Chapter 3 เด็กขี้อ้อน
Chapter 3
เด็กขี้อ้อน
“อะไรนะคะแม่? จะให้หนูไปรับโอบที่มหาลัย? โถ่แม่คะ น้องโตเป็นหนุ่มแล้วนะ”
‘อะไรกันยัยเอิง แค่นี้ก็โวยวาย ก็น้องรถเสียไม่ยอมมาหาแม่ แม่อุตส่าห์ห์นั่งเครื่องบินมาตั้งไกล’
“โถ่แม่คะ แม่ก็รู้ว่าแค่ข้ออ้าง”
ฉันตอบไปอย่างนั้นเพราะรู้ดีว่าเจ้าน้องชายตัวแสบคงจะแค่อยากหนีเที่ยวไม่ยอมมาทานข้าวตามนัดแม่
“เอาเป็นว่าไปรับน้องมาที นานๆทีแม่จะขึ้นมาหานะจ๊ะ”
“อะๆ ก็ได้ค่ะ”
สุดท้ายแล้วฉันก็ตัดสินใจจะขับรถไปรับน้องชายที่มหาวิทยาลัยเอเอ มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ แน่นอนว่าฉันเองก็จบจากที่นี่เช่นกัน
“น้องบ้านี่ โทรหาก็ไม่ยอมรับ”
ฉันล่ะเซ็ง ตอนนี้นั่งอยู่บนรถโดยขับมาจอดในมหาวิทยาลัยหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ น้องชายฉันเรียนอยู่สาขาโยธา คงหวังว่าเรียนจบมาจะช่วยกิจการงานที่บ้านได้อย่างเต็มที่ล่ะมั้ง
‘ตู้ด ตู้ด ตู้ด’
“เอ้า ไอ้น้องบ้า ตัดสายพี่สาวคนสวยได้ไง”
ฉันพูดเซ็งๆพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปอีกครั้ง แต่เสียงที่ตอบกลับมาแน่นอนว่ามันไม่ใช่น้องชายฉัน!
‘ฮัลโหล สวัสดีครับ’
เสียงจากปลายสายตอบกลับมา เอาล่ะฉันควรจะดีใจที่มีคนรับสายนะ
แต่เดี๋ยวก๊อนน เสียงนี้ไม่ใช่น้องชายสุดที่รักของฉันนี่!
“นั่นใคร? ไปลากตัวไอ้น้องบ้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ก็พอจะเดาได้ คงเป็นเพื่อนๆในกลุ่มแต่ไม่รู้คนไหน แต่เอ๊ะ กลุ่มของเจ้าโอบก็มีแค่สามคนนะ คือน้องชายฉัน น้องคีย์ แล้วก็...น้องพายุ
‘ลืมเสียงผมไปแล้วอ่อ พายุไง’
“อ่า พายุงั้นเหรอ ไปลากตัวน้องพี่มารับสายที พอดีมีธุระสำคัญมาก”
ฉันแอบหงุดหงิดที่น้องไม่ยอมมารับโทรศัพท์ คืนนี้ฉันต้องกลับห้องช้าคีรินคงจะหิวโหยจัดฉันทั้งคืนอีก
เรียกได้ว่าระบมทั้งคืนจนบางทีมาทำงานฉันก็มีสมองเบลอๆบ้าง มันเพลียสะสมค่ะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อผู้ชายเราสู้ตายเนอะ
‘ฮัลโหล เออ ว่าไงพี่เอิง’
ในที่สุดโอบอ้อมน้องชายสุดที่รัก (เหรอ?) ก็มารับโทรศัพท์ฉันได้สักที
“โอบ!! พี่จะพ่นไฟใส่แกไอ้น้องบ้า แม่โทรตามตั้งกี่สาย แล้วนี่ยังมาอ้างรถเสียอีกเหรอ”
‘เปล่าสักหน่อย เสียจริงเว้ย’
โอบอ้อมตอบกลับมาแบบนั้น ปกติน้องชายฉันเป็นคนสุภาพใจดีมากนะ แต่ยกเว้นกับพี่สาวมันอะ
“เออช่างมัน รีบมาขึ้นรถได้ละพี่จอดรออยู่หน้าคณะ”
ฉันรีบตัดบท เดี๋ยวมันจะช้ากว่าเดิม
‘เคๆ พี่ กำลังจะเดินออกไปละ รอแป๊ป’
เสียงปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นฉันจึงวางโทรศัพท์ลง คิดว่าอีกไม่นานน้องชายฉันคงเดินมาถึง
รอได้สักพักน้องฉันก็เดินออกมาจากคณะจริงๆ แต่!
แน่นอนว่าชีวิตนังเอิงเอยแทบจะไม่มีอะไรราบรื่น เดินออกมาจริงๆค่ะแต่ไม่ใช่คนเดียว ยกเพื่อนมาทั้งกลุ่มเลย
“อะไรกันเนี่ย จะพาเพื่อนไปกินข้าวกับคุณแม่ด้วยรึไงจ๊ะคุณน้อง?”
“หวัดดีครับพี่เอิง” น้องคีย์เอ่ยทักทายฉันเป็นคนแรก มีสัมมาคารวะซะเหลือเกิน
“เพิ่งโทรไปบอกแม่เมื่อกี้อ่ะ ไอ้สามคนนี้มันก็ว่างพอดีก็เลยชวนไปด้วย”
“เหอะๆ รักเพื่อนจริงนะ อะๆ งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”
ฉันไม่ว่าอะไรพร้อมกับเริ่มออกรถ โอบนั่งเบาะด้านหน้ากับฉันส่วนพายุกับคีย์นั่งอยู่ด้านหลัง
ถ้าเดาไม่ผิดสองคนนี้ก็มีรถนะแต่ทำไมถึงมาพร้อมกับน้องชายฉันก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะเอารถมาเลย
“แล้วนี่ขากลับจะกลับยังไงเนี่ย? ให้พี่ไปส่งที่คอนโดกันใช่ไหมเด็กๆ”
“ไม่เด็กแล้ว” เสียงดุดันของพายุพูดขึ้น ฉันมองหน้าเขาผ่านทางกระจกหน้ารถแล้วสบตากับสายตาคู่นั้น เขายกแขนขึ้นกอดอก ก็คงจะจริง...กล้ามแน่นเชียว อ๊า! เอาอีกแล้วยัยบ้า นี่ฉันคิดเรื่องทะลึ่งอะไรขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย ฮืออ สงสัยอยู่กับคีรินมากไป
“เอาว่ะเพื่อนกู ไม่เด็กแล้วซะด้วย” คีย์แซว
“มาว่าเพื่อนผมเด็กได้ไงพี่เอิง ดักล่อสาวทั่วคณะแล้ว ต้องกระจายไปคณะอื่นละตอนนี้ กินวิศวะจนเกือบหมด”
และนี่คือเสียงยืนยันจากโอบว่าเจ้าเด็กพายุนี่คือคาสโนว่าตัวพ่อ โอเคเอิงเอย แกควรกลัวเพื่อนน้องชายคนนี้ซะ ไม่ธรรมดาจริ๊ง
“ไม่ใช่ละ พวกมึงก็พูดซะกูเหี้ย” พายุพูดขึ้นมาแต่ก็ยังยิ้มย่องภูมิใจในตัวเอง แหม
“จ้ะๆ เอาเป็นว่าขากลับให้พี่แวะไปส่งที่คอนโดเลยใช่ไหม”
ฉันถามเพื่อคำนวณเวลา เดี๋ยวต้องแชทบอกคุณแฟนอีก
ติ๊งง
อ๊ะ นั่นไงล่ะ พูดไม่ทันขัดคำก็แชทมาหาซะแล้ว
Keerin : กลับกี่โมง หิวข้าวแล้ว
โถ น่าสงสารจังคีรินน้อย ปกติฉันจะซื้อข้าวเข้าไปให้ บางวันกลับช้าเขาต้องสั่งเดลิเวอรี่มาเองก็งอแง
ErngAoey : สั่งเดลิเวอรี่ก่อนได้มั้ย วันนี้ฉันกลับดึกนะคี
Keerin : อีกละ ไม่ชอบให้กลับดึกเลยอะ
ErngAoey : เงินวางไว้บนหัวเตียงนะ เดี๋ยวกลับไปจะซื้อของกินไปฝาก ขอขับรถแป๊ปจ้ะ
ฉันพิมพ์บอกครั้งสุดท้ายก่อนที่จะวางโทรศัพท์ลงแล้วไม่จับอีก ที่ฉันพิมพ์ตอบคีรินได้เป็นเพราะว่ารถติดไฟแดง
“พิมพ์แชทกับใครอ่ะ ทำไมดูใส่ใจจังขนาดกำลังขับรถยังมีเวลาไปพิมพ์บอก คนคุยเหรอพี่เอิง?”
คนที่ถามก็คือโอบอ้อม แต่โชคดีที่เจ้าน้องบ้ายังไม่ทันได้เห็นแชทนี้เพราะว่าฉันพลิกโทรศัพท์คว่ำลงที่ตักทันพอดี
“ไม่มีอะไรหรอก” ตอบน้องไปอย่างนั้นและไม่ตอบอะไรอีก บอกแล้วไงว่าโอบอ้อมไม่รู้เรื่องที่ฉันมีแฟนแล้วก็จะไม่มีวันให้รู้ด้วย
ขับรถมาจนถึงร้านอาหารก็เจอกับแม่และพ่อที่เดินทางมาไกลจากหาดใหญ่
“มาๆ กินข้าวกันลูก” แม่เรียกพวกเราทั้งสี่คน ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสไตล์ภัตตาคารจีน มีโต๊ะกลมและสำรับอาหารที่สั่งเอาไว้แล้ว ทั้งเป็ดปักกิ่ง คะน้าน้ำมันหอย และเมนูอื่นๆ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเพื่อนโอบ เป็นยังไงกันบ้างเรียนปีสามแล้ว”
พ่อเอ่ยปากชวนคุยในทันที ฉันนั่งลงด้านข้างพ่อ ส่วนโอบกับเพื่อนๆเริ่มนั่งด้านข้างแม่
“สนุกดีนะครับพ่อ” คีย์ตอบ
“หนักอยู่ครับ เรียนไปด้วย ทำงานกันไปด้วย” พายุตอบ อืม...ถึงจะยังไงเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่แหละนะ ทำมาหากินแล้วยังเรียนไปด้วยอีก
“ฮ่าๆ แบบนี้แหละลูก แต่ดีแล้ว จบมาก็พร้อมทำงานได้เลย” ดูท่าพ่อฉันจะคุยถูกคอกับเพื่อนๆของน้องชาย
“คีย์มีแฟนแล้วเหรอลูก เห็นโอบเล่าให้ฟัง” แม่ถามขึ้นบ้าง แหม ลูกสาวนั่งอยู่ตรงนี้ไม่เคยจะสนใจกัน
“มีแล้วครับคุณแม่” คีย์ตอบพร้อมยิ้มร่า พ่อผู้ชายแสนดี คลั่งรักซะไม่มี
“แต่ผมโสดนะครับ” พายุพูดขึ้นบ้างพร้อมเหลือบมองมาทางฉันแล้วยิ้ม
“ลูกสาวแม่ก็ยังโสดนะลูก คิกๆ ถ้าไม่ติดว่าแก่กว่านะ” แม่ฉันหัวเราะคิกคักกับพ่อ พายุเองก็ยิ้มร่า
“ไม่ติดนะครับ ผมชอบ...”
คำตอบนั้นทำเอาฉันหวั่นใจ พายุทำไมชอบพูดจาสองแง่สองง่ามอยู่เรื่อย
“อุ๊ย งั้นก็ต้องหามาแม่บ่อยๆแล้วล่ะ ว่ามั้ยคะคุณ ฮิฮิ”
แม่ฉันดูท่าจะถูกใจพายุอยู่ไม่น้อยนะ ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน ฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับน้องมันมาก
“ก็ดี ทิ้งไว้นานยัยเอิงคงขึ้นคาน” พ่อฉันว่าบ้างพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ เหอะๆ ถ้ารู้ว่าฉันซุกแฟนไว้ที่ห้องต้องอกแตกตายกันแหงๆ
“แบบนี้หนูคงต้องหาลูกเขยมาแนะนำกับพ่อแล้วมั้งคะ จะได้ไม่ต้องกลัวหนูขึ้นคาน”
“ไม่ต้องเลยยัยเอิง ให้หาเองเดี๋ยวก็คว้าอะไรมาไม่รู้ ต้องผ่านพ่อกับแม่เท่านั้นค่ะคุณลูกสาว”
เนี่ย เห็นมะ! พอจะหาเองก็บ่น พอไม่มีแฟนก็ว่าขึ้นคาน ฉันเลยไม่เคยเล่าเรื่องความรักให้คนในบ้านฟังเลย
เรื่องอื่นพวกท่านก็ดีหมดนะ แต่มีเรื่องคนของใจนี่แหละที่ค่อนข้างจะเยอะหน่อย
เรานั่งทานกันไปได้สักพักในที่สุดก็ถึงเวลาได้กลับคอนโดสักที เฮ้อ เจอพ่อแม่แต่ละทีก็แอบอึดอัดเรื่องที่ตัวเองปกปิดไว้
ลูกสาวคนโตของคุณพ่อคุณแม่นักธุรกิจผู้มั่งคั่งไปด้วยความสำเร็จแอบซุกผู้ชายเอาไว้ในคอนโด โฮ แค่คิดก็รู้แล้วว่าโดนด่าแน่นอน
“เป็นไรวะเอิง เหม่ออีกละ” โอบอ้อมที่นั่งเบาะข้างคนขับทักขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเหม่อไป
“นี่ๆ ให้มันน้อยๆหน่อยคุณน้องชาย มาเรียกชื่อพี่ห้วนๆได้ไงจ๊ะ หืม?” ฉันตื่นจากภวังค์ที่นึกคิดเล่นๆแล้วตวัดสายตาไปหาน้องชายสุดที่รัก
“ก็เห็นช่วงนี้เหม่อบ่อย มีความรักไม่บอกพ่อกับแม่ใช่ปะ?”
“นี่โอบ อยู่กับคนอื่นแกก็พูดน้อยนะ ทำไมอยู่กับพี่พูดมากจังฮะ” ฉันเริ่มหงุดหงิดละ ปกติน้องชายฉันออกจะสุภาพเรียบร้อย แต่อยู่กับพี่มันทีไรเป็นงี้ทุกที
“ก็แหย่เล่น กลัวเครียด”
“แล้วนี่จะให้พี่ไปส่งที่ไหนกัน ที่มอใช่ปะ?”
“หึ เข้ามานั่งเล่นในรถเฉยๆ เดี๋ยวผมกับไอ้คีย์กลับเอง”
“เอ๊ะ น้องบ้า อ้าว ละ แล้วพายุล่ะ”
ฉันนี่ถึงกับเหงื่อตก โอบกับคีย์กลับด้วยกัน
ละ แล้วพายุล่ะ?
“เดี๋ยวผมกลับกับพี่เอิง ไปส่งผมที่ผับที”
“ฮะ อะอ้าว ? เดี๋ยวสิ”
ทุกคนแยกย้ายกันลงจากรถรวมไปถึงพายุด้วย เขาเดินมาแล้วนั่งลงที่เบาะข้างคนขับ ส่วนสองคนนั้นทั้งคีย์และโอบอ้อมเดินออกจากรถไปโบกแท็กซี่แล้ว
“เป็นอะไรไป ทำไมเห็นหน้าผมแล้วทำเหมือนเห็นผี”
ดวงตาคู่หล่อจ้องมองมาทางฉันที่ทำสีหน้าตื่นตระหนก
“เปล่าสักหน่อย ก็แค่...”
“ไปส่งผมที่ผับที พอดีวันนี้ไปเรียนไม่ได้เอารถไป จอดทิ้งไว้ที่ร้าน”
“ก็ได้”
“หวังว่าพี่คงไม่รีบนะ? ผมรบกวนปะ?”
รบกวนมากค่ะ รบกวนมากกกกก คนจะรีบกลับห้องไปหาแฟนนี่ฉันต้องไปส่งไอ้เด็กพายุนี่ถึงที่ร้าน ดูท่าทางก็มีตังทำไมไม่เรียกรถกลับเองยะ ฮึ่ย
“ไม่เลยจ้า ไม่รบกวนเลย เดี๋ยวพี่แวะไปส่ง”
คำพูดกับความในใจสวนทางกัน ฮืออ ก็อย่างว่าแหละนะ ไอ้เรามันก็ขี้เกรงใจ
เอาวะนังเอิง แค่ไปส่งเพื่อนน้องชายที่ผับจะเป็นอะไรไป
“งั้นก็ขอบคุณครับพี่สาวคนสวย ช่วยไปส่งผมทีนะ”