บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

(Mode: Lucas Collins)

บางทีผมก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะว่าไอ้บ้าโลแกนแม่งเป็นคนที่ถูกนรกส่งมาเกิดจริงๆ

“เฮ้ย แก… นั่นมันคอลลินส์นี่หว่า อย่าหันไปสบตามันนะ”

“แต่ที่ฉันได้ยินมามันมีฝาแฝดไม่ใช่เหรอ แล้วคนนี้คนไหนล่ะ”

“จะคนไหนก็ช่างเถอะ แม่ง แค่เห็นหน้าแบบนั้นก็เตรียมเผ่นป่าราบได้แล้ว มึงไม่ได้ยินข่าวเหรอ ที่มันไปกระทืบพวกชมรมอเมริกันฟุตบอลน่ะ เป็นอันว่าปีนี้ชมรมนั้นต้องอดไปแข่งทัวร์นาเม้นต์เพราะเจ็บกันระนาวเลยนะเว้ย ด้วยฝีมือไอ้คอลลินส์คนเดียว น่ากลัวจะตายห่า”

เดี๋ยวๆๆๆ ช่วยระบุด้วยนิดหนึ่งได้ไหมล่ะว่านั่นน่ะโลแกน คอลลินส์… ลูคัส คอลลินส์อย่างฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยโว้ย!!

“เฮ้ย! เมื่อกี้เขาหันมามองพวกเราด้วยนิดหนึ่งว่ะ ไปกันเถอะเพื่อน” ว่าแล้วเจ้าสองคนนั้นที่คนหนึ่งรูปร่างใหญ่โตกว่าผมเกือบสองเท่า ส่วนอีกคนที่เตี้ยกว่าผมแต่ดูบึกบันกว่าแน่นอนก็รีบจ้ำเท้าเดินออกจากรัศมีสิบเมตรจากตัวผม

ผมหันขวับไปมองรอบๆ คนอื่นๆ หันหน้าหนีกันอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมรู้สึกว่าคิ้วข้างขวาของตัวเองกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

แม่งเอ๊ย ชีวิตในโรงเรียนแม่งต้องเป็นแบบนี้ทุกที ขนาดหลายๆ คนก็รู้แล้วนะว่าผมกับโลแกนเป็นแฝดที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะหลบหน้ามันทั้งสองคนแบบนี้อีก มันเรื่องอะไรกันเนี่ย คนเราสมัยนี้เลือกคบกันแบบนี้แล้วเหรอ แบบ… ถ้าแฝดคนหนึ่งแม่งไม่ดีก็ต้องไม่คบอีกคนไปด้วย ไรงี้

แล้วขอพูดหน่อย… ไอ้สองคนเมื่อกี้ที่เพิ่งเผ่นหนีผมไปป่าราบน่ะ พวกเอ็งกระซิบกันซะดังขนาดนั้น ใครมันจะไม่ได้ยินบ้าง นี่ถ้าไม่ใช่ผมแต่เป็นโลแกนที่ยืนฟังอยู่ตรงนี้ ป่านนี้พวกมันคงได้ลงไปนอนเลือดอาบอยู่กับพื้น จะพูดจะจาจะนินทาอะไรก็คิดบ้าง หรือไม่งั้นก็ลดเสียงลงหน่อยก็ดี

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าหน้าของเสื้อฮู้ด ก้าวเท้าเดินต่อไปยังตัวอาคารเรียนที่อยู่ในสภาพค่อนข้างเก่า โรงเรียนนี้เปิดมาหลายสิบปีแล้ว เคยซ่อมแซมบูรณะแบบนับนิ้วได้ เพราะงั้นสภาพของมันจะไม่ค่อยโสภานักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ผมมุ่งหน้าไปยังล็อกเกอร์ของตัวเองเพื่อเตรียมเอากระเป๋าไปใส่และหยิบหนังสือเรียนของคาบแรกออกมา ก่อนจะต้องชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อน 2-3 คนของตัวเองกำลังคุยกันอย่างออกรสกับชายหนุ่มที่มีใบหน้าแบบเดียวกับผมเป๊ะ

นั่นมันไอ้โลแกนนี่… แล้วทำไมมันถึงได้…

โลแกนอยู่ในเสื้อฮู้ดสีแดงสด กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม เป็นสไตล์การแต่งตัวแบบเดียวกับที่ผมมักใส่ประจำ แตกต่างไปที่ว่าวันนี้ผมใส่เสื้อฮู้ดสีเทา ไม่ใช่สีแดงแบบที่มันใส่ (ป.ล. ผมกับมันสลับเสื้อผ้ากันใช้ประจำครับ แต่ส่วนมากสไตล์ของเราจะไม่เหมือนกัน มันจะชอบใส่พวกเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมดูกึ่งทางการหน่อยมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมคิดจะใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ผมก็หยิบของมันมาใส่เหมือนกัน)

หากวินาทีถัดมาผมก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกับผมหันมามองหน้าผมแล้วเกิดอาการผวากันไปเป็นแถบ ซึ่งอาการนั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อพวกมันเห็นโลแกน น้องชายฝาแฝดของผมเดินผ่านมา

ว่าแล้วปีเตอร์ หนึ่งในเพื่อนกลุ่มผมก็พยักเพยิดกับอีกสองคนที่เหลือ รวมถึงกับโลแกนด้วยเป็นเชิงว่าให้ออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นกัน ส่วนโลแกนที่ตอนนี้สวมบทบาทเป็นผมเรียบร้อยแล้วเออออพยักหน้าตามไปด้วย อ๊ากกก ไอ้น้องเวร!

“ไอ้โลแกน!” ผมพูดเสียงดังขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ทำเอาคนที่อยู่บริเวณแถวนั้นสะดุ้งเฮือกกันอย่างพร้อมเพรียง โลแกนแสร้งทำท่าสะดุ้งตกใจตามไปด้วยอย่างแนบเนียนหน้าตาเฉย โอ๊ยยย บางทีก็นึกอยากจะฟัดมันสักหมัดสองหมัดเหมือนกัน แต่ก็รู้ดีว่าถ้าขืนทำแบบนั้นไปมันต้องซัดผมกลับคืนมาเป็นสามเท่าแน่ๆ แล้วหมัดไอ้หมอนี่มันเบาเสียที่ไหน

“หา? หมายความไง” โจชัว เพื่อนหัวดำคนเดียวในกลุ่มผมชี้นิ้วใส่ผมสลับกับโลแกนอย่างงงๆ “หมายความว่านายคือลูคัส แล้วนี่คือโลแกน? หรือยังไง หรือว่านายคือโลแกนแต่กำลังกวนประสาทพวกเรา”

“เฮ้ อย่าไปสนใจมัน ฉันคือลูคัสจริงๆ นะ” โลแกนว่าหน้าตาเฉย ทำเอาผมรู้สึกปรี๊ดขึ้นมาทันที ไอ้เด็กบ้านี่ หาเพื่อนเองไม่ได้แล้วจะมาขโมยเพื่อนคนอื่นกันหน้าด้านๆ แบบนี้เลยเรอะ!! ไอ้น้องนรกเอ๊ยยย

“นี่” ผมพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง ด้วยรู้ดีว่าพลุ่งพล่านไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ดีไม่ดีคนจะคิดว่าผมเป็นโลแกนขึ้นจริงๆ เสียอีก “นาย… ไอ้แฝดตัวดี มานี่หน่อยซิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

เจ้าตัวแสบแกล้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่แม่งทำได้เหมือนผมมากจริงๆ

ว่าแล้วพวกเราสองคนก็มาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนสวนไปมา ผมกอดอก ขมวดคิ้วมุ่น มองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ หากน้องชายตัวดีเพียงแค่ส่งยิ้มเผล่มาให้

“นายคิดว่าตัวเองกำลังอะไรอยู่” ผมถามเสียงเย็นทีเดียว จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันปลอมตัวเป็นผม ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราสองพี่น้องมีบทสนทนากันในรูปแบบนี้

“ก็เล่นสวมบทเป็นลูคัสไง” โลแกนยอมรับพร้อมกับส่งยิ้มหวานหยดมาให้ ผมเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อมัน (หรือจริงๆ ก็คือเสื้อผม เพราะตัวนี้ผมเป็นคนซื้อมา) ขึ้นมาแล้วจ้องตาเขม็ง จริงๆ ในเวลาปกติผมเป็นคนที่กลัวหมอนี่นะ อาจจะไม่ได้กลัว แต่จะยอมลงให้แล้วก็แหยๆ กับมันนิดหนึ่ง แต่เวลาที่ผมโกรธ ต่อให้เป็นแฝดผมก็ไม่ยอมนะโว้ย

“งั้นก็เลิกเล่นได้แล้ว”

“โว้ๆๆ ใจเย็นสิพี่ชาย ไม่เห็นต้องเดือดขนาดนี้เลย” โลแกนขยับมือมาแกะมือผมออก ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเจ้าชายจะยกหลังมือของเจ้าหญิงขึ้นมาจูบแน่นอน ผมส่งนัยน์ตาเขียวปั๊ดไปให้มัน

“เพราะแบบนี้ไง คนถึงเริ่มกลัวทั้งฉันและนายไม่เลือกหน้า”

“มีคนกลัวนายไม่ดีหรอกเหรอ” โลแกนเอียงคอถามยิ้มๆ “พวกเดนมนุษย์พวกนั้นจะได้ไม่มาทำร้ายนายไง”

ผมยกมือขึ้นกุมขมับ บีบนวดนิดหนึ่งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตัวเอง ทำไมแฝดผมมันถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ

“โลแกน นายไม่ควรเรียกคนอื่นว่าเดนมนุษย์นะ”

โลแกนหัวเราะก๊ากดังลั่นออกมาทันที ทำเอาผมสะดุ้ง

“เตือนเรื่องนั้นหรอกเรอะ!?”

“โลแกน!”

“เออ นี่ ลูคัส วันก่อนผมไปเดทกับโอลิเวียมาด้วยนะ”

คำพูดนั่นทำเอาผมสะดุดกึกไปทันที ความโกรธที่เหมือนดับมอดไปเมื่อครู่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ผมก็จะบอกให้ว่าโอลิเวียคือแฟนสาวของผม

“หล่อนนี่เด็ดนะ” โลแกนว่าพร้อมกับยกลิ้นขึ้นเลียริมฝีปาก ผมรู้สึกเหมือนเส้นอะไรบางอย่างในหัวขาดผึง “แม่สาวผมบลอนด์สุดเร่าร้อน หน้าอกหน้าใจนี่สุดยอด ลีลาบนเตียงก็เผ็ดมัน สมแล้วกับที่…”

แต่ผมไม่ให้โอกาสมันพูดจนจบประโยค หมัดข้างหนึ่งลอยออกจากการควบคุมของผม หวังจะกระแทกลงบนใบหน้าที่เหมือนกับของตัวเองทุกประการนั่นให้สาแก่ใจ แต่หมัดข้างขวาของผมก็ถูกคนข้างหน้าเอื้อมมือมายึดข้อมือไว้อย่างรวดเร็วทำให้มันค้างอยู่แค่ที่กลางอากาศเท่านั้น

นัยน์ตาสีฟ้าของโลแกนวาววับอย่างขบขันและข่มขู่ไปพร้อมๆ กัน ผมคิดว่าผมกลัวนะ… แต่ความโกรธในอกตอนนี้มันมีมากกว่า ไอ้หมอนี่มันกล้าดียังไงถึงได้สวมรอยเป็นผมแล้วไปมีอะไรกับโอลิเวีย!! นั่นมันแฟนพี่ชายตัวเองนะโว้ย!!

“อย่าน่า ลูคัส ฉันยังไม่อยากเป็นศัตรูกับนายนะ”

“มันสายเกินไปแล้วตั้งแต่ที่นายยุ่งกับ…”

“ใจเย็นๆ ก่อนสิ” ไอ้ตัวแสบยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากส่ายหน้า “ฉันไม่ได้นอนกับยัยสวยหยาดเยิ้มนั่นสักหน่อย ใจร้อนไปได้”

“หมายความว่ายังไง” คราวนี้แหละ ผมขมวดคิ้วมุ่นทันที “ก็เมื่อกี้นายพูดว่า…”

“ฉันบอกว่าลีลาของหล่อนเผ็ดมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นคนนอนกับเขานี่”

โลแกนปล่อยข้อมือผม ผมยกแขนข้างนั้นขึ้นมาสะบัดเบาๆ ทันที ไอ้บ้าเอ๊ย ออกแรงบีบมาได้ ช้ำเลยเนี่ย แล้วเมื่อกี้มันพูดอะไรนะ มันไม่ได้นอนกับโอลิเวีย แล้ว…

“นี่นายอย่าบอกนะว่า…”

“นายก็รู้ใช่ไหม ลูคัส” โลแกนเหยียดยิ้มหวานทีเดียว “ว่าห้องนอนของน้าที่อยู่ถัดจากห้องนอนพวกเราไปน่ะ มันมีรูโหว่อยู่นิดหน่อยบนผนัง”

โว้ยยยยยย!! ไอ้แฝดโรคจิตนี่มันแอบดูผมมีอะไรกับแฟน!!??

“อะ… อะ…!” หน้าผมร้อนวูบขึ้น เผลอก้าวเท้าถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นปิดปากในขณะที่โลแกนเหยียดยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ไอ้.. ไอ้หมอนี่…!!

“นายมันไอ้โรคจิต!!”

“บางคนอาจจะบอกว่าฉันเป็นน้องที่ใส่ใจนะ”

“ไหนวันนั้นนายบอกว่าจะออกไปข้างนอก!!”

“แหม จะออกไปข้างนอกได้ยังไงกัน ทำแบบนั้นก็เสียของน่ะสิ เออ ลีลานายเองก็ไม่เลวนะ แต่ยังทื่อไปหน่อย บ่งบอกว่ายังขาดประสบการณ์ ให้ฉันหาสาวเด็ดๆ ช่วยฝึกให้ก็ได้นะ หน้าตาดีอย่างพวกเราหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว”

“ฉันมีแฟนอยู่แล้ว ไอ้ทุเรศ”

โลแกนยักไหล่ให้ผมทีหนึ่ง ท่าทียียวนกวนตีนสุดๆ หนอย… นี่ถ้าไม่ใช่ว่ามันแรงเยอะ ต่อยตีเก่งกว่าผมล่ะก็นะ… แม่ง ไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆ ที่เราเป็นแฝดกันแท้ๆ แต่ทำไมต้องเหมือนผมแพ้หมอนี่ทุกเรื่องด้วย แม่งเอ๊ย!!

“น่า ไม่สึกหรอสักหน่อย อย่าโวยวายไปเลย” เจ้าตัวดีพูดยิ้มๆ เลื่อนแขนมาตบบ่าผมแปะๆ ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรจะโกรธ อาย หรือว่าอยากจะร้องไห้ดี บางทีคงทุกอย่างผสมรวมกัน “เออ แต่เรื่องที่ผมบอกไปเดทกับโอลิเวียมาน่ะ เรื่องจริงนะ บังเอิญเจอกันระหว่างทางกลับบ้านแล้วเขาเข้าใจว่าฉันเป็นนาย เลยชวนไปดริ๊งค์นิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรเกินเลยให้นายขุ่นข้องหมองใจแน่นอน ไม่ต้องกลัว”

“จูบล่ะ”

“เปล่า ไม่ได้จูบ”

ผมมองมันด้วยสายตาพิศวง โลแกนจึงคลี่ยิ้มร่าตามแบบฉบับของมันมาให้ตามเคย

“ฉันบอกแล้วไงว่ายังไม่อยากเป็นศัตรูกับนาย”

ฉันเองก็เหมือนกัน ผมพูดคำนั้นในใจ เพราะการเป็นศัตรูกับหมอนี่เท่ากับตายไปแล้วครึ่งทาง ต่อให้ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดมันก็เถอะ แต่ถ้ามันคิดจะจัดการ มันคงไม่สนเรื่องพรรค์นั้นหรอก

“แล้ว… นี่… เอายังไงกันดีล่ะลูคัส ตอนนี้เพื่อนนายคิดว่าฉันเป็นนายไปหมดแล้ว” โลแกนถามพร้อมยกนิ้วจิ้มข้างแก้มตัวอย่างครุ่นคิด แหวะ คิดว่าตัวเองน่ารักตายล่ะ

“ถอด”

“หะ?”

“เสื้อที่นายใส่อยู่ตอนนี้ ถอดออกมา”

โลแกนยกยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปถอดเสื้อฮู้ดสีแดงสดออกอย่างว่าง่ายเผยให้เห็นผิวเหนือด้านล่างและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่เจ้าตัวบ่มเพาะมา ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้หมอนี่หุ่นดีชะมัด ผมเองก็พยายามจะเล่นกล้ามแบบมันเหมือนกันนะ ขอให้มันช่วยเทรนด์ให้หน่อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถมีได้เยอะแบบมันอยู่ดี

“เอ้า” โลแกนว่าพร้อมกับส่งเสื้อที่ตัวเองถอดมาให้ผม ผมจึงถอดเสื้อฮู้ดสีเทาที่ใส่อยู่ออก ภายใต้นั้นมีเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นอีกตัว แลกเสื้อผ้ากันเสร็จสรรพแล้ว โลแกนก็เลื่อนมือไปจัดผมของตัวเองให้เข้าที่ ริมฝีปากมีรอยยิ้มกวนๆ ประดับใบหน้าเหมือนเคย เห็นแล้วบางทีก็หมั่นไส้อยากจะถีบมันสักรอบ

...เสียแต่ไม่กล้าเท่านั้นเอง

“งั้นวันนี้ก็ไปเรียนกันเถอะ พี่ชาย แล้วเย็นนี้กลับบ้านพร้อมกันดีไหม ไปซื้อของทำกับข้าวกัน วันนี้ฉันอยากกินสเต็ก”

“เออ” วันนี้เวรผมทำกับข้าว… เหอะ เอาเถอะ

“เอ่อ แล้วก็นะ” โลแกนหันมาพูดกับผมอย่างนึกขึ้นได้ “แฟนนายน่ะ ขนาดแยกนายกับฉันยังแยกไม่ออกเลย นายคิดว่าผู้หญิงแบบนั้นเหมาะสมกับนายแล้วจริงๆ เหรอ”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ทำไมหมอนี่ต้องมาพูดเหมือนรวนกันด้วยนะ ในเมื่อตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแยกเราสองคนออกอยู่แล้ว

ไม่เคยมี

“แต่ก็เอาเหอะ ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นะ”

ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็หัวเราะร่า ล้วงแขนลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินจากไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel