะรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังเล่นตลกกับตัวเอง โลแกนแสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากนั้นจึงเริ่มนับเวลาถอยหลัง
“สิบ…. เก้า….”
ลูคัสหลับตาปี๋ รู้สึกเหมือนเหงื่อไหลลงมาท่วมตัวอย่างไม่มีสาเหตุ
ก็แค่อยู่เฉยๆ เท่านั้นเอง… แค่สิบวิฯ… ไม่ใช่เรื่องที่ยากหนักหนาอะไรเสียหน่อย เขาต้องทำได้สิ ก็แค่สิบวิฯ แค่สิบวิฯ…
“แปด… เจ็ด…”
แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้หมอนั่นมันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีกเลยเหรอ? แบบ… แค่คุยก็จะไม่ยอมคุยกับเขาอีกต่อไปแล้วเหรอ? หรือยังไง? แบบนั้นไม่เอานะ!!
“หก… ห้า…”
โดยไม่รู้ตัว ขาเรียวทั้งสองข้างค่อยๆ เปิดอ้าออกจากกันทั้งๆ ที่มันสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด โลแกนยกยิ้มอย่างพอใจ ขยับตัวเข้าไปประจำตำแหน่ง เลื่อนมือไปยึดข้อพับทั้งสองข้างของคนด้านล่างอย่างรู้หน้าที่
“เพิ่งห้าวิฯเองนะ?” น้ำเสียงนั้นล้อเลียน ลูคัสได้แต่กัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ
“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะน่า”
“โอเค้”
คนที่เพิ่งออกปากท้าสะดุ้งเฮือกเมื่อโลแกนดันร่างของตัวเองเข้ามาในร่างของเขาจนสุด ลูคัสเกร็งตัวแน่นจนร่างกายทุกส่วนปวดร้าวไปหมด ไม่ต้องพูดถึงท่อนล่างของเขาที่เจ็บจนจุก เจ้าตัวครางออกมาอย่างเต็มที่ ปล่อยให้น้ำตาอีกหยดหล่นแปะลงบนผ้าปูที่นอน โลแกนเลื่อนใบหน้ามาเลียน้ำใสๆ นั้นออกอย่างแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้สิ” ชายหนุ่มกระซิบข้างหู “แบบนี้มันก็เหมือนฉันรังแกนายเลยไม่ใช่เหรอ”
“ละ… แล้วนายไม่ได้ทำอยู่เหรอ” เสียงหวานถามย้อนปนมากับเสียงหอบหายใจระรัว โลแกนยกยิ้ม
“ไม่นี่” แล้วเจ้าตัวก็ขยับตัวออกนิดหนึ่งแล้วกระแทกลงไปใหม่อีกครั้ง ลูคัสดิ้นทันทีกับความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ โลแกนขยับมากระซิบข้างหูเขาอีกครั้ง “เรากำลังมีเซ็กส์กันต่างหากล่ะ แล้วนายเองก็ยินยอมพร้อมใจเองด้วย… ใช่ไหม พี่ชาย?”
“อะ…. อ๊ะ…”
จากนั้นลูคัสก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอย่างอื่นนอกจากเสียงครางของตัวเอง ความรู้สึกเสียวซ่านที่มาพร้อมกับอาการปวดหัวเหมือนสมองจะระเบิดออกมากำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า และเขาคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วจริงๆ ตอนที่ตวัดท่อนขารัดเกี่ยวร่างของคนด้านบนพร้อมๆ กับขยับสะโพกตามจังหวะของอีกฝ่ายอย่างสมยอม
โอเค… ก็ได้ เขาบ้าไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ
แต่ใครสนกันล่ะ?