EP : 7 : เด็กฝึกงานของคุณเมฆา
“อ่านเอกสารพวกนี้นะ มันสำคัญ”
คุณคนใหญ่คนโตเอาแฟ้มเอกสารมายื่นให้แล้วบอกด้วยน้ำเสียงของความหวังดีก่อนจะออกจากห้องทำงานไป ก็เหมือนจะหวังดีล่ะแต่แฟ้นที่หนาถึง 7.5 เซนติเมตรมันเหมือนเป็นการแกล้งให้อ่านมากกว่ารึเปล่า?
แล้วนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้วยังไม่โผล่หน้ามาเลยหายไปพร้อมกับคุณเลขานิชาคนสวยที่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าเป็นแค่เจ้านายกับเลขารึเปล่าเพราะเห็นคุณนิชาชอบแสดงอาการแอนตี้ฉันบ่อย ๆ ก็ไม่แน่หรอกนะคะอาจจะรู้ก็ได้ว่านายตัวเองจ้องจะงาบอะไรเป็นอาหารจานหลักถึงได้แสดงอาการแอนตี้เพราะหวงของ
แอด~
“...” เหอะ! นึกถึงปุ๊บก็โผล่มาปั๊บ โผล่มาคู่เลยนะคะ ไม่รู้ว่าถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิดแล้วพี่เชียร์ตัวจริงของเขารู้จะว่ายังไง แล้วดูหน้าตาสิล้ามาเชียว ไม่อยากจะคิดอกุศลนะแต่ก็คิดดีไม่ค่อยไหวจริง ๆ
“คุณเมฆจะรับอาหารเลยไหมคะ”
“ครับ บอกป้าเล็กให้ผมทีแล้วคุณก็ไปทานข้าวได้เลยนะ”
“ได้ค่ะ” คุณเลขาปลายตามามองฉันนิดหน่อยแล้วเดินออกไปส่วนคุณเมฆาของคุณเลขาก็เดินไปถอดสูทราคาแพงของตัวเองแล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางเหนื่อยล้าสุด ๆ
“อ่าส์~ กินข้าวรึยัง”
“ผิงจะรออะไรล่ะ” ฉันตอบแล้วก็หันกลับมาสนใจกิจกรรมของตัวเองต่อ
“อ่านถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่จบแต่เดี๋ยวก็จบ รอก่อนค่ะ”
“ยังไม่จบของน้องผิงคืออ่านได้กี่หน้า” เซ้าซี้! ฉันวางโทรศัพท์แล้วมองหน้าเขาทันที
“จำเป็นต้องอ่านให้จบภายในวันเดียวเลยเหรอพี่เมฆ? เอกสาร 698 แผ่น มีแต่กราฟกับตัวเลขเต็มไปหมดถามจริงใครจะอ่านวันเดียวไหว?”
“พี่รู้ แต่มันสำคัญ อย่างน้อยน้องผิงก็น่าจะเริ่มอ่านบ้าง”
“แล้วรู้ได้ไงว่าผิงไม่อ่าน”
“แล้วทำไมพี่จะไม่รู้ในเมื่ออีเมล์แจ้งเตือนตัดเงินผ่านบัตรเครดิตพี่ตั้งแต่ 10 โมงสิบห้าจนถึงเมื่อห้านาทีก่อน”
“...”
“อ่านให้เสร็จก่อนดีไหม มันสำคัญนะถ้าน้องผิงอยากดูแลกิจการทั้งหมดเอง อ่านครับต้องใช้เวลากี่วันน้องผิงก็ต้องอ่านให้เข้าใจ อ่านเสร็จเมื่อไหร่จะไปซื้อแลมโบอีกสามคันพี่ก็ไม่ว่า”
“อย่ามาประชดนะพี่เมฆ!”
“พี่แค่อยากให้เราเรียนรู้งานได้เร็วที่สุด”
“มันไม่มีทางเร็วได้หรอกแกล้งให้อ่านเอกสารบ้าอะไรก็ไม่รู้หนาขนาดนี้เนี่ย!”
“คิดว่าพี่แกล้ง?” เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งตอนเอ่ยคำถามยิ่งทำให้หน้าตาหยิ่งจองหองของเขาน่าหมั่นไส้ขึ้นสิบเท่า
“คิดอย่างอื่นไม่ได้แล้วพี่เมฆ”
“หึ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ” เขาแค่นเสียงเบา ๆ หันหน้ากลับไปแล้วพึมพำคนเดียวแต่มันดูเหมือนฉันนี่ทำผิดกับเขามากเลยเนอะ?
บรรยากาศมาคุในห้องเกิดขึ้น ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้นฉันก็แค่นั่งนิ่ง ๆ จ้องเสี้ยวหน้าลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ที่ยืดตัวขึ้นเอามือคลึงขมับตัวเองนิดหน่อยแล้วก็หยิบปากกามาเซ็นเอกสารบนโต๊ะต่อ
เหอะ! งานสบายรายได้ดี ไม่ต้องทำอะไรเซ็นเอกสารอย่างเดียวทีเหลือปล่อยให้พนักงานของคุณพ่อทั้งบริษัทเป็นคนทำ!
ก๊อก ๆๆ
“เชิญครับ”
“ขออนุญาตค่ะคุณเมฆ”
“ครับป้าเล็ก” ป้าแม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมกับถุงที่เหมือนถุงอาหารในมือส่วนเขาก็รีบลุกเดินไปหาป้าแม่บ้านเหมือนกัน
"คุณเมฆทานข้าวกล่องอีกแล้วนะคะ”
“งานเยอะนี่ครับ”
“งานเยอะก็น่าจะแบ่งเวลาทานข้าวบ้าง อาทิตย์นึงป้าเห็นคุณเมฆทานข้าวกล่องแบบนี้ 3 – 4 วันเลยนะคะ ให้ป้าหาอาหารอร่อย ๆ ให้ทานก็ได้นะคะคุณเมฆ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ มื้อกลางวันผมกินอะไรก็ได้ ข้าวในบริษัทนี่แหละง่ายดี ขอบคุณนะครับ”
“ค่ะ ระวังนะคะเดี๋ยวเครื่องดื่มหกค่ะ”
“ครับ” เขารับถุงสองสามถุงมั้งไม่ได้สังเกต รับเสร็จป้าแม่บ้านก็หันมายิ้มให้ทำเอาฉันที่กำลังนั่งจับผิดคุณเมฆของป้ายิ้มกลับแทบไม่ทันก่อนที่ป้าแกจะเดินออกไปแล้วเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองพร้อมกับยืนเปิดถุงก่อนจะหันกลับมาหาฉันอีกครั้งแล้วเดินมาพร้อมกับ...โกโก้ปั่นในมือ
“พี่ให้ป้าเขาซื้อมาให้” เขาถือมาวางตรงโต๊ะหยิบทิชชู่มาพับแล้วใช้รองก้นแก้วให้เสร็จสรรพในขณะที่ฉันกำลังนั่งนิ่ง
“ลองชิมดู ร้านนี้อร่อยอยู่ในห้องอาหารของบริษัท น้องผิงน่าจะไม่ได้เข้าไปนานแล้ว” เขาพูดจบก็ยิ้มแล้วเดินกลับไปในขณะที่ฉันมองโกโก้แก้วนั้นเงียบ ๆ
“...ยังไม่ได้กินข้าว้ที่ยงเหรอคะ” ฉันมองกลับไปที่เขาที่กำลังเปิดฝาข้าวกล่องทำให้เขาหันกลับมามอง
“เพิ่งประชุมเสร็จ ไปประชุมที่ XXX มา”
“อือ” ฉันพยักหน้ารับเขาก็หันกลับไปสนใจข้าวกล่องต่อ เปิดปุ๊บกลิ่นอาหารก็โชยออกมาเพราะนี่มันห้องแอร์ ต่อให้จมูกไม่ได้ดีเหมือนหมายังรู้เลยว่าอาหารที่เขากินมันคืออะไร
...ข้าวพะแนง และถ้าให้เดามันต้องมีไข่ดาวเยิ้ม ๆ ด้วยแน่นอน
“...แล้วทำไมไม่แวะกินกับคุณเลขาก่อนล่ะ” ฉันถามอีกครั้งพี่เมฆของคุณแม่ก็หันกลับมายิ้ม
“พี่มีประชุมต่อที่บริษัทตอนบ่ายสองครึ่ง แวะกินข้าวไม่ทันหรอก”
“...”
“พี่ไม่รู้จะประชุมเสร็จตอนไหน ถ้าถึงเวลาเลิกงานพี่ยังประชุมไม่เสร็จน้องผิงก็ขับรถกลับก่อนเลยนะ”
“แล้วพี่เมฆจะกลับยังไง” ไม่ได้ห่วงนะแค่ถามตามมารยาท คนอย่างน้ำผิงไม่ห่วงผู้ชายที่ชื่อเมฆามานานแล้ว
“รถบริษัทครับ” เขาตอบฉันก็แค่พยักหน้ารับเขาเลยกินข้าวต่อ อาหารที่ตักขึ้นมาทำให้มั่นใจว่าจมูกตัวเองดีเพราะมันคือไข่ดาวกับเนื้อสัตว์ที่มีสีส้มแถมยังมีพริกสีเขียวจากน้ำปลาพริกรวมอยู่ในอาหารด้วย ให้เดาอีกรอบก็คงต้องบอกด้วยความมั่นใจว่ามันคือพะแนงเนื้อ ไม่มีทางเป็นพะแนงหมูแน่นอน
“...” ฉันมองเขากินอาหารเงียบ ๆ ท่าทางเขาดู...เหนื่อย มองอยู่พักหนึ่งไม่รู้จะมองต่อไปทำไมก็หยิบแฟ้มหนาที่มีกระดาษ 698 หน้าจากมุมขวาของโต๊ะมาเปิดอ่านบ้าง
“น้องผิง” บรรยากาศในห้องเงียบอยู่พักใหญ่เขาก็เรียกฉันเลยเงยหน้าจากเอกสารตัวเองชวนอ้วกแล้วขานรับ
“คะ?”
“มันเป็นเอกสารสำคัญที่ไม่สามารถให้ใครอ่านได้ง่าย ๆ เพราะข้อมูลสำคัญอาจรั่วไหล มันสำคัญมากพี่ถึงอยากให้น้องผิงอ่าน ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจต้องถามพี่เข้าใจไหม”
“...อือ”
“ครับ อ่านต่อเถอะ ค่อย ๆ อ่านเดี๋ยวปวดหัว” ฉันมองรอยยิ้มของเขาก่อนจะเบ้ปากใส่แล้วหยิบโกโก้ที่ยังไม่ได้แตะมาดื่มเป็นครั้งแรก
“...”
“รสชาติเปลี่ยนไหม?”
“...จะไปรู้เหรอคะ” ฉันบอกแล้ววางแก้วโกโก้ลงจากนั้นก็อ่านเอกสารต่อโดยที่ไม่คิดจะสนใจมองไปที่เขาอีกเลย
มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่แค่รสชาติของโกโก้นะที่ไม่เหมือนเดิม...
-สามวันต่อมา-
ฉันฝึกงานได้สามวันแต่เป็นสามวันที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากอ่านเอกสาร 698 แผ่นซึ่งตัวเลขที่ชวนปั่นป่วนมวนท้องของมันทำให้ฉันเพิ่งอ่านไปได้แค่ 102 แผ่นเท่านั้น
ตอนแรกก็ว่าจะอ่านผ่าน ๆ แต่พอลองตั้งใจอ่านดูแค่สิบแผ่นแรกก็รู้ได้ว่ามันคือเอกสารสำคัญจริง ๆ เลยตัดสินใจที่จะตั้งใจอ่าน แล้วพอตั้งใจอ่านมันก็ช้าแบบนี้ไงเพราะข้อมูลมันเจาะลึกเข้าใจยากเป็นบ้า
อ้อ! ถ้าถามถึงเจ้าของห้องล่ะก็เขาออกไปประชุมตามเคยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าประชุมที่ไหนประชุมอะไรเมื่อวานก็เห็นบอกว่าประชุมทั้งวันไม่เจอกันหรอกเขาให้ฉันขับรถมาเองส่วนเขาไปข้างนอกไม่ได้เข้าบริษัท ส่วนวันนี้มาพร้อมเขาแต่เขาไม่ได้ขึ้นห้องมาด้วยกันจนถึงตอนนี้อีกสิบนาทีจะเที่ยงแล้วก็ไม่เจอ แต่ก็ดีแล้วค่ะ ไม่อยากเจอหน้าให้หงุด...
แอด~
“...” อย่าบอกนะว่า?
“คุณเมฆจะทานอาหารที่ไหนดีคะ” เหอะ! ใช่จริง ๆ ด้วย ทั้งคุณเมฆาและคุณเลขาคู่ใจ
“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปทานข้าวเถอะ”
“ค่ะคุณเมฆ” คุณเลขาพูดจบเขาก็ปิดประตูแล้วหันมามองที่ฉันจากนั้นก็ยิ้มบาง ๆ แล้วเดินมาหยุดที่โต๊ะ
“ไงครับ อ่านเอกสารหรือว่าช้อปปิ้ง”
“มีเมล์แจ้งเตือนไหมล่ะ?”
“หึ ๆๆ ไม่รู้สิ วันก่อนมันเยอะจนพี่ปิดการแจ้งเตือนไปแล้ว” คำพูดของเขาทำฉันกรอกตามองบน รู้แบบนี้น่าจะแบ่งเวลาสักชั่วโมงละห้าถึงสิบนาทีมาช้อปปิ้งซะก็ดี
“หิวรึยัง อยากลงไปกินอะไรข้างล่างไหมพี่จะลงไปเป็นเพื่อน” นี่ชวนไปกินข้าวเหรอ?
“ไม่ค่ะ” ฉันปฏิเสธทันที อุตส่าห์ลืมเรื่องบางเรื่องไปชั่วขณะแต่พอเขาชวนลงไปกินข้าวข้างล่างซึ่งแน่นอนว่าต้องหมายถึงห้องอาหารของบริษัทเรื่องชวนหงุดหงิดก็ผุดขึ้นมาในหัวให้กวนหัวใจ ฉันไม่มีทางไปนั่งกินข้าวกับเขาให้คนในบริษัทเม้าท์หรือเข้าใจอะไรผิดให้เข้าทางเขาหรอก ฝันไปเถอะ!
“โอเคครับ ถ้างั้นตามสบายนะ” เขาพยักหน้ารับ ยิ้มนิดหน่อยแล้วเดินไปที่โซฟาก่อนจะทิ้งตัวที่ไม่ได้ทิ้งแค่ก้นแต่ขยับขาขึ้นแล้วเอนตัวนอนไปเลย
“พี่เมฆจะทำอะไร?” ฉันถามเขาก็หันมามองนิดหน่อย
“พี่จะงีบ”
“ไม่กินข้าวเหรอ”
“ไม่ล่ะ น้องผิงไม่ให้ลงไปเป็นเพื่อนพี่ก็จะกินข้างบนเลย” สรุปก็คือกำลังจะบอกว่าไม่ได้คิดจะชวนฉันลงไปกินข้าวแต่แค่จะลงไปเป็นเพื่อนฉันงั้นสิ?
“ค่ะ” ฉันไม่ได้เซ้าซี้ เขาบอกจะกินข้างบนก็เรื่องของเขา เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อก็แค่หันหน้ากลับไปแล้วหลับตานอน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลับจริงรึเปล่า แต่มันก็เรื่องของเขาเถอะ เอาล่ะน้ำผิงอีกแค่ 5 นาทีก็ได้เวลาพักเที่ยงแล้วถ้างั้นก็ลงไปเลยดีกว่า
ฉันเก็บของแล้วเดินออกมาจากห้องโดยที่เขาก็ยังนอนนิ่ง น่าจะยังไม่หลับหรอกค่ะ เดินออกมาก็ไม่เจอคุณเลขาของคุณเมฆาแล้วฉันเลยไปกินข้าว ไม่เจอก็ดีเพราะฉันกับคุณเลขาคนสวยไม่เคยกินเส้นกันอยู่แล้ว
“คุณน้ำผิงรับอะไรดีคะ” ฉันมากินข้าวในห้องอาหารขนาดใหญ่ของบริษัทเหมือนพนักงานทั่วไปนั่นล่ะค่ะ ทุกคนรู้ว่าฉันเป็นใครก็เกร็งกันมากแต่ฉันก็พยายามทำตัวให้ธรรมดาเหมือนกันเพราะยังไงซะตอนนี้ก็อยู่ในสถานะนักศึกษาฝึกงาน
“ผิงเอาผัดกระเพราหมูกรอบไข่ดาวค่ะ”
“ได้ค่ะ คุณน้ำผิงรอสักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ” ฉันยิ้มรับแล้วก็ขยับออกมายืนรออาหารด้านข้างระหว่างนี้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็ดหน่อยว่าคุณพ่อคุณแม่อัพเดทความสวีทของวันนี้รึยัง
“อ้าวป้า รับอะไรดีจ้ะ”
“เอาเหมือนเดิมค่ะ ของคุณเมฆ” ฉันได้ยินบทสนทนาก็เลยละสายตาจากโทรศัพท์หันไปมองคนพูด จำได้ว่าเป็นป้าแม่บ้านที่ชั้นผู้บริหาร
“อีกแล้วเหรอจ้ะป้า คุณเมฆไม่ค่อยลงมาให้สาว ๆ แถวนี้ได้ชุ่มชื่นหัวใจเลย”
“คุณเมฆเขาเหนื่อย งานเยอะมากจ้ะ นี่ดีแค่ไหนแล้วที่มีเวลากินข้าวกล่องบ้าง”
“เป็นคนรวยนี่ก็เหนื่อยเนอะ งานเยอะเป็นบ้า ขนาดเวลาจะกินข้าวเที่ยงอร่อย ๆ ยังไม่มีเลย แต่คุณเมฆแกน่ารัก อยู่ง่ายกินง่าย กินอยู่เมนูเดียวด้วยสิ”
“ฮ่า ๆๆ ของโปรดคุณเมฆเขา ป้าเคยถามว่าไม่กินอย่างอื่นบ้างเหรออาหารน่ากินตั้งเยอะแกก็ไม่กิน บอกว่าชอบพะแนงเนื้อไข่ดาวที่สุดแล้ว ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะคนพิเศษของแกเป็นคนเลือกให้ แต่ก็สงสารคุณเมฆนะ เหนื่อย กินข้าวก็กินคนเดียวแกเลยกินไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ กินไม่เคยหมดหรอก”
“...ขอโทษนะคะ” ฉันพูดแทรกป้าสองคนก็เลยหันมามองหน้าฉันก่อนที่ฉันจะจัดการสั่งข้าวเพิ่มแล้วก็เดินไปหาซื้อของกินอย่างอื่นระหว่างที่อาหารของฉันยังทำไม่เสร็จ
...ขอโทษนะคะป้าที่เสียมารยาทพูดแทรกแถมยังสั่งอาหารเพิ่มแซงคิวป้าด้วย แต่หนูขี้เกียจฟังเรื่องของผู้ชายคนนั้นต่อจริง ๆ
...ไม่อยากฟัง ทนฟังไม่ไหว ไม่ชอบ!