บทที่ 5
(Mode: Logan Collins)
ผมกับลูคัสเดินมาส่งโอลิเวียที่ปากทางถนนใหญ่ โอลิเวียเขย่งตัวขึ้นมาจูบปากลูคัสเพื่อล่ำลาจากนั้นก็ผลัดมาหอมแก้มผมทีหนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไป ลูคัสก้มลงมองโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งมีข้อความเข้ามาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
“นายรออยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม โลแกน”
“หืม? ทำไมเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว
“ต้องไปซื้ออะไรนิดหน่อยน่ะ ไอ้โจชัวมันส่งข้อความมาบอกลืมซื้อของ… งานกลุ่มน่ะ ขอแวะไปซุปเปอร์ตรงนั้นนิดหนึ่ง เดี๋ยวมานะ”
“โอเค งั้นฉันรอตรงนี้แล้วกัน” ผมว่าพร้อมกับโบกมือให้แฝดตัวเองหยอยๆ
ผมกวาดตามองรอบๆ ถนนที่มีผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่อย่างเบื่อๆ กำลังคิดอยู่ว่าวันพรุ่งนี้จะหาอะไรสนุกๆ ทำดีก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวคนหนึ่งที่ควรจะขึ้นรถบัสกลับบ้านไปแล้วตรงมาทางผม
โอลิเวียนั่นเอง… สาวเจ้าเดินมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มหวานเยิ้มที่ชวนให้ผู้ชายทุกคนน้ำลายหก แหม จริงๆ ยัยนี่นี่ดูน่ากินมากๆ เลยนะ แถมยังหยอดมุกมาทางผมบ่อยครั้ง ปรายตามองอย่างท้าทายก็ไม่น้อย
ต่อให้ตอนที่ปรายตามา เจ้าหล่อนจะอยู่ข้างๆ ลูคัสและรู้ดีว่าผมคือโลแกน ไม่ใช่แฟนของตัวเองก็ตาม
เอ… ผู้หญิงแบบนี้ควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
“นี่ ลูคัส”
“เสียใจด้วย ฉันคือโลแกน ไม่ใช่ลูคัส”
“อุ๊ย งั้นเหรอ” หล่อนยกมือขึ้นปิดปากเหมือนผิดคาดไปอย่างเสแสร้ง ใช่ หล่อนรู้ดีว่าผมคือโลแกนมาตั้งแต่แรก ก็แยกกันไม่ถึงสิบนาที เสื้อผ้าที่ผมใส่วันนี้ก็ไม่เหมือนกับของลูคัส “แต่ก็ไม่เป็นไร เป็นนายก็ได้”
“อะไรเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว ถามในสิ่งที่ตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “อยากให้ฉันไปเดทด้วยรึไง หรืออยากให้พาส่งขึ้นเตียง?”
หญิงสาวผมทองตรงหน้ายิ้ม เจ้าหล่อนไล้ฝ่ามือของตัวเองลงมาตรงหน้าผมอย่างเย้ายวน ผมผิวปากหวือเมื่อเจ้าหล่อนขยับขาที่ใส่กางเกนยีนส์ขาสั้นกุดขึ้นมาแนบกับต้นขาผม ผมรู้ดีว่าเกมนี้เล่นยังไง และเจ้าหล่อนก็กำลังเล่นเกมในส่วนของตัวเอง โอลิเวียโน้มหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูผมอย่างยั่วยวน
“แล้วถ้าทั้งสองอย่าง?”
หืม…
ผมเหยียดยิ้ม เลื่อนมือไปประคองใบหน้าของเจ้าหล่อนอย่างนุ่มนวลให้เงยขึ้นมาสบตาผม
“แต่เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?” ก็พี่ชายฝาแฝดของฉันไม่ใช่เหรอ แฟนเธอ
“ก็เห็นตอนอยู่ที่บ้าน ดูนายอ่อยฉันเสียขนาดนั้น” หล่อนว่าพร้อมกับไล้นิ้วลงบนเส้นผมสีบลอนด์ทองของผม นึกอยู่แล้วเชียวว่าถ้าผมมาอยู่ในที่ที่ค่อนข้างลับตาคน ยัยนี่ต้องโผล่มาเสนอตัว “แล้วฉันจะอดใจไหวได้ไง”
“เห….”
“อีกอย่าง” หล่อนเขย่งตัวพร้อมกับดึงผมลงไปจูบบนริมฝีปากอย่างดูดดื่ม ยกยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากผละริมฝีปากออก “ดูนายจะเก่งเรื่องบนเตียงมากกว่าลูคัสด้วย เท่าที่ได้คุยกับนายมานะ”
“หืม” ผมลากเสียงยาวในลำคอด้วยสีหน้ายิ้มๆ เหมือนเดิม ปล่อยให้โอลิเวียดึงมือผมไปสัมผัสเอวค่อดของตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง ให้ตายสิ นี่ลูคัสมันตาบอดหรืออะไร ไปคว้าผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแฟนเนี่ย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ท่าทางดูร้ายกว่าผมนิดหนึ่งเงี้ย ก็จะไม่แปลกใจหรอกนะ แต่ไอ้แสนดีลูคัสกับยัยนี่เนี่ยนะ? แล้วคบกันมาจะเป็นปี… ไม่อยากจะเชื่อเลย มันไม่เอะใจอะไรบ้างเลยเรอะ?
ผมโน้มใบหน้าลงต่ำให้ปลายจมูกสัมผัสลงบนใบหน้าหวานที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์อย่างพอเหมาะพอเจาะ รู้สึกถึงแรงที่พยายามดึงผมเข้าไปจูบ หากผมทำเป็นไม่เข้าใจความต้องการของหล่อน
ผมผละออกจากตัวหญิงสาวที่ตอนนี้มองมาทางผมด้วยสีหน้างงงวยเป็นที่สุด เห็นแบบนั้นแล้วผมจึงแกล้งส่งยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ไปให้
“แต่… ทำไมล่ะ?” โอลิเวียถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ “ฉันนึกว่านายอยากนอนกับฉันซะอีก”
“อยากสิครับ คนสวย” ผมยอมรับ ยกมือขึ้นทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้ “แต่ฉันไม่อยากกินของเหลือจากพี่ชายตัวเองน่ะ เธอพอจะเข้าใจไหม”
“เห…” โอลิเวียยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด “ไม่นึกว่านายจะถือเรื่องนี้แฮะ”
ผมน่ะไม่ถือหรอก แต่ไอ้ลูคัสถือแน่นอน
“งั้นถ้านี่ล่ะ” อีกฝ่ายว่าพร้อมเลื่อนมือไปคว้าเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ผมรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายตบหน้าแรงๆ ด้วยเศษกระดาษพวกนั้น
ยัยนี่คิดจะซื้อผมเหรอ? ล้อกันเล่นใช่ไหม?
“ฐานะทางบ้านของพวกนายไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ” โอลิเวียยกยิ้ม “ถึงจะไม่ได้เห็นได้ชัดขนาดนั้นแต่ก็พอรู้สึกได้ ขนาดลูคัสไปทำงานพิเศษ ยังดูไม่ค่อยมีเงินใช้เท่าไรเลย ถ้าลำบากนัก จะพึ่งพากันหน่อยก็ได้นะ ว่าไง โลแกน ลูคัสน่ะเขาเป็นคนดี ไม่มีทางยอมเอาเงินจากฉันหรอก แต่ถ้าเป็นนาย… นายเอาเงินไปใช้ด้วยกันกับแฝดนาย แล้วก็ใช้เวลาว่างๆ สนุกกับฉัน ไม่ดีเหรอ วินวินทั้งสองฝ่าย หรือนายคิดว่าไง”
ผมยกยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง กระชากเงินออกจากมือของหญิงสาวแล้วก้มลงไปกระซิบเสียงต่ำ
“ผมไม่ใช่โสเภณีนะครับ คุณผู้หญิง”
“อะ….!!”
“เก็บเงินที่พ่อแม่ให้เธอมาเอาไว้ใช้เถอะ ยัยร่าน” ผมพูดอย่างไม่ใยดี ยัดเงินจำนวนนั้นลงใส่กระเป๋าถือใบสวยที่คงราคาเท่ากับค่ากับข้าวของผมกับลูคัสสามเดือน ของผมกับลูคัสนะ ย้ำ ไม่ใช่แค่คนเดียว “และถ้าคิดจะทำตัวแบบนี้ต่อไปก็ช่วยบอกเลิกกับพี่ชายฉันทีเถอะ หมอนั่นมันบื้อ ไม่เคยรู้หรอกว่าโดนเธอสวมเขาให้อยู่น่ะ”
ผมเดินจากมา ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจากหญิงสาวด้านหลัง ก่อนจะชะงักตัวไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายตะโกนมา
“ก็แฝดนายมันโง่เองนี่!! หน้าตาก็ออกจะดีแท้ๆ นายเองก็เหมือนกัน โลแกน หลงนึกว่านายจะฉลาดกว่านี้ น่าเสียดาย”
เฮ้อ… ขอยืนยันคำพูดเดิมอีกรอบ นี่ไอ้บ้าลูคัสมันคบกับแม่นี่เข้าไปได้ยังไงตั้งนานนม หรือว่าไอ้สุภาษิตที่ว่าความรักทำให้คนตาบอดนี่จะเป็นเรื่องจริง?
ผมเหลือบไปมองหญิงสาวที่ทำท่าจะหมุนตัวเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่ตัวเองมา แต่แล้วเจ้าหล่อนก็ต้องชะงักเพราะผมคว้าแขนของสาวเจ้าไว้เต็มแรง ไม่สิ ต้องเรียกว่าออกแรงกระชากมาเลยดีกว่า
“ฟังนะ โอลิเวีย” ผมพูดเสียงเย็น รู้สึกได้เลยว่าหญิงตรงหน้าหน้าซีดเผือดลง ก็นะ ใครๆ ที่โดนผมพูดด้วยโทนเสียงนี้ บวกกับมองด้วยสายตาแบบนี้ก็มักจะมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันนี่แหละ “ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะคบกับไอ้ลูคัสเพราะชอบหน้าตามัน ชอบนิสัยมัน อยากอ้อนมัน หรืออยากมีเซ็กส์กับมัน… แต่อย่ามาพูดว่าร้ายไอ้หมอนั่นให้ฉันได้ยิน คนที่พูดแบบนั้นถึงมันได้มีแค่ฉันคนเดียว ส่วนเรื่องเธออยากจะหลอกลวงอะไรมัน นั่นมันก็เรื่องของเธอ”
พูดในสิ่งที่ต้องการจบแล้วผมก็ปล่อยแขนเจ้าหล่อนออก ส่งยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปให้แล้วเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของเด็กสาววิ่งไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน
ว้า… ดันทำคนสวยกลัวหัวหดไปซะได้ ผมนี่ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แฮะ
…
สงสัยจังว่าไอ้ลูคัสมันจะโง่เรื่องแฟนของตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหน
ผมลอบคิดในใจขณะที่ยกแก้วกาแฟดำขึ้นจรดปาก มองหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่น่าจะเกิดพร้อมๆ กับตอนที่ไดโนเสาร์กำลังสูญพันธุ์ หน้าจอของมันยังนูนโค้งออกมาอยู่เลย ตัวเครื่องก็ส่งเสียงครืดๆ เหมือนกลไกภายในร่ำร้องอยากจะขอเกษียณเต็มทน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวเลือกนั้นอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้านคอลลินส์ เรายังไม่มีเงินพอจะซื้อข้าวของได้ฟุ่มเฟือยแบบนั้น อย่างน้อยก็จนกว่าผมกับลูคัสจะเริ่มทำงานเป็นจริงเป็นจัง ตอนนี้เราได้รับการอุปการะจากน้าซึ่งทำงานอยู่อีกรัฐหนึ่ง ที่นานๆ จะกลับมาเยี่ยมสักที แต่พวกเราสองคนก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกครับ แค่ทางนั้นส่งเงินมาให้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าดำรงชีวิตแบบพออยู่ได้ทุกเดือนแบบนี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว
และตอนนี้ผมก็กำลังพิมพ์ข้อความเพื่อตอบอีเมล์ที่น้าส่งมาให้นั่นเอง
จะว่าไป… วันที่โอลิเวียมานั่น หมอนั่นมันเห็นตอนที่เราคุยกับเนทแล้วก็เมแกนในกระจกไม่ใช่เหรอ
ผมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองเพราะเพิ่งนึกเรื่องสำคัญที่ว่านั่นมาได้ จริงๆ หลังจากที่โอลิเวียกลับไปตอนนั้น ลูคัสก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับผมอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดออกมาสักที
อืม… บางทีหมอนั่นอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากต้องมาคอยนั่งหาคำอธิบายให้มันฟังอีก หรือดีไม่ดีต้องเค้นพลังเพื่อพยายามลบความทรงจำของมัน… ผมเคยทำแบบนั้นครั้งหนึ่งสมัยตอนที่เราเป็นเด็ก… นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะ ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ผมต้องใช้พลังและรวบรวมสมาธิหนักมากกว่าจะทำแบบนั้นได้
เสียงเปิดประตูดังมาแว่วๆ ให้ได้ยินจากด้านล่าง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดมา ก่อนที่ลูคัสจะเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยท่าทีสะโลหสะเหลกว่าปกติ ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปทักทายมันเพราะกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับอีเมล์อยู่
“โย่ ลูคัส” ผมทักทายทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่าย “วันนี้ซ้อมดนตรีเป็น…”
แต่ผมก็ต้องชะงักไปตรงนั้นเมื่อลูคัสก้าวเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วหันไปมองมันงงๆ
“เป็นอะ…”
“ฉันเลิกกับโอลิเวียแล้ว”
ผมนิ่งไปนิดหนึ่งในขณะที่ลูคัสค่อยๆ ผละอ้อมแขนออกไป ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อนทีเดียว
“ก็ดีแล้วนี่” ผมว่า
“ยัยนั่นมีคนอื่น”
ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ….
ผมเกือบจะพูดแบบนั้นออกไปอยู่แล้วถ้าไม่เห็นน้ำตาที่รื้นอยู่บนขอบตาของไอ้หมอนี่ เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเว้ย
“ใจเย็น ลูคัส มานี่มา” ผมตัดสินใจดึงตัวแฝดคนพี่ของตัวเองให้มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง ส่งทิชชู่แผ่นหนึ่งให้มัน “ไหน เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังซิ เผื่อจะดีขึ้น”
“ยัยนั่นมีคนอื่น”
“แล้วนายรู้ได้ยัง…”
“ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปตอนสองคนนั้นเปลือยอยู่บนเตียง” พูดแล้วลูคัสก็ยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าอย่างอัดอั้น ผมอ้าปากค้างไปนิดหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบบ่าอีกฝ่ายแกนๆ
แหมๆ … แม่สาวผมทองคนนั้นนี่ไม่ใช่เล่นเลยนะ รู้ทั้งรู้ว่าลูคัสมีกุญแจห้องของตัวเองยังจะกล้าเอาผู้ชายเข้าห้อง คงจะคิดว่าหมอนี่ไปซ้อมดนตรีเหมือนทุกวันล่ะสิ
“ฉันนี่มันโง่จริงๆ เลย โลแกน” เจ้าตัวสะอื้นนิดหนึ่ง หากกลืนเสียงสะอื้นนั้นลงในลำคอได้ในคำพูดต่อมา ลูคัสไม่ปล่อยให้น้ำตาไหล เขายกมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่คลออยู่ออกอย่างรวดเร็ว “เขามีคนอื่น… และถึงขั้นนอนด้วยกันแบบนี้แล้ว แปลว่าต้องมีมานานแล้วแน่ๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
อืม…. บางทีมันก็อาจจะไม่เกี่ยวกับระยะเวลาก็ได้นา… แต่ก็นะ มันสำคัญตรงไหนล่ะ?
“ช่างมันเหอะ ลูคัส” ผมว่าอย่างเริงร่า ดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาจากเตียงตามผม แต่ลูคัสก็ไม่ยอมลุกอยู่ดี “เดี๋ยวฉันหาสาวสวยๆ น่ารักๆ ให้ใหม่น้า เอาให้แจ่มกว่ายัยโอลิเวียอีก”
ลูคัสไม่ตอบ สายตาไม่ได้มองมาที่ผมด้วยซ้ำ แต่ดูจากแววตาแล้ว คงเจ็บปวดมากสินะ
อืม… แย่จัง จะช่วยยังไงดี
“อ้อ รู้แล้วๆ!” ผมยกกำปั้นขึ้นทุบมืออีกข้างของตัวเอง “ออกไปหาสาวย่านไชน่าทาวน์กันเอาไหม แถวนั้นแจ่มๆ เยอะนา มาเถอะ เดี๋ยวฉันซื้อให้”
นั่นแหละ นัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนลอยของอีกฝ่ายถึงยอมเบนมาทางผมด้วยสายตาโกรธจัดในวินาทีแรก หากวินาทีถัดไป มันก็กลับไปหม่นหมองตามเดิม
“ไม่ล่ะ”
“แน่ใจเหรอ?”
“อืม”
โดนปฏิเสธติดกันขนาดนี้ผมจึงยักไหล่ส่งกลับไปให้เขา
“งั้นก็ตามใจ”
ลูคัสไม่ตอบ หากก้มลงมองมือของตัวเองเหมือนคนไม่มีอะไรทำ เฮ้อ… แย่จริงเลย
“งั้นขออย่างสิ” ผมว่า
“อะไร”
“อย่าไปกินเหล้าจนเมาสภาพดูไม่ได้ทีนะ” แม่ง โคตรเกลียดเลย อะไรที่แบบไร้มาดแบบนั้น ผมทนไม่ได้หรอกถ้าต้องเห็นคนหน้าตาเหมือนตัวเองทำตัวอ่อนหัดแบบนั้น “ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก”
“แล้วไปหาสาวแบบที่นายว่านี่ ไม่น่าเบื่อเหรอ?” ลูคัสถามย้อนอย่างคนที่รู้ความคิดของผมดี ผมยักไหล่ให้เจ้าตัวทีหนึ่ง
“ก็อาจจะน่าเบื่อ แต่อย่างน้อยก็สนุก”
ว่าแล้วผมก็เคาะปุ่มเอนเทอร์ ส่งอีเมล์แล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อเตรียมไปทำงานพิเศษ
คิดดู๊… ขนาดลูกปีศาจอย่างผมยังต้องทำงานพิเศษเลย ลองติดต่อเนทหรือเมแกนไปขอตังค์มาใช้ได้ไหมเนี่ย
เฮ้อ….