บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 หรือฉันยังไม่ตาย

เวลาผ่านมากว่าสามเดือนแล้วที่ฉันกลายเป็นสตอล์กเกอร์ตามติดชีวิตหมอธันวา ปกติถ้าว่างจากการไปรับวิญญาณกับมาณพเมื่อไหร่ จะต้องไปนั่งฟังพี่พยาบาลเมาท์กัน

แต่ไม่แล้วค่ะ!!

ฉันกับเหล่าวิญญาณสาวๆ ทั้งหลายต้องแวบมาหาหมอธันวา ว่าที่สามีของฉัน แต่ด้วยความที่ฉันเป็นหัวหน้าแก๊งตัวใส ฉันจึงใช้อำนาจในทางที่ชอบ ย้ำ!ในทางที่ชอบ ยึดหมอธันวาเป็นของฉันคนเดียว

เหมือนปกติเช่นทุกวันที่หมอธันวามักจะนั่งทำเอกสารจากคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานหลังจากที่ตรวจรักษาทำกายภาพบำบัดให้คนไข้ไปแล้ว

ฉันก็ไม่มีอะไรทำ การได้นั่งมองคนหล่อถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ตั้งแต่เป็นวิญญาณมาเลยเชียวละ

ฉันยกมือสองข้างเท้าคางนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็จ้องหน้าคุณหมอและเล่าอะไรมากมายดั่งเช่นทุกวันมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว

“คุณหมอคะ คุณหมอคงเอือมระอาและเบื่อกับคำชมแล้วใช่ไหมคะ แต่ทำไงได้ ก็คุณหมอน่ะ หล๊อ หล่อ อัยย์มีความสุขจัง ต่อให้คุยกับคุณหมอไม่ได้ ได้แค่มอง อัยย์ก็มีความสุขแล้วค่ะ”

[บันทึกพิเศษ: ธันวา]

ผมไม่คิดเลยว่าคำพูดที่เจอกันในวันแรกนั้น เธอจะทำตามคำพูดอย่างจริงจัง

วันไหนที่ผมไม่เห็นเธอ ผมก็มักจะมองหา บางวันผมทำงานเอกสารเสร็จตั้งนานแล้วแต่ก็แอบเนียนแกล้งยุ่ง นั่งทำงานต่อไป เพียงเพื่อที่จะได้ฟังเธอพูดเจื้อยแจ้ว เล่าวีรกรรมต่างๆ ในชมรมแก๊งตัวใส ฟังว่าชีวิตประจำวันเธอไปทำอะไรมาบ้าง

บางครั้งเธอก็มาแบบเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ฟุบตัวเอาคางเกยแขนบนโต๊ะ แบบนั้นละผมรู้เลย วิญญาณที่ไปรับคงเป็นทุกข์มาก เธอถึงได้เสียใจไปด้วย นานวันเข้า อัยย์จึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้ว

คนอื่นชมว่าผมหน้าตาดี ผมรู้สึกเฉยๆ นะ อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้วจึงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่ผมกลับรู้สึกเขินเมื่อคำชมนั้นออกมาจากปากเล็กๆ สีแดงสดนั้น

[จบบันทึกพิเศษ: ธันวา]

“หมอคะ วันนี้อัยย์ไปทำความดีมาด้วยละ อัยย์ทำให้คุณตาเจ้าที่ได้คืนดีกับลูกสาวในอดีตชาติที่คุณตาได้ทำผิดไว้ ชาตินี้คุณตาจึงมีโอกาสแก้ไข อัยย์เป็นกาวใจชั้นดีเลยละคะ

หมอจำคนไข้ของหมอที่เตียงเจ็ด ตึกฟื้นฟูได้ไหมคะ คนไข้ที่นอนไม่ได้สติมาหลายอาทิตย์แล้วน่ะค่ะ ชื่ออสิตา สิตา อะไรนี่แหละค่ะ”

“ประสิตา ต่างหาก แล้วอัยย์ไม่ได้เป็นกาวใจชั้นดีอะไรหรอก เป็นยัยขี้จุ้นต่างหาก”

“ใช่ค่ะ ประสิตา อัยย์ไม่ได้จุ้นนะ อัยย์แค่อยากช่วยเฉยๆ หรอก แต่ เอ๊ะ! เมื่อกี้หมอตอบอัยย์เหรอคะ”

“หมอ หมอมองเห็นอัยย์ หมอกำลังพูดกับอัยย์ใช่ไหมคะ” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับลอยไปยืนข้างๆ แต่ด้วยความซุ่มซ่ามหรืออย่างไรไม่ทราบ ฉันจึงถลาลงไปนั่งบนตักหมอธันวาพอดิบพอดี

อุ๊ย...หก

‘ตักหมอนุ่มจัง’

ฉันแปลกใจมากที่ฉันเป็นวิญญาณ แต่กลับสัมผัสร่างกายของหมอธันวาได้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝัน ฉันเลยจำเป็นต้องพิสูจน์ความจริง

“อัยย์ครับ ถ้ายังไม่เลิก ลูบ คลำ จับ และขยำ ร่างกายผมอยู่แบบนี้ ผมไม่รับประกันว่า มันจะมีอะไรที่ ตื่น...เต้น ไปมากกว่านี้นะครับ”

ฮะ!!!

เอ๊ย!!

“ขอโทษค่ะ”

ฉันรีบลุกขึ้นจากตักของหมอธันวาอย่างกับว่านั่งทับของร้อนอย่างไรอย่างนั้นเลย ก่อนที่ฉันจะกลับมานั่งตรงเก้าอี้ตัวเดิมที่ลุกไป

“ถ้าหมอได้ยินและเห็นอัยย์มาตลอดสามเดือนที่ผ่านมานี่ งั้นก็แสดงว่า..?”

ฉันเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจนัก ก่อนจะหยุดไว้เพียงเท่านั้น...แล้วยกสองมือปิดใบหน้าตนเองก้มหน้างุดอยู่อย่างนั้น

“อัยย์เป็นอะไรครับ”

ฉันได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมตอบคำถาม และยังก้มหน้ามากกว่าเดิม

“อัยย์คนเก่ง คนกล้า ที่บอกจะจีบผม ที่แอบหอมแก้มผมตอนผมเผลอ ที่นั่งจ้องมองหน้าผมได้เป็นวันๆ และคนที่...”

ฉันรีบเงยหน้าขึ้น เอื้อมมือไปปิดปากหมอธันวาไว้ ก่อนที่เขาจะได้พูดให้ฉันอายไปมากกว่านี้

ใช่!

ฉันไม่เถียงว่าทั้งหมดที่หมอพูดมา มันคือความจริงทั้งหมด แต่มันใช่ไหม ที่ต้องเอามาเผาต่อหน้ากันขนาดนี้

ถึงแม้ฉันจะเป็นวิญญาณ

แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ

ก็ตอนนั้นไม่นึกว่าหมอจะได้ยินและเห็นทุกสิ่งนี่นา

[บันทึกพิเศษ: ธันวา]

ผมได้แต่ส่งสายตาหวานซึ้งไปให้อัยย์ที่ตอนนี้เอามือน้อยๆ ปิดปากผมไว้ ผมก็แปลกใจนะว่าทำไมผมถึงสัมผัสร่างกายของเธอได้ ผมเห็นและสัมผัสวิญญาณของอัยย์ได้คนเดียว วิญญาณตนอื่นที่เธอมาเล่าให้ผมฟังตลอดสามเดือนกว่ามานี้ ผมไม่เคยเห็นเลย

แปลกใจใช่ไหมครับ ทำไมผมถึงไม่กลัวหรือสติแตกไปตั้งแต่เห็นเธอวันแรก ไม่รู้สิ ผมก็บอกไม่ถูก แต่ข้างในลึกๆ ในใจผมมันบอกว่า เธอไม่มีพิษภัยอะไร เธออาจจะแค่เหงา

แล้วก็ไปตามที่ผมคาดไว้ จนตอนนี้ผมกลายเป็นคนติดอัยย์ไปซะแล้ว วันไหนไม่เห็นหน้าก็...คิดถึง

ความจริงแล้วผมไม่ได้เผลอตัวตอบไปนะ ผมตั้งใจตอบเลยละ ผมอยากพูดคุยและทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ พอเธอส่งไม้มา ผมเลยถือโอกาสรับไม้ต่อ

หนึ่งในกี่ล้านคนก็ไม่รู้ ที่เห็นและมีวิญญาณเป็นแฟน...จริงไหมครับ

[จบบันทึกพิเศษ: ธันวา]

“อัยย์ อายเหรอครับ”

ฉันได้แต่ผงกหัวหงึกหงักเมื่อเขาปลดมือของฉันออกแล้วถามออกมาตรงๆ แบบนั้น

“อัยย์ขี้อายแบบนี้ผมไม่ชินอะ ไหนเงยหน้าขึ้นหน่อยครับ”

หมอใช้มือเชยคางฉันให้เงยขึ้นสบตาคมของหมอและบังคับไม่ให้ฉันก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เอาละ ไหนลองเล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับว่า อัยย์ไปจุ้น เอ๊ย ไม่ใช่ ไปเป็นกาวใจให้คุณตาเจ้าที่ยังไง”

พอฉันได้ฟังหมอถามแบบนั้นเลยนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้เล่าให้หมอฟังซะที

“คนไข้เตียงเจ็ดน่ะค่ะ เธอนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่ได้สติ เพราะคุณตาเจ้าที่พาวิญญาณของเธอย้อนกลับไปในอดีต เมื่อทุกอย่างถูกแก้ไข คุณเปิ้ลจึงฟื้นขึ้นมา พรุ่งนี้หมอคงได้คุยกับเธอ แต่หมออย่าไปถามนะคะ

คุณตาเจ้าที่บอกว่ารัศมีวิญญาณของอัยย์กับของพี่เปิ้ลเหมือนกัน ในเมื่อพี่เปิ้ลยังฟื้นคืนมามีชีวิตได้ตามปกติ ร่างกายของอัยย์อาจจะนอนอยู่ที่ไหนสักที่น่ะค่ะ”

“นั่นหมายความว่า ความจริงอัยย์อาจจะยังไม่ตาย แต่นอนหลับหรือเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่ไหนสักที่ เพื่อรอให้ผมจุมพิตปลุกให้ตื่นใช่ไหมครับ”

“คุณตาเจ้าที่สันนิษฐานไว้แบบนั้นค่ะ อัยย์ไม่ใช่เจ้าหญิงนิทราซะหน่อย หมอไม่ต้องจุมพิตปลุกอัยย์ก็ได้ค่ะ” ตอนนี้ใบหูฉันคงจะแดงเถือกไปหมดแล้ว

“โอ้! นี่เป็นข่าวดีที่สุดเลยครับ ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังเลิกงาน เรามาช่วยกันตามหาว่าอัยย์เป็นใครกันเถอะครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel