Chapter 4 เพราะรักจึงตามใจ
Chapter 4
เพราะรักจึงตามใจ
@พียูผับ
“ไม่ลงไปดื่มหน่อยเหรอ ก็ไหนว่าไม่รีบ”
“ไม่ล่ะจ้ะ พอดีมันเริ่มมืดแล้ว เดี๋ยวรถติด”
ฉันปฏิเสธ ตอนนี้พายุยังคงนั่งอยู่บนรถกับฉันไม่ได้ลงไป
“รถติดงั้นนอนนี่ก็ได้” แหมเชิญชวนซะจริงนะน้องชาย ถ้าพี่นอนขึ้นมาจริงอย่ามาร้องเอ๋งเป็นหมานะครับ เอ๊ะ ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย พอเลยๆ อายตัวเองชะมัดยัยบ้า
“ไม่เป็นไรดีกว่า พี่เกรงใจ”
“พี่ก็เคยขึ้นมาบนห้องผมนี่...”
น้ำเสียงคานยาวลากเสียงต่ำฟังแล้วแหบมหาเสน่ห์ ไม่ๆๆ อย่าหลงกลเชียว อย่าหลงกลความหล่อของเด็กหนุ่มเชียวยัยเอิง เจ็บมานักต่อนักแล้วกับผู้ชายทรงเจ้าชู้ สู้คีรินของฉันก็ไม่ได้ หุ่นนักกีฬาน่ารักแสนดีอิอิ
“ไม่ใช่ละ ห้องอะไรกันล่ะคนอื่นได้ยินเดี๋ยวก็เข้าใจผิดหมด”
ฉันขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าของพายุด้วยความสงสัย เด็กบ้านี่พูดจาอะไรก็ไม่รู้ ขืนคีรินได้ยินฉันโดนเอาตายแน่
“หึ ผมหมายถึงห้องวีไอพีที่เอาไว้รับรองแขก จะชวนพี่ขึ้นไปดื่ม นี่คิดอะไรอยู่เนี่ย?”
“อะ อ้าว งั้นหรอกเหรอ...”
ก็ไม่รู้นี่นา... ไอ้เราก็คิดลึกซะด้วย ก็ดูพายุทำหน้าทำตาสิ ยิ้มเจ้าเล่ห์แถมยังทำสายตาเจ้าชู้มองมาแบบนั้นอีกจะไม่ให้คิดได้ยังไง
“คิดลึกอ่ะดิ ระวังนะ... คิดบ่อยระวังเป็นจริง”
“พายุ! เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดกับรุ่นพี่แบบนี้ได้ยังไงคะ หืม?” แกล้งดุไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้พายุพูดลามปามไปมากกว่านี้อีก ที่สำคัญฉันมีแฟนแล้วต้องเว้นระยะห่าง
“ไม่เด็ก...แล้วก็ไม่เล็กด้วย”
พูดซะอยากเห็น เอ้ย ไม่ใช่สิ ฉันจะคิดแบบนั้นไม่ได้นะหยุดเดี๋ยวนี้เลยยัยเอิงเอย
“ทะลึ่ง ไปทำงานได้แล้วไปเดี๋ยวพี่กลับคอนโดแล้ว”
“โอเคครับ งั้นไว้โอกาสหน้าต้องมาที่นี่ให้ได้นะ”
“จ้ะ” ฉันตอบรับไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่ได้คิดจะมาหรอก จะให้มาได้ยังไงกันล่ะ ฉันน่ะมีคีรินอยู่ทั้งคนนะ จะมาสนใจเด็กคนนี้ได้ยังไง
ในที่สุดพายุก็ลงจากรถไปส่วนฉันก็ต้องรีบขับรถกลับไปยังคอนโด แต่ก็แน่นอนว่าไม่ลืมแวะซื้อกระเพาะปลาเยาวราชไปฝากเขาด้วย ป่านนี้คงจะหิวแย่
ติ๊ดด
คีย์การ์ดถูกแตะเข้าที่หน้าประตูห้องก่อนที่จะเดินเข้ามาและแน่นอนว่าฉันก็พบเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะคอมซึ่งเป็นที่ประจำของคีรินในทุกวัน
“กลับมาแล้วค่ะที่รัก” ฉันรีบเดินก็ไปหาคีริน ส่วนคีรินเห็นว่าฉันกลับมาก็รีบปิดหน้าจอคอมทันที
“กลับดึกเชียว หิวจะแย่” คีรินลุกขึ้นมาสวมกอดฉันแล้วก้มลงฉกจุ๊บเข้าที่แก้มนวล
“โทษที พอดีมัววนไปส่งน้องชายอยู่ แล้วนี่เล่นเกมอะไรอยู่เหรอทำไมปิดหน้าจอไปแล้วล่ะ” ฉันชะโงกหน้าไปดูที่หน้าจอคอมที่ตอนนี้มืดสนิท
“ไม่มีอะไร พอดีเล่นเสร็จแล้ว ไหนดูดิ๊ซื้ออะไรมาให้กิน”
เขาคว้าถุงกระเพาะปลาเยาวราชไปแล้วเดินไปที่โต๊ะทานข้าวในโซนห้องครัว
“หิวมากหรือเปล่า ทำไมไม่สั่งอะไรมากินล่ะ”
ฉันเดินตามหลังคีรินไปก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนคีรินก็หยิบชามมาพร้อมกับเทถุงกระเพาะปลาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับฉัน
“สั่งแล้ว แต่ก็ยังหิวอยู่ดี ไม่อิ่ม”
“อ้าว ทำไมไม่อิ่มล่ะ รึว่าเงินที่ฉันให้ไว้มันไม่พอ”
เอาซะฉันรู้สึกผิดเลยที่ต้องปล่อยให้คีรินหิว สงสัยเงินที่ทิ้งไว้หนึ่งพันบาทคงจะไม่พอ
“พอ ซื้อมาม่าล่างคอนโดขึ้นมากินแล้ว”
“ฮะ? ทำไมกินมาม่าอ่ะ ทิ้งเงินไว้ให้พันนึงน่าจะสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาได้นะคีริน”
ฉันเหวอไปเลยเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี่ฉันเลี้ยงดูคุณแฟนอดอยากถึงขนาดต้องให้กินมาม่าเลยเหรอ ไม่หรอก เขาอาจจะแค่อยากกินก็ได้
“เหลืออยู่ไม่ถึงร้อย พอดีเราเอาเงินไปเติมเกม”
“โถ่คีริน บอกแล้วไงว่าให้เลิกเติมเกม เดี๋ยวรอหางานได้ค่อยเติมเกมก็ยังทัน ตอนนี้เก็บไว้กินก่อนจะดีกว่านะ””
ถึงแม้ฉันจะได้เงินจากการทำงานให้ที่บ้านอยู่ไม่น้อย แต่ต้องเลี้ยงอีกหนึ่งชีวิตแถมซื้อกินแต่ร้านดีๆทุกมื้อมันก็ทำให้ฉันหมดพลังงานอยู่นะ เงินเก็บก็น้อยลงทุกที
“อะไรวะ กลับมาก็บ่นเลย รำคาญว่ะเอิง”
ตุ้บบ! เสียงวางช้อนลงกับโต๊ะอย่างไม่พอใจจนกระเพาะปลาในช้อนหล่นลงมาที่โต๊ะ ฉันตกใจรีบขอโทษเขาในทันที
“ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รำคาญนะ ก็แค่คิดว่าเราน่าจะเก็บเงินไว้บ้างจะได้สร้างอนาคตกันได้”
ฉันคิดแค่นั้นจริงๆ ฉันรักเขานะ...แต่การจะทำให้ที่บ้านยอมรับคีรินซึ่งตอนนี้ว่างงานอยู่นั้นไม่ง่ายเลย
“เหอะ คราวหน้าอย่าพูดให้ได้ยินอีกนะ”
“โอเค คราวหน้าฉันจะไม่พูดอีกแล้ว”
ฉันรู้สึกผิดอยู่ในใจพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบแขนแกร่งกำยำของคีรินอย่างแผ่วเบา ฉันไม่อยากทำให้เขาต้องรู้สึกกดดัน
เราสองคนนั่งกันอย่างเงียบๆ ฉันรอจนกว่าคีรินจะกินเสร็จ กินเสร็จแล้วฉันก็เก็บชามไปล้างให้เรียบร้อย ส่วนคีรินก็เดินไปหน้าห้องน้ำแล้วถอดเสื้อผ้าออกโยนไว้ที่พื้น
ฉันล้างจานเสร็จรีบเดินไปหาเขาพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าที่กองที่พื้นขึ้นมา
“ฉันบอกแล้วไงว่าเสื้อผ้าถอดให้ใส่ตะกร้าแล้วก็หยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบดีๆ” มันก็อดที่จะบ่นไม่ได้เมื่อเขาทำแบบนี้ ฉันพูดหลายรอบมากๆแล้ว
“เสื้อผ้าจะไม่มีใส่แล้วนะเอิง” เขาไม่ตอบรับสิ่งที่ฉันบ่นแต่หันมาพูดกับฉันด้วยประโยคอื่นแทน
“ไม่มีเวลาซักเลยอ่ะ ที่จริงคีอยู่ห้องว่างๆเอามาซักก็ได้นะ เครื่องซักผ้าก็มี”
ฉันพูดไปแบบนั้นโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่คีรินกลับชักสีหน้าใส่ฉันแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“โทษนะเอิง งานบ้านพวกนี้มันหน้าที่ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?” ได้ยินเขาตอบกลับมาแบบนั้นก็ทำเอาฉันอึ้งไปนิดนึง
“อ่า งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปส่งซักรีดให้ตอนออกไปทำงานก็ได้”
“อือ ตามนั้น เคนะ”
คีรินดูเหมือนจะพอใจที่ฉันไม่สั่งให้เขาทำอะไรต่อ ฉันหยิบเศษผ้าพวกนั้นถือเข้าไปภายในห้องแล้วใส่ตะกร้าเอาไว้
วันนี้มีงานที่บริษัทต้องเคลียร์นิดหน่อยฉันจึงหยิบไอแพดออกมานั่งทำงานที่โต๊ะทำงานข้างกับโต๊ะคอมของคีริน
“ว้าย” ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อโดนคีรินสวมกอดเข้าอย่างจังในขณะที่กำลังนั่งทำงาน
“ตกใจอะไร แค่กอดเอง”
“ตกใจสิ ก็นั่งทำงานอยู่เพลินๆ”
“หรือว่าใจลอยคิดถึงใครอยู่?” คีรินถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ฉันรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนขึ้นเต็มความสูงหันไปกอดคีรินเอาไว้แล้วหอมเข้าที่แก้มสากหน้านั้น
“จะให้คิดถึงใครได้ล่ะ ฉันก็อยู่กับนายทุกวันนะ”
“ก็เมื่อวันก่อนเธอไปหาไอ้ภีมมานี่ นึกว่าจะคิดถึงมัน”
“เอาอีกแล้วนะคี ทำไมชอบพูดถึงคนอื่นอยู่เรื่อยเลย”
ฉันรู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกันนะที่เขาเอาแต่พูดถึงเรื่องแฟนเก่า ผู้หญิงคนไหนมันอยากจะมีแฟนเก่าบ้างล่ะ ก็อยากจะคบยาวๆกันทั้งนั้นแหละ แต่ในเมื่อคนเก่ามันไม่ดีแล้วจะให้ฉันทำยังไง
“ก็แค่หวงนี่ หวงเธออยากจะเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้อยากจะแบ่งให้ใคร”
คีรินพูดพร้อมกับสวมกอดฉันเอาไว้แน่นก่อนจะช้อนตัวอุ้มฉันเอาไว้แล้วพามาจบกันที่ห้องนอนอีกตามเคย
บอกแล้ว...เราสองคนมีอะไรกันทุกวันไม่เกินจริง และฉันก็รักคีรินมากด้วย
เช้าวันต่อมา
“ไปทำงานแล้วนะคี” ฉันยกมือขึ้นตบบ่าของคีรินที่มุดตัวนอนอยู่ในผ้าห่มเบาๆ
“อื้อ” เขาครางตอบก่อนจะสะบัดผ้าห่มขึ้นมาห่มต่ออย่างไม่สนใจไยดีฉันที่กำลังจะไปทำงาน
โอเค ไม่เป็นไร บางทีคีรินอาจจะแค่เหนื่อย
ฉันลุกขึ้นแล้วไปทำงานแต่เช้า หวังว่าวันนี้กลับมาจะได้ยินข่าวดี
คีรินคงกำลังตั้งใจหางานทำอยู่ในทุกวัน...
ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องหางานที่ดีทำได้แน่
ใช่มั้ยคะทุกคน? ^^