ตอนที่ 4 เขามีคู่หมั้นแล้ว
ความสัมพันธ์ของฉันกับหมอธันวาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนี้ฉันไม่ต้องพูดอยู่คนเดียวแล้ว
พวกเราตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ซะอีก ในระหว่างที่หมอธันวาไปทำงาน ไปทำกายภาพให้กับคนไข้ ฉันก็ตามไปให้กำลังใจด้วย เวลาหมอพักกินข้าว ฉันก็ได้กินข้าวกับเขาเหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป
ฉันเพิ่งมารู้ว่าวันแรกที่เราเจอกัน หมอเขารินน้ำแก้วนั้นเพื่อฉันโดยเฉพาะ ยิ่งทำให้ฉันหลงรักหมอเข้าไปใหญ่
“อัยย์ อัยย์ ช่วงนี้ติดผู้แล้วลืมเพื่อนเลยหรือไง อัยย์ปล่อยให้เราไปรับวิญญาณคนเดียวอีกแล้วนะ”
มาณพบ่นเสียงดังเมื่อเห็นฉันลอยกลับไปที่ตึกทำการของชมรมแก๊งตัวใสในคืนวันหนึ่ง
“โธ่!! มาณพ อัยย์ขอโทษ ตอนกลางวันก็อยากอยู่กับแฟนไง” ฉันเอ่ยไปหน้าก็แดงไปด้วย ทำไงได้ เราสองคนตกลงเป็นแฟนกันไปแล้วนี่
“แฟนเหรอ อัยย์จะบ้าหรือไง อัยย์เป็นวิณญาณและหมอธันวาเป็นมนุษย์ มันมีซะที่ไหนที่วิญญาณกับมนุษย์จะรักกัน” วิญญาณเด็กช่างเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“คุณตาเจ้าที่บอกว่าอัยย์อาจจะยังไม่ตายก็ได้ อัยย์กับหมอก็กำลังพยายามสืบหาตัวตนของอัยย์อยู่นี่ไง บางทีอัยย์อาจจะโชคดีเหมือนพี่เปิ้ล ลูกสาวคุณตาเจ้าที่ก็ได้ มาณพอย่ามาทำให้อัยย์เสียกำลังใจนะ”
ฉันเอ่ยตอบเพื่อนตัวใสด้วยความน้อยใจ ทำไมต้องมาตัดกำลังใจกันด้วย มือไม่พายแล้วยังเอาขาราน้ำอีก จริงมะ!! พวกเราเป็นวิญญาณไม่มีเท้าไง
“ตามใจอัยย์ละกัน ไม่ว่ายังไงเราก็อยู่กับอัยย์อยู่แล้ว ไปกันเถอะ ที่ตึกฉุกเฉินมีรถเกิดอุบัติเหตุรถชนกันวินาศสันตะโร เราอาจจะต้องทำหน้าที่” มาณพเอ่ยชวนฉัน
ระหว่างที่ฉันกับมาณพเพื่อนซี้กำลังลอยไปทางตึกฉุกเฉิน ฉันก็เล่าเรื่องการสืบหาร่องรอยของตัวเองให้เพื่อนฟัง แต่คงเล่าเพลินไปหน่อย พอเหลียวมาหาเขา...
“อ้าว มาณพ ไปไหนแล้ว ปล่อยให้อัยย์พูดอยู่คนเดียว”
ฉันเลยย้อนกลับมาทางเดิม จึงเห็นมาณพกำลังยืนด่ามนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เขาคนนี้อายุน่าจะอ่อนกว่าคุณหมอธันวา หน้าตาถือว่าใช้ได้ ออกจะลุคแบดบอยหน่อยๆ
ฉันคิดว่าชายคนนี้คงเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลนี้เช่นกัน เพราะเหมือนเขาจะมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย แต่ก็ไม่ได้ถือว่าหนักหนาอะไร คงยังไม่ถึงคราวตายจนทำให้ฉันกับมาณพมารับวิญญาณเป็นแน่ นี่ก็ดึกอยู่นะ แล้วทำไมชายคนนี้ถึงมา โรงพยาบาลตอนดึก หรือว่ามาดักพบใคร
มาณพพยายามทุกวิถีทางที่จะทั้งเตะและต่อยชายคนนั้น แต่ก็อย่างที่รู้ว่าเราเป็นวิญญาณ เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง เราสัมผัสร่างกายมนุษย์ไม่ได้ ยกเว้นฉันกับหมอธันวาคนหนึ่งนะ
“มาณพ ทำอะไร นายกำลังทำร้ายร่างกายมนุษย์อยู่นะ นายจำไม่ได้หรือไง คุณตาเจ้าที่ห้ามทำร้ายมนุษย์นะ” ฉันกำลังพยายามดึงตัวเพื่อนออกมาให้ไกลผู้ชายคนนั้น
“ไอ้นักรบ ไอ้มือระเบิดเฮงซวย เพราะมัน ฉันถึงต้องตาย เพราะมัน สวรรค์เมตตาแล้ว ที่ส่งมันมาให้ฉันได้แก้แค้น ต่อไปนี้อย่าได้อยู่ร่วมโลกกันเลย”
มาณพด่าชายคนนั้น ฉันถึงกับต้องลากมาณพไปให้ไกลๆ ก่อนที่จะพามาณพเพื่อนตัวใสไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ตรงชมรม ทั้งที่เพิ่งจากมา
“ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้แค้นชายคนนั้นขนาดนี้” ฉันเอ่ยถามด้วยความน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไอ้นั่นมันชื่อว่านักรบ ฉายามันคือนักรบมือระเบิด ส่วนฉันฉายามาณพปากฉลาม โรงเรียนของเราเป็นเหมือนน้ำมันกับไฟ ที่เจอกันเมื่อไหร่ก็ทะเลาะต่อยตีกันตลอด ในวันที่ฉันตาย ก็เป็นเพราะไอ้นักรบมันปาระเบิดเข้าไป ทำให้ชุลมุนไปหมด
ไอ้นักรบมันคนรวย มันถึงได้ลอยนวลอยู่แบบนี้ ส่วนฉันอยู่กับแม่แค่สองคน ฉันเป็นห่วงแม่ ไม่รู้ว่าแม่จะทำยังไงหลังจากที่ไม่มีฉันแล้ว”
“สรุปว่านายเลยต้องการจะแก้แค้นเพราะนายนักรบนั่นทำให้นายต้องตาย นายรู้อยู่แล้วนะ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณตาเจ้าที่ นายแย่แน่” ฉันยังพยายามเอ่ยเตือนสติเพื่อน
“ก็บอกแล้ว ฉันกับมันจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ในเมื่อมันเข้ามาในเขตโรงพยาบาลนี่ก็ถือซะว่ามันก้าวขาข้างหนึ่งลงยมโลกแล้ว”
ฉันได้แต่ถอนหายใจ คงช่วยอะไรเขามากไม่ได้แล้ว รอให้มาณพใจเย็นลงหน่อยค่อยเกลี้ยกล่อมอีกทีละกัน
ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา มาณพก็ไม่ไปทำหน้าที่รับวิญญาณน้องใหม่อีกเลย เพราะมัวแต่คอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวตึกฉุกเฉิน ทั้งที่รู้กันหมดว่าหมออลินดาดุมาก
แต่เพราะความแค้นคงฝังใจ มาณพถึงไม่กลัวหมออลินดาและคุณตาเจ้าที่เลย รัศมีวิญญาณของมาณพก็เปลี่ยนสีไปด้วย
ฉันต้องทำหน้าที่ไปรับวิญญาณน้องใหม่แทนมาณพ ปกติเราทำงานด้วยกัน แต่พอฉันต้องทำงานคนเดียว ฉันเลยไม่มีเวลาไปหาหมอธันวาเลย แต่ฉันได้บอกหมอธันวาไว้แล้วนะว่า ฉันยุ่งมาก เพราะต้องทำงานแทนเพื่อน หมอก็น่ารัก เข้าใจฉันดี
ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ ฉันทนคิดถึงหมอธันวาไม่ไหว เลยไปให้ป้ามาลัยทำหน้าที่รับวิญญาณแทนหนึ่งวัน ส่วนฉันตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์หมอธันวา
ก็นะ! แบบว่า คนมันคิดถึงไง
ฉันลอยเข้าไปในห้องทำงานหมอธันวาเหมือนดังเช่นปกติทุกวัน กะจะเซอร์ไพรส์หมอเต็มที่ มือที่กำลังจะสวมกอดเข้าทางด้านหลังของหมอที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่จำต้องชะงักไปเมื่อได้ยิน
“แม่ครับ ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่ได้สนใจลูกสาวเพื่อนคุณแม่”
“ทำไมผมต้องไปดูแลล่ะครับ”
“ผมไม่หมั้นกับยัยหมูอ้วนนะครับ”
.
.
.
.
และอีกหลายข้อความที่ฉันได้ยินมา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูด แต่ก็พอจับใจความได้ว่า หมอธันวามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังป่วย คุณแม่ของหมอต้องการให้แฟนของฉันกลับไปดูแลคู่หมั้นของเขา
เซอร์ไพรส์!!!!
ฉันตั้งใจที่จะมาเซอร์ไพรส์หมอที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน แล้วเป็นไง เป็นหมอซะอีกที่เซอร์ไพรส์ฉันอย่างจัง
“ครับ ผมจะกลับไปวีคเอนด์นี้ครับ แล้วเจอกันครับ รักแม่นะครับ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยิน เพราะฉันทนไม่ได้อีกแล้ว ทนไม่ไหวที่จะต้องฟังเขาบอกลาเพื่อกลับไปหาคู่หมั้นเขา แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นอะไรสำหรับเขา
เจ็บ!!
เจ็บหัวใจเหลือเกิน น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหน ไหลออกมาเต็มสองตาของฉัน
ไม่อยู่แล้ว ฉันต้องหนี ฉันต้องออกไปจากตรงนี้
ด้วยความรีบร้อนและน้ำตาอาบแก้ม ทำให้ฉันส่งเสียงสะอื้นออกมา นั่นทำให้หมอธันวารู้สึกตัว เขาหันกลับมามองฉันด้วยสายตาตกตะลึง
“อัยย์ ฟังผมก่อน”
****
เพราะเศร้าเรื่องของหมอธันวา ทำให้ฉันลืมไปว่า ฉันต้องไปเตือนหมออลินดาให้ระวังมาณพที่กำลังจ้องทำร้ายคนไข้ของเธอ