Chapter 5 ผู้ชายแสนดี...ปีศาจตัวจริง
Chapter 5
ผู้ชายแสนดี...ปีศาจตัวจริง
ฉันเดินทางกลับมามายังหอในด้วยความทุกข์ระทม เนื้อตัวชอกช้ำไปทั้งกาย
“อย่ามาดึงดราม่าให้มันมาก”
พึ้บบ
แบงค์สีเทาถูกโยนใส่หน้าของฉันจำนวนห้าใบที่คอนโดของโอบอ้อม ฉันได้แต่จ้องการกระทำของเขาโดยที่ดวงตากลมโตมีน้ำสีใสสั่นระริก แต่ฉันคงไม่ให้มันไหลออกมา พยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่
ฉันตัดสินใจเดินออกมาจากห้องนั้นโดยไม่หยิบแบงค์ของเค้าออกมาสักใบเดียว
“เก็บเงินของนายไว้เถอะ...ฉันไม่ได้ขายตัว”
“ฉันไม่ชอบรู้สึกผิดหรอกนะ ใครจะไปคิดว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ”
“...”
พยายามสกัดกลั้นความรู้สึกและน้ำตาเอาไว้
“รับไปสิเงิน ทำไม? รึเพราะว่าซิงเลยคิดจะโก่งราคา จะเอาเท่าไรก็ว่ามา?”
“ทุเรศ! ฉันจะไม่รับอะไรจากนายทั้งนั้นโอบอ้อม”
เพียงพูดจบประโยคนั้นฉันก็ออกมาในทันทีและตอนนี้ก็นั่งรถเมล์กลับมาจนถึงหอในของมหาวิทยาลัย
“เซ็นต์ชื่อด้วยค่ะ”
เจ้าหน้าที่ยามหน้าหอให้ฉันเซ็นต์ชื่อเพราะว่าเข้าหอช้ากว่าเวลาห้าทุ่มซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว
“ค่ะ”
ฉันจรดปากกาเซ็นต์ชื่อ ถามว่ามีผลไหมก็ไม่มีผลอะไรหรอกแต่หากอยู่ภายในหอแล้วหลังห้าทุ่มจะออกข้างนอกไม่ได้ยกเว้นว่าจะมีผู้ปกครองมาเซ็นต์ชื่อพาออกไป
นี่แหละค่ะความน่าเบื่อของหอใน แต่ฉันก็จำเป็นต้องอยู่เพราะค่าใช้จ่ายที่มันรัดตัว
เดินเข้ามาภายในห้องก็พบว่ารูมเมทที่ถูกสุ่มมาตอนนี้นอนหลับกันหมดแล้ว และภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากทางเดินเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามา
ฉันพยายามทำให้เสียงเบาที่สุดแล้วหยิบตะกร้าอาบน้ำมาอาบที่ห้องอาบน้ำรวมด้วยความรวดเร็วกว่าที่จะรีบเข้ามานอนเพื่อพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีเรียนช่วงเช้าต่อ
“เฮ้อ... เหนื่อยจังเลยตัวเรา”
ฉันนอนหลับบนเตียงแล้วขดตัวกอดตัวเองเอาไว้แน่น ตื่นมาวันพรุ่งนี้คงจะดีกว่าเดิม ยังไงก็ดีกว่าเดิมแหละใช่ไหมคะ? โลกนี้มันคงไม่ใจร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันหรอก
เช้าวันต่อมา
“แซน...กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอวะ”
“...”
“แซน เรียกไม่ได้ยินเหรอวะ”
“...”
“แซนดี้!!”
“ออกัส! อาจารย์กำลังสอนอยู่นะฟังบ้างสิ”
หลังจากที่โดนรบเร้าเรียกชื่ออยู่นานในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหันไปตวาดใส่ออกัส ฉันกำลังเรียนวิชาเลือกเสรีซึ่งใครจะเข้ามาเรียนก็ได้ตั้งแต่ปีสองขึ้นไป ออกัสเองก็ลงวิชานี้ด้วยเพราะอยากจะเรียนกับฉันตั้งแต่ช่วงต้นเทอม
ตามสืบจนรู้ว่าฉันลงทะเบียนวิชาอะไรบ้าง น่ากลัวจริงๆผู้ชายคนนี้
“ใจเย็นค่ะอีแซน คนเยอะแยะเสียงดัง”
จีมี่ยกมือขึ้นสะกิดแขนเสื้อของฉันให้ใจเย็นลง ในวันนี้ฉันสวมเสื้อช็อปสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์เพราะมีเรียนวิชาภาคด้วย
“ก็มันรบกวนการเรียนนี่นา มัวแต่ถามอยู่ได้”
ว่าแล้วฉันก็หันไปค้อนใส่ออกัสเพราะเค้ากวนฉันอยู่นั่นแหละ
“ก็อยากให้เธอกลับมา...กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ จะไม่เซ้าซี้อะไรถึงเรื่องไอ้โอบอีกแล้ว”
“พอเถอะน่าออกัส ไม่ได้รักก็คือไม่ได้รักสิจะมาเซ้าซี้ทำไม”
“...”
ตายจริง...สงสัยว่าฉันจะพูดแรงเกินไปเพราะพอจบประโยคออกัสก็เงียบขึ้นมาในทันที เอาซะฉันรู้สึกผิดเลย
“ใจเย็นอีแซน”
“โทษทีออกัส พอดีช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ”
เมื่อเห็นว่าเขาสลดไปก็เลยขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิดจากหัวใจ
“ไม่เป็นไร...แต่อยากให้เธอกลับมาจริงๆนะ”
“ขอเวลาส่วนตัวหน่อยนะออกัสช่วงนี้ เราเลิกกันแล้วขอเว้นระยะห่างสักพักจะได้ไหม”
“ถ้าเว้นระยะห่างไปคิดทบทวนหลายๆอย่างเสร็จแล้วเธอจะกลับมาไหม?”
ออกัสยังคงย้ำถามตรงนี้ซึ่งทำให้ฉันลำบากใจ
“ไม่มั่นใจเลย...แต่คิดว่าไม่ล่ะ เป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดนะ”
ฉันตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ไปทั้งอย่างนั้น หาก ให้ความหวังก็จะเหมือนเป็นการเลี้ยงไข้และคนที่เจ็บก็จะคือออกัสเอง
“เข้าใจแล้วล่ะ...”
“...”
ฉันเองก็เงียบและนั่งจ้องหน้าออกัสที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของฉัน ส่วนทางด้านขวาคือจีมี่เพื่อนรักที่ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันเพราะต้องอยู่ในสถานการณ์กดดัน
“ขอโทษที่ตามเซ้าซี้เธอมาตลอด ก็เพราะรักเธอ...รักมานาน รักคนเดียวจริงๆ”
“ขอโทษนะ...ขอโทษที่ไม่สามารถตอบแทนความรักที่นายมีให้ทั้งหมดได้”
ฉันรู้สึกผิดจากหัวใจจริงๆ แต่คนไม่รักก็คือไม่รักต่อให้เอาปืนมาจี้ปากให้ตอบฉันก็กล้าพูดได้เลยว่าฉันไม่ได้รักออกัส
“ช่างมันเถอะ...เธอไม่ได้ผิดอะไรนี่”
ออกัสเองก็คงโดนปฏิเสธจนชินชา หัวใจคนโดนปฏิเสธเช้ายันค่ำยังไงก็ต้องเจ็บกันบ้างแม้จะเป็นนักเลงหัวไม้อย่างที่ใครว่ากันก็ตาม นักเลงก็มีหัวใจนะฉันเชื่ออย่างนั้น
“เริ่มต้นกับคนใหม่ที่รักนายจริงดีกว่ากัส...ปล่อยฉันไปเถอะ เรื่องในอดีตก็ให้มันเป็นอดีตไปซะจงเริ่มต้นกับปัจจุบันและโฟกัสที่อนาคต”
ฉันพูดออกมาจากหัวใจ แม้ว่าจะเลิกกันแต่ไม่ได้เลิกกันเพราะความเกลียดความโกรธแต่มันเป็นเพราะฉันไม่ได้รักออกัสเลยสักนิดต่างหาก
ช่วงบ่าย
ช่วงเช้าเรียนวิชาเสรีเสร็จฉันก็แยกย้ายกับออกัสและไปทานอาหารเที่ยงกับจีมี่เพื่อนรัก พอตกบ่ายไปก็เรียนวิชาภาคซึ่งวันนี้เห็นว่าจะพาออกไปทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัยด้วย
“ที่มหาวิทยาลัยเอเอ จัดงานกิจกรรมเปิดโลกคณะวิศวะ เขาเชิญให้คณะวิศวะสาขาโยธาของมหาวิทยาลัยเราไปดูงานที่นั่นด้วยนะ วันนี้อาจารย์ก็เลยติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยขอรถตู้เพื่อที่จะพานักศึกษาปีสามที่ลงเรียนวิชานี้ไปดูงานด้วยกัน”
“มหาวิทยาลัยเอเองั้นเหรอ... มหาลัยชั้นนำอันดับหนึ่งของประเทศเลยนี่นา เฮ้ เป็นอะไรไปนังแซนเงียบเชียว”
จีมี่ใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่สีข้างเพื่อเรียกฉันให้ได้สติ
“เอ่อ...อะไรเหรอจีมี่”
“เป็นอะไรของมึงคะเหม่ออยู่ได้ อาจารย์จะให้พวกเรานั่งรถตู้ไปที่มหาวิทยาลัยเอเอ ไปดูงานของคณะวิศวะมอเอเอเนี่ย”
“ได้ยินแล้วล่ะ...แต่ไม่อยากไปเลย”
ฉันตอบไปพร้อมกับสีหน้ากังวลยกมือขึ้นก่อนกแดอกกระชับต้นแขนให้แนบแน่นเข้าหากัน เสื้อช็อปสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์ส่งให้บุคลิกฉันดูไม่ได้เป็นสาวหวานแบบปกติที่เป็น
“ทำไมล่ะ มหาวิทยาลัยเอเอมีแต่นักศึกษาเก่งๆทั้งนั้น”
“จีมี่ กูว่าแฟนเก่ากู...หมายถึงโอบอ้อมอ่ะ น่าจะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น”
เพราะผับที่ฉันตั้งใจไปสมัครงานทีแรกตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเอเอ และที่สำคัญโอบอ้อมเป็นคนเรียนเก่งมากหากเข้ามหาวิทยาลัยเอเอได้ก็ไม่แปลกอะไร
ส่วนตัวฉันเองการเรียนไม่ได้ด้อยแต่ไม่ได้ถึงขั้นที่จะยื่นเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาโยธาในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศได้
“ฮะ แต่คงไม่บังเอิญเจอหรอกมั้งผู้ชายคนนั้นเรียนคณะอะไรล่ะแกพอจะรู้มั้ย”
“ไม่รู้หรอก ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกันแล้ว”
แต่ฉันก็มีลางสังหรณ์นะว่าน่าจะได้เจอกับโอบอ้อมที่นั่นไม่รู้ว่าทำไม
“งั้นก็คงไม่บังเอิญเจอกันง่ายหรอกมั้ง”
“ไม่รู้สิ...หวังว่าจะอย่างนั้นนะ”
แต่ในตอนที่คบกันช่วงมอสี่มอห้าโอบอ้อมอยากจะเรียนคณะวิศวะธรรมศาสตร์สาขาโยธามากๆและเป็นคนติวให้ฉันกับมือ ที่อยากเข้าเรียนเพราะทางบ้านสนับสนุนเนื่องจากบ้านของโอบอ้อมทำหลายธุรกิจมีทั้งรับเหมาก่อสร้าง และยังเปิดโรงงานการผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างส่งออกอีก...ก็บอกแล้วว่ารวยไม่ได้ต่างไปจากออกัสเลย
@มหาวิทยาลัยเอเอ
เพราะอาจารย์บอกว่าจะพามาฉันจึงจำใจ หากไม่ใช่เพราะวิชาเรียนคงจะไม่เดินทางมาเหยียบที่นี่เลย ไม่อยากเจอเขาอีก
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบีบีครับ”
ผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งเอ่ยต้อนรับพวกเราและคณะ ฉันได้แต่พยายามก้มหน้า กอดอกแล้วกระชับร่างเล็กที่สวมเสื้อช็อปสีกรมท่าของตัวเองเอาไว้แน่น
“ครับ อาจารย์กมลของวิศวะโยธามหาวิทยาลัยเอเอส่งคำเชิญมาให้พวกเรามหาวิทยาลัยบีบีได้เข้ามาเยี่ยมชม ยังไงอาจารย์ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
อาจารย์ประจำวิชายิ้มแย้มพูดคุยอย่างระรื่น ส่วนคนอื่นๆก็ดูจะตื่นเต้นที่ได้ออกนอกสถานที่ มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นเองที่เกร็งและไม่อยากเจอใคร
“โอ๊ยนังแซน คนที่ออกมาต้อนรับเราก็หล่อมากเลยนะ หล่อฟ้าประทาน หล่อวัวตายควายล้ม โอ๊ย แซน แซน! นังแซน! ฟังอยู่ปะเนี่ย”
“ฟังอยู่ๆ”
ฉันตอบปัดๆไม่สนใจ เพราะสิ่งที่สนใจในตอนนี้คือกลัวว่าจะเจอกับโอบอ้อม
“เฮ้ยคีย์ เป็นไงบ้างวะมึง”
เสียงที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้น
“เออคนเยอะมากเลย เดี๋ยวแบ่งเป็นสองกลุ่มดีกว่า มึงเองก็มาช่วยกูทีไอ้โอบ”
ได้ยินเสียงเรียกชื่อนั้นฉันก็หันไปมองในทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไร
“โอบ!”
“แสนดี!”
เราต่างคนต่างเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาเจอกันตรงนี้ แต่คนที่ช็อคกว่าคงจะเป็นโอบอ้อมที่พบว่าฉันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา มันเป็นความฝันของโอบ...แต่ไม่ใช่ความฝันของฉัน
“อะไรวะ...คนรู้จักเหรอโอบ?“
ผู้ชายหน้าหล่อที่ชื่อว่าคีย์เอ่ยถามพร้อมกับมองมาทางฉัน
“รู้จัก...แฟนเก่ากูเอง”
“ฮะ! O_O”
สีหน้าของคนที่ชื่อคีย์ก็อึ้งไปตามด้วยสีหน้าของฉันและจีมี่เองก็เช่นกัน
“เออเอาเถอะเอาไว้ว่ากันทีหลัง เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูเดินไปบอกอาจารย์จากมหาวิทยาลัยบีบีก่อนว่าเราจะแบ่งเป็นสองกลุ่มในการเดินชมนิทรรศการ”
ผู้ชายที่ชื่อคีย์แม้จะอึ้งไปแต่ก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองในการนำชมนิทรรศการในวันนี้
สรุปแล้วฉันได้เป็นกลุ่มที่สองและคนที่จะพาเดินชมกลุ่มที่สองก็คือโอบอ้อมจากมหาวิทยาลัยเอเอ
โชคชะตาเหมือนกลั่นแกล้งฉันเลย ฮืออ
“มึงโอเคมั้ยคะอีแซน หน้าซีดเชียว”
“อะ โอเค”
ตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก ความจริงแล้วจีมี่เองก็ยังไม่รู้ว่าฉันแอบไปมีความสัมพันธ์เกินเลยกันบนเตียงกับโอบอ้อมเมื่อคืนนี้ มันรู้แค่ว่าโอบอ้อมเป็นแฟนเก่าแต่ไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“สวัสดีคณะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบีบีนะครับ วันนี้ผมจะมาเป็นตัวแทนของนักศึกษาวิศวะโยธาจากมหาวิทยาลัยเอเอในการเดินนำชมนิทรรศการเปิดโลกวิศวกรรมศาสตร์”
“ค่ะ/ครับ”
เสียงตอบรับจากพวกเราแล้วนักศึกษากว่าสามสิบชีวิต
“หล่อชะมัดเลยแก...ดูหล่ออบอุ่นเรียนก็เก่ง”
“หล่อขนาดนี้มีแฟนยังนะ”
“หน้าตาดีแถมยังเรียนเก่งอีก”
นี่คือสิ่งที่ฉันได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากนักศึกษาหญิงที่มาด้วยกัน โอบอ้อมคงจะฮ็อตมากจริงๆสินะเพราะขนาดมหาวิทยาลัยบีบีมาเจอครั้งแรกยังถูกพูดถึงได้ขนาดนี้ พวกที่เรียนมหาวิทยาลัยเอเอด้วยกันก็คงจะทึ่งในความหล่อของเขาไม่น้อย
“แฟนเก่ามึงนี่โซฮ็อตสุดเลยนะคะ”
จีมี่พูดขึ้นมาขณะที่กำลังเดินตามหลังโดยมีโอบอ้อมคอยชี้นิ้วแนะนำส่วนต่างๆและหัวข้อต่างๆในการทำโปรเจคของรุ่นพี่ปีที่ผ่านมา
“อือ ก็เพิ่งจะรู้วันนี้นี่แหละ...”
สมัยก่อนโอบอ้อมเป็นเด็กเนิร์ดไม่ได้ฮ็อตขนาดนี้ หน้าตาดีแต่ก็ไม่ได้รับความนิยม พึ่งจะมาเจอเขาตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดูดีขึ้นเป็นกองแถมสลัดคราบเด็กเนิร์ดทิ้งไปกลายเป็นผู้ชายหน้าหล่อ มาดดีแล้วก็ดูแสนดี ใครบ้างล่ะจะไม่คลั่ง
ฉันมัวแต่เดินตามหลังโอบอ้อมไปอย่างเหม่อๆจนไม่ทันได้มองอะไรรอบตัว
“เฮ้ยย อีแซน!!”
“อ๊ะ! กรี๊ดดด!”
ตายแน่ชีวิตนังแสนดีคนนี้ ป้ายขนาดใหญ่แถมสูงกว่าตัวฉันกำลังจะหล่นลงมาทับ แง้ง แบนเป็นกล้วยปิ้งแน่ฉัน หน้าสวยๆของฉันจะถูกทับจนบี้แบน ฟิลเลอร์กับลิฟต์กรอบหน้าที่ได้เงินจากออกัสไปโมมากำลังจะแตกสลายเพราะโดนไอ้ป้ายบ้านี่ทับ แง้งงงง
พึ่บ
“อ๊ะ...โอบ”