บทที่ 1
(Mode: Logan Collins)
ผมมีความลับอย่างหนึ่ง
ไม่สิ อันที่จริงก็มีหลายอย่างแหละ แต่เอาเป็นว่าไอ้อย่างหนึ่งที่ว่านี่มันเป็นสาเหตุที่ทำให้ความลับอีกเป็นล้านตามมาก็เท่านั้น
อ้อ ใช่ และความลับนี้ ลูคัส คอลลินส์ พี่ชายฝาแฝดของผมก็ไม่รู้ และผมก็ไม่นึกอยากให้เขารู้ ไม่อย่างนั้นคงได้วุ่นวายบ้านแตกกันไปใหญ่ เอาเป็นว่าความลับยิ่งใหญ่ของผมเนี่ย เก็บไว้เป็นความลับกับคนทั้งโลกนี้ได้เลยยิ่งดี
“โลแกน” เสียงจากบุรุษในชุดสูทตรงหน้าเอ่ยเรียก ผมจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้าต่อ “เหม่ออะไรน่ะ ตั้งใจฟังที่พ่อพูดหน่อยสิ”
คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อผมมีเขางอกออกมาจากหัวสองข้าง มันโค้งงอเข้าหากัน และถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออก ผมแนะนำให้ลองเสิร์ชหาคำว่าลูซิเฟอร์ดูในอินเตอร์เน็ต เพราะตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นสะท้อนออกมาให้เห็นจากกระจกเงาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผม
ขอแนะนำให้รู้จัก นี่พ่อผมเอง ชื่อลูฟิเซอร์ อาศัยอยู่ในนรก แล้วก็เป็นคนที่เตะโด่งส่งผมมาเกิดท้องเดียวกันกับลูคัสแบบงงๆ แต่ที่ไม่งงคือส่งตรงมาจากนรกของแท้แน่นอน ฉากหลังของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีแดงสุดหรูคือไฟโลกันต์ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทั้งๆ ที่ตรงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรให้เผา
ก็อย่างว่า ในนรก คุณไม่จำเป็นต้องมีอะไรให้เผาก็สามารถมีไฟขึ้นอยู่ทุกที่ได้น่ะนะ
“ท่านพ่อจะพูดอะไรครับ” ผมถามต่ออย่างเบื่อๆ ยิ่งการที่อีกฝ่ายบังคับให้ผมต้องยืนตลอดการสนทนาระหว่างพวกเราสองคนแบบนี้ยิ่งทำเอาผมเซ็งเข้าไปใหญ่ อยากจะรีบๆ ปิดบทสนทนาเร็วๆ แล้วไปหาอะไรสนุกๆ ทำต่อสักที ยืนแบบนี้นานๆ มันก็เมื่อยขาเหมือนกันนะ
“ฉันจะให้แกไปฆ่าคนคนหนึ่ง”
ผมยกยิ้มเยาะแทบจะในทันที
“คนเดียวเองเหรอพ่อ”
“อย่ามาทำเป็นปากดี”
“อ้าว ก็ผมพูดจริงนี่” ผมยกมือสองข้างขึ้นประสานกัน แหม ถ้านั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วยกขาขึ้นไขว่ห้างได้ ภาพที่ออกมาคงจะเท่ห์น่าดูชมไม่ใช่น้อย “ที่ผ่านมา ผมก็ฆ่าคนไปให้พ่อตั้งเยอะแล้ว อยู่ๆ จะมาขอให้ฆ่าคนคนเดียวเนี่ยนะ? ไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ”
“จบงานนี้ ฉันจะให้แกกลับมาอยู่ที่นรก”
ข้อเสนอนี้ฟังดูน่าสนใจ ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้บานกระจกมากขึ้น
“ท่านพ่อจะให้ผมฆ่าใคร”
“จูดี้ ฮิลล์”
“แล้วเขาเป็นใครล่ะพ่อ”
“รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน”
“หา” ผมโอดครวญขึ้นมาทันที พ่อพูดถึงใครกันวะเนี่ย หน้าตาผมยังไม่เคยเห็นเลย
“ทำไม่ได้เรอะ” น้ำเสียงนั้นงวดขึ้นมาทันที
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้น” ผมบ่นงึมงำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ “แต่มันต้องใช้เวลา”
ใช่เลย คำนวณจากความสามารถของผมในตอนนี้ ศักยภาพทางด้านร่างกายที่มีขีดจำกัด ข้อมูลวงในที่ยังมีไม่มากเพียงพอ และอะไรทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นข้อจำกัดของตัวเองทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไป
“ฉันให้เวลาแกตลอดทั้งอายุขัยมนุษย์ที่แกมี”
“คงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้น” ผมยิ้ม รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก แค่ได้คิดว่าจะได้กลับไปนรก… กลับไปยังที่ที่ตัวเองจากมาก็ตื่นเต้นแล้ว ถึงผมจะจำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นที่ยังไงก็เถอะ แต่เชื่อขนมกินได้ มันต้องเป็นที่ที่สนุก ตื่นเต้น แล้วก็ท้าทายกว่าโลกมนุษย์นี้แน่ “พ่อเชื่อใจผมได้เลย ผมจะไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นให้”
“อย่าสะเออะตายขึ้นมาก่อนแล้วกัน”
“ไม่หรอกน่าพ่อ อย่าดูถูกผมนักสิ”
“แกก็อย่าดูถูกศัตรูตัวเอง” น้ำเสียงของชายในชุดสูทจริงจังมากขึ้น ผมยังคงส่งยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรให้อีกฝ่ายตามเคย แต่ไม่ต้องย้ำหลายๆ รอบ ผมก็รู้น่าว่างานนี้ไม่หมู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ? คนคุ้มกันต้องมากมาย เส้นสายวงในต้องเยอะ และผมก็กำลังวางแผนในหัวอย่างรวดเร็วว่าจะต้องทำยังไงเพื่อให้ตัวเองไปอยู่ในวงในที่ว่านั่นให้ได้
“ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด” ผมรับปาก ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะรับปากทำตามที่พ่อสั่งงานมาดีๆ แต่คราวนี้ข้อเสนอมันยั่วยวนเกินห้ามใจไหวจริงๆ
“แล้วแฝดแก เป็นยังไงบ้าง”
“ลูคัสน่ะเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แปลกใจไม่น้อยที่ท่านลูซิเฟอร์ถามถึงมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเรี่ยดินที่บังเอิญโชคดีเกิดมาหน้าตาดีแบบผมแบบนี้ “หมอนั่นก็สบายดี ยังเห่ยเหมือนเดิม แต่ก็สุขสบายดี”
“อย่าให้มันรู้ตัวตนที่แท้จริงของแกแล้วกัน”
“โธ่ พ่อ” ผมกลอกตาขึ้นมองเพดาน เป็นถึงลูซิเฟอร์ทั้งที จะมามัวกำชับ กังวลเรื่องหยุมหยิมพรรค์นี้ไปทำไมเนี่ย “ต่อให้หมอนั่นรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกน่า มันไม่กล้าเอาไปบอกใครหรอก หรือต่อให้เอาไปบอก ใครจะไปเชื่อ หรือถ้าลำบากนัก ผมฆ่ามันทิ้งก็ได้ จะได้จบๆ เรื่อง ไม่ต้องมานั่งพะว้าพะวงกัน”
“แกน่ะเหรอจะฆ่าพี่ชายฝาแฝดแก” ลูซิเฟอร์หนุ่มยกยิ้มเหยียด “แกแน่ใจเหรอว่าจะทำได้ โลแกน”
“แน่ใจสิพ่อ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น ไม่ชอบใจเลยจริงๆ เวลาที่อีกฝ่ายเหมือนดูถูกตัวเองแบบนี้ “ผมจะฆ่าใครก็ได้ถ้าผมตั้งใจจะฆ่า แต่ที่ผมไม่ฆ่าหมอนั่นก็เพราะไม่มีเหตุผลอะไรให้ฆ่าต่างหาก อีกอย่าง… อยู่กับหมอนั่นก็สุขสบายดี มีคนให้ใช้งาน”
“ได้ข่าวว่าบางทีมันก็ใช้งานแกเหมือนกันไม่ใช่เรอะ”
ผมยักไหล่ “มันก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปอ่ะพ่อ”
“ก็ไอ้ตรงจุดนั้นแหละ” ชายหนุ่มในกระจกเงาแสยะยิ้ม “ระวังไว้ให้ดี เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้แกฆ่าคนคนนั้นไม่ได้”
ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเหยียดยิ้มยียวนไม่ต่างจากคนตรงหน้าแม้แต่น้อยแล้วถามย้อนกลับ
“แปลว่าผู้หญิงที่พ่อสั่งให้ผมไปฆ่าเนี่ย… พ่อก็ฆ่าหล่อนไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี่เหมือนกันใช่ไหมครับ?”
“เฮ้ย” คนเป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวงสะดุ้ง “จะบ้าเหรอ คนอย่างฉันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะไปฆ่าใครด้วยมือของตัวเองต่างหาก ไม่งั้นแกคิดว่าฉันจะส่งแกขึ้นไปบนนั้นทำไมถ้าไม่ใช่เพื่อคอยให้แกทำงานให้ฉัน”
“โอเคฮะ” ผมยักไหล่ เริ่มรู้สึกเมื่อยขาขึ้นมาจริงๆ แล้ว อันที่จริงคือ… ขี้เกียจจะยืนแล้วก็เสวนาต่อมากกว่า
“พ่อว่าไงก็ว่างั้น แล้วนี่พ่อมีอะไรอีกรึเปล่า ถ้าไม่ ผมจะไปทำอย่างอื่นแล้ว”
“แกนี่… จริงๆ เลย นี่ฉันเป็นพ่อแกนะ ไอ้ลูกเวร”
เอ๊า… ก็ตัวเองเป็นคนปั้นผมขึ้นมาให้เป็นแบบนี้เองนะ
“เออ เอาเถอะ แกไปได้ล่ะ แล้วฝากทักทายพี่ชายฝาแฝดของแกด้วย แล้วเดี๋ยวจะติดต่อไปใหม่”
“สวัสดีครับ” ผมโค้งให้คนตรงหน้านิดหนึ่ง จากนั้นภาพสะท้อนในกระจกเงาก็กลายเป็นตัวของผมเองโดยมีพื้นหลังเป็นเตียงนอนและโทรทัศน์ตั้งโต๊ะ ภาพที่สะท้อนออกมาให้เห็นคือเด็กหนุ่มวัย 17 ที่มีกล้ามเนื้อซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว มีเสื้อสีดำแขนกุดตัวนอกติดอยู่ กางเกงขายาวสีดำ นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูเหมือนคนปกติทั่วไป จากนั้นก็เส้นผมสีบลอนด์ทองที่ผมบรรจงจัดแต่งทุกห้านาที
หล่อ สมบูรณ์ เพอร์เฟคต์ จะมีใครในโลกนี้ดูดีไปกว่าผมบ้าง?
“โลแกน” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงเรียกของใครอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมเป๊ะ
อ้อ ใช่ เป็นเรื่องโชคดีมากที่โลกนี้มีคนหล่อแบบผมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือพี่ชายฝาแฝดที่กำลังมองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยไว้ใจอยู่ในตอนนี้ไง
“ว่าไง ลูคัส” ผมสิ่งยิ้มหวานให้เขา
“นายทำอะไรอยู่”
“ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจก”
“ซ้อมพูด?” ลูคัสทวนคำ คิ้วเรียวขมวดติดเข้าหากัน คนอะไร ขนาดงงยังดูดี อ้อ ก็เหมือนผมเลยสิ ดูดีทุกอริยาบทแบบนี้ “ซ้อมพูดอะไร มีพรีเซ้นท์อะไรเร็วๆ นี้เหรอ? วิชาอะไร โปรเฟสเซอร์คนไหน”
“วิชาเคล็ดลับในการทำตัวให้ดูดีตลอด 24 ชม. โปรเฟสเซอร์โลแกน คอลลินส์”
ลูคัสขมวดคิ้วขึ้นฉับทันที
“ฮาฮาฮา ตลกตายล่ะ ไอ้น้อง”
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะ” ผมเอ่ยถาม เลื่อนมือไปปัดผมเส้นหนึ่งที่หลุดออกจากตำแหน่งที่มันควรอยู่ “ไม่ได้ทำงานจนถึงเที่ยงคืนหรอกเหรอ”
“โดนไล่กลับก่อนน่ะสิ ฉันทำแก้วแตกไปสองใบวันนี้”
“ใครไล่นายกลับ” ผมถามย้อนกลับ ลูคัสสะดุ้งตัวทันที สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หมอนี่มักจะแหยแบบนี้ทุกทีเวลาที่บรรยากาศรอบตัวผมเปลี่ยนไป แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม
ถึงตอนที่ผมคุยกับท่านพ่อ ผมจะพูดว่าสามารถฆ่าหมอนี่ได้ง่ายอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ในเมื่อผมไม่ได้มีความคิดอะไรที่จะฆ่าเขา เขาก็ถือเป็นพี่ชายฝาแฝดของผม เป็นหนึ่งในคนหน้าตาดีที่สุดของโลกที่ควรจะรักษาให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะงั้น… ใครมาทำอะไรหมอนี่สมควรโดน
“เอ่อ ฉันว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ อีกอย่างฉันก็แย่เองที่ทำงานไม่ดี วันนี้เหนื่อยๆ น่ะ เพราะงั้นช่างมันเถอะนะ แล้วนี่นายกินอะไรหรือยัง วันนี้เวรฉันทำกับข้าวด้วย ถ้านายยังไม่ได้กินเดี๋ยวฉัน…”
ผมคว้าแขนของชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนผมทุกประการขึ้นมาทันที ลูคัสชะงักไป หันกลับมามองหน้าผมอย่างเกรงๆ ให้เดานะตอนนี้ผมต้องทำหน้าน่ากลัวมากสำหรับหมอนี่
“ใครเป็นคนไล่นายกลับ”
“เฮ้ โลแกน ใจเย็นสิ” ลูคัสว่า พยายามพูดช้าๆ และเลื่อนมือมาลูบแขนผม โธ่เอ๊ย ถ้าทำแค่นี้จะช่วยให้ใครใจเย็นลงได้ สงครามโลกคงไม่เกิดขึ้นถึงสองครั้งแล้ว
“ฟังนะ” ลูคัสช้อนสายตาขึ้นมาสบตาผมตรงๆ พยายามอธิบายเรื่องเดิมๆ ให้ผมฟัง “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ เห็นไหม นายลองคิดดูดีๆ สิ ฉันทำแก้วแตกไปสองใบ อย่างน้อยคนที่ร้านก็ไม่หักเงินฉัน แค่ขอให้ฉันกลับมาก่อนเท่านั้นเอง อีกอย่าง วันนี้ฉันเองก็เหนื่อยมากแล้ว ได้กลับมาก่อนแบบนี้ก็คิดว่าดีแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นนายอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ จริงๆ”
ผมสบตาอีกฝ่ายตรงๆ มันสะท้อนออกมาให้เห็นว่าเจ้าตัวหมายความแบบนั้นจริงๆ เห็นแบบนี้ก็หมดอารมณ์อยากจะไปอัดก้นคนแล้ว
“ถ้านายว่างั้นก็ตามใจ” ผมยักไหล่ให้เขาทีหนึ่ง และนั่นแทบทำให้ลูคัสถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก เบื่อจริง ไอ้นิสัยเป็นคนดีไม่เข้าท่าของไอ้หมอนี่ บางทีผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าเทวดา นางฟ้านางสวรรค์สักคนแม่งส่งไอ้หมอนี่ลงมาเกิดพร้อมๆ กับตอนที่พ่อเตะโด่งส่งผมขึ้นมา มันจะเป็นคนดีอะไรขนาดน้าน… เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรยอม ไอ้หมอนี่ก็ยอม เพียงเพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากให้ใครเจ็บตัว
เหอะ พ่อคนโลกสวย
“งั้นก็ไปทำอะไรมาให้ฉันกินได้แล้ว” ผมพูดตัดบท ยกมือโบกไล่อีกฝ่าย ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย เดี๋ยววันไหนที่มันเดือดร้อนมากจริงๆ มันก็มาขอให้ผมช่วยเองแหละ เรื่องแบบนี้ พวกเราสองคนรู้กันดี “หิวจะแย่แล้วเนี่ย นึกว่าวันนี้นายจะกลับช้า ตั้งใจจะไปกินแมคโดนัลด์อยู่แล้ว”
“อาหารขยะ” ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ผมเลยยักไหล่ส่งให้เจ้าตัวทีหนึ่ง
“ทำยังกับนายไม่กิน”
“ก็ถ้าไม่มีอะไรกินก็กิน”
“นั่นไง”
“เออๆๆ รู้แล้วๆ เดี๋ยวจะไปทำให้ ดูทีวีรอไปก่อน… แล้วไม่ต้องเลยนะ ไอ้หนังโป๊ของนายเนี่ย หรือถ้าจะดู ช่วยเปิดเสียงเบาๆ แล้วก็ปิดตอนฉันโผล่กลับขึ้นมาบนห้องด้วย เข้าใจรึเปล่า?”
“ไม่อะ”
ลูคัสขมวดคิ้วคิ้วฉับทันทีด้วยความยียวนของผม ผมเลยยิ้มหวานส่งกลับให้เจ้าตัวที่ตอนนี้เริ่มบ่นในลำคอพึมพำ เดินกระแทกเท้าแล้วปิดประตูห้องดังโครมออกไป
แหม… แหย่พี่ชายตัวเองเล่นนี่สนุกจัง