บท
ตั้งค่า

EP : 6 : กลืนน้ำลาย

“น้ำผิง”

ขวับ!

“อะไร?”

“พี่ไม่เคยคิดจะทำอย่างที่เรากล่าวหา แต่เอาล่ะ ในเมื่อเราฝังใจว่าพี่ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้พี่จะทำให้ดูว่าถ้าคนอย่างพี่เลว...เลวของจริงมันเป็นยังไง”

“...”

“หมดธุระแล้วก็เชิญครับพี่จะทำงาน” ในขณะที่ฉันกำลังอึ้งกับคำพูดและเริ่มตัวสั่นด้วยความโกรธเขาก็เอ่ยปากไล่

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ฉันพูดออกมาช้า ๆ สายตาก็จ้องเขาที่กำลังจะทำงานต่อและทำเหมือนฉันไม่ได้มีค่ามีความสำคัญอะไรในห้องนี้แล้ว พอฉันพูดออกไปเขาก็มองฉันอีกครั้ง

“เชิญครับ”

“...คิดจะแก้แค้นแทนแม่ตัวเองเหรอ?” รู้ไหมว่าทั้งชีวิตต่อให้ฉันจะพูดจาแย่กับแค่ไหนแต่ฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมาเลยจนกระทั่งวันนี้นี่ล่ะ แล้วพอพูดฉันก็เห็นายตาเป็นประกายความโกรธจากสายตาคู่นั้น

“...”

“ว่าไง? คิดจะแก้แค้นแทนแม่ตัวเองเหรอ?”

“น้องผิงควรออกไปถ้าหมดธุระสำคัญแล้ว” เหอะ! เกลียดคำพูดประดิดประดอยจัง

“ผิงถามว่าพี่เมฆคิดจะแก้แค้นแทนแม่ของพี่เมฆใช่ไหม!”

“...อย่ามาคิดแทนพี่” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมา เขาไม่แสดงอาการอะไรออกมาทางสีหน้าแล้วนอกจากสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันล่ะทึ่งความสามารถในการเก็บอารมณ์ของผู้ชายคนนี้จริง ๆ ก็อย่างว่าล่ะคิดจะทำการใหญ่ใจมันต้องนิ่ง แถมสิ่งที่เขาทำถ้าแลกกับการเก็บอารมณ์ส่วนตัวไว้มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เงินกี่หมื่นล้านล่ะที่จะได้ถ้าทำสำเร็จ

“หึ!”

“เชิญครับ”

“ไม่เหนื่อยเหรอ?”

“...เชิญครับ”

“น่าสงสารเนอะ พยายามแก้แค้นแทนแม่ตัวเองทั้งที่แม่พี่... / พี่ไม่มีแม่!” ฉันถูกเขาตะโกนแทรกออกมาจนลั่นห้องทำให้ฉันสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ

“จะดูถูกอะไรพี่ก็ดูถูกไปน้ำผิงแต่อย่าดูถูกว่าพี่แก้แค้นแทนใครเพราะคนที่พี่ตายแทนได้คือคุณพ่อคุณแม่ของเรา!”

“...”

“เชิญครับ” เขาเอ่ยด้ยคำพูดสุภาพแต่น้ำเสียงแข็งกระด้าง แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉัน...รู้สึกกลัวเขา

ฉันรีบหันหลังเดินไปที่ประตูอีกครั้งทันที

“เดี๋ยว”

“...อะไร” ฉันไม่ได้หันกลับไปแต่แค่หยุดแล้วถามสั้น ๆ

“น้องผิงไม่อยากฝึกงานตำแหน่งนั้นก็ไม่ต้องทำ” คำพูดของเขาทำให้ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง

“พูดจริงใช่ไหม?”

“ครับ”

“ดี ขอบคุณค่ะ” อย่างน้อยก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ เลยจำใจขอบคุณเขาแบบแกล้ง ๆ

“ไม่เป็นไร วันจันทร์หน้าน้องผิงเตรียมฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยพี่ให้ดีก็พอ”

“อะไรนะ!” ฉันตกใจยิ่งกว่าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ตอนแรกให้ฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยของเลขาเขาแต่ตอนนี้มาบอกว่าให้ฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยของเขานี่นะ!

“พี่รู้ว่าน้องผิงได้ยินชัดเจน เชิญครับ” เขาไล่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แถมครั้งนี้ยังผายมือออกมาด้วย

“นี่มันแกล้งกันชัด ๆ เลย!” ฉันขึ้นเสียงแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มมุมปาก

“ไม่พอใจก็หาทางดิ้นรนเปลี่ยนตำแหน่งได้เลยแต่ตอนนี้ออกไปซะภริตา พี่ต้องการทำงาน”

“...” ฉันยืนกำมือตัวเองจนแน่น มือสั่นไปหมดแต่สุดท้ายก็ต้องสะบัดหน้าเดินออกมา!

คอยดูนะเมฆา! ไม่นายก็ฉันต้องตายกันไปข้าง!

-อาทิตย์ต่อมา-

“อ้าวคุณเมฆ เห็นเด็กบอกว่าคุณเมฆสั่งไว้ว่าวันนี้จะรับอาหารเช้าที่นี่เหรอคะ” ป้าแก้วเห็นผมเดินเข้ามาในบ้านใหญ่แต่เช้าก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ครับ น้องผิงล่ะครับป้าแก้ว” ผมไม่ได้มากินข้าวเช้าที่นี่เป็นอาทิตย์แล้วครับ ตั้งแต่วันที่มีคนหนีออกจากบ้านแต่เช้าเพราะไม่อยากเจอหน้าผม ผมก็ไม่มากวนอีกแต่ขอให้คนเอาอาหารเช้าไปให้ที่บ้านผมแทน แต่วันนี้ผมเลือกมากินข้าวเช้าที่นี่แล้วก็ถามหาคนที่ผมไม่ได้เจอหน้ามาหลายวันตั้งแต่วันที่มีปากเสียงกันในห้องทำงานของผม

“เมื่อกี้เห็นแม่มี่เขาวิ่งเอารองเท้าไปให้เลือกอยู่นะคะ อีกสักพักคงลงมาแล้วค่ะ”

“ครับ ถ้างั้นผมไปรอที่ห้องอาหารนะครับ อย่าบอกล่ะว่าผมอยู่” ผมเอ่ยประโยคหลังป้าแก้วก็ทำได้แค่ยิ้มอ่อนก่อนที่ผมจะเดินไปที่ห้องอาหาร นั่งรอไม่นานก็ได้ยิงเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา

“...เฮ้อ~” เดินเข้ามาเห็นผมก็แกล้งพ่นลมหายใจทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาก่อนจะหมุนตัวหันหลังช้า ๆ

“กลับมานั่งกินข้าวเช้าซะน้องผิง” ผมเอ่ยออกไปน้ำผิงที่หมุนตัวไปได้ครึ่งหนึ่งก็หันหน้ากลับมามอง

“อย่ามาสั่ง”

“มากินข้าว”

“บอกว่าอย่ามาสั่ง”

“ถ้างั้นพี่จะระงับบัตรเครดิตที่น้องผิงเอาของพี่ไป”

“...” ทางนั้นจะอกแตกตายแล้วมั้งครับ แต่คงรู้ดีว่าระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ของตัวเองไม่อยู่สถานะทางการเงินของตัวเองไม่มั่นคงแค่ไหนสุดท้ายเลยยอมเดินกลับมานั่ง แต่นั่งที่ปลายอีกฝั่งของโต๊ะซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรขอแค่กินข้าวให้เรียบร้อยไม่เสียเวลาแม่บ้านทำให้แต่เช้าก็พอ

“ถ้าคุณพ่อคุณแม่กลับมาผิงจะขอบัตรท่านใหม่สักสิบใบ แล้วจะเอามาโยนใส่หน้าพี่เมฆให้หมด!”

“ครับ” ผมแค่พยักหน้ารับแล้วหันไปพยักหน้าเรียกให้แม่บ้านเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟ พอหันกลับมาก็เห็นคุณหนูบ้านนี้นั่งจ้องผมด้วยความโมโห

หึ ๆๆ วันนี้ยอดบัตรเครดิตของผมพุ่งเป็นล้านแน่ ๆ

“กินซะ วันนี้ไปทำงานวันแรกต้องเรียนรู้งานอีกเยอะ”

“ไม่ต้องมาสั่ง”

“พี่อนุญาตให้น้องผิงพูดคำนี้ได้แค่ที่บ้าน แต่เมื่อไหร่ที่อยู่ในเวลาฝึกงานอย่าพูดให้ตัวเองดูไร้กาละเทศะเด็ดขาด”

“พี่เมฆ!” น้ำผิงตวาดใส่แต่ผมแค่มองเธอนิ่ง ๆ

“กินข้าวจะได้ไปทำงาน” ผมไม่ต่อล้อต่อเถียง พูดจบก็กินข้าวของตัวเองเงียบ ๆ ในขณะที่อีกคนไม่แตะอะไร

“กินข้าวครับน้องผิง”

“...ผิงเกลียดพี่เมฆ”

“พี่รู้ ถ้าเกลียดก็กินจะได้มีแรงไปเรียนรู้งาน เราก้าวช้ากว่าพี่มา 5 ปี ไม่กินข้าวไม่มีแรงเอาบริษัทคืนจะมาโทษพี่อยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้นะ”

“...” น้ำผิงจ้องผมด้วยความโกรธก่อนจะยอมกินข้าวด้วยอาการกระแทกกระทั้น ผมเองก็นั่งรอจนเธอกินข้าวหมดรวมถึงดื่มกาแฟเรียบร้อยถึงได้ลุกขึ้น

“เรียบร้อยก็ไปกันได้แล้วครับ”

“อะไร? หมายความว่ายังไง”

“น้องผิงต้องไปบริษัทพร้อมพี่”

“ไม่มีทาง ผิงมีรถของผิง”

“พี่รู้”

“ถ้างั้นคราวหลังก็...พี่เมฆ!” น้ำผิงกำลังเชิดหน้าพูดแต่พอเห็นสิ่งที่ผมชูในมือเธอก็ตะคอกชื่อผมออกมา

“ไปคันเดียวกัน จะไปรถเราหรือรถพี่ก็เลือกเอาพี่ขับให้ได้หมด”

“เพื่ออะไร! อยากประกาศให้คนรู้เหรอว่าตัวเองอยากได้อะไร!”

“พี่ไม่เคยประกาศ มีแต่น้องนั่นแหละที่ประกาศแทนพี่มาตั้งนานแล้ว”

“...”

“เลือกครับ คันไหนก็ได้ในบ้านนี้เพราะพี่มีกุญแจรถทุกคัน”

“...จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม?”

“ไปที่รถกันได้แล้วก่อนที่จะสาย ไปรถน้องผิงแล้วกันรถพี่จอดไกล”

“...” น้ำผิงจ้องผมแต่ไม่ยอมขยับ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเธอกำลังต่อต้าน

“วันนั้นมีแค่เอื้องเห็นว่าเราสองคนใกล้กันแค่ไหน วันนี้อย่าบังคับให้พี่ต้องทำให้คนเห็นกันทั้งบ้านด้วยการต่อต้านพี่” ผมเอ่ยออกไปเธอก็ยิ่งโกรธแต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นแล้วเดินกระแทกส้นเท้านำหน้าผมออกไป

...ผมไม่คิดจะเลวใส่น้ำผิงเลยสักครั้ง แม้แต่คิดก็ยังไม่เคย แต่ถ้าเอาไม่อยู่ก็คงต้องใช้วิธีนี้

-เวลาต่อมา-

“ไหนโต๊ะทำงานผิง” พอเดินมาถึงหน้าห้องทำงานน้ำผิงก็หันซ้ายหันขวามองหาโต๊ะทำงานตัวเองจากนั้นก็หันไปถามนิชาเลขาของผมทันทีแต่นิชาไม่ได้ตอบนอกจากหันมามองผม

“อยู่ในห้องพี่”

“อะไรนะ!”

“เตรียมเอกสารประชุมเสร็จรึยัง ถ้าเรียบร้อยแล้วเอาเข้าไปให้ผมได้เลยนะครับ” ผมหัยไปบอกนิชาแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานทันที

“พี่เมฆ!” เสียงของน้ำผิงดังไล่หลังแต่ผมไม่หยุดฟัง ผมเข้ามาในห้องทำงานได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีน้ำผิงก็ตามเข้ามา

“ย้ายโต๊ะทำงานของผิงออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้”

“ไม่ได้ นั่งข้างนอกก็ต้องทำตำแหน่งผู้ช่วยนิชา น้องผิงบอกว่าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำพี่ไม่บังคับอยู่แล้ว”

“ผิงทำ วันนี้ผิงเต็มใจทำแล้ว”

“เสียใจด้วยครับ นี่คือชีวิตจริงของการทำงาน พี่ไม่มีเวลามาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหรอก เชิญนั่งที่โต๊ะเดี๋ยวนิชาจะเข้ามาอธิบายงานให้ฟัง”

“...” เธอยืนจ้องแต่ผมไม่ได้สนใจต่อ ผมนั่งลงแล้วเปิดแฟ้มดูงานของตัวเองทันทีจนกระทั่งในที่สุดเสียงกระแทกของรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นแล้วก็ไปหยุดที่โต๊ะทำงานที่อยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของผมแค่ 3 เมตรเท่านั้น

หึ ๆๆ ได้แก้เผ็ดเด็กเอาแต่ใจถึงจะปวดหัวรบกวนเวลางานไปบ้างแต่ก็มีความสุขดีเหมือนกันนะครับ

...ขอโทษป๊ากับมี๊ด้วยนะครับ ผมคงต้องกลืนน้ำลายของตัวเองแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel