บทที่ 5
“นั่นน่ะหรือวะ...น้องลิลลี่
“รุ่นเดียวกับเรานั่นแหละ เค้าเรียนช้าไปปีหนึ่ง สวยใช่ไหมวะ”
ตาของพลพงศ์มองหญิงสาวที่เพื่อนสะกิดให้ดู ก่อนจะหรี่ตาลง หล่อนสวยน่ารักมากจริงๆ แต่ฟังจากวีรกรรมแล้ว...เขาก็ขยาดไม่น้อย เขาไม่ชอบสาวเฟลิร์ตไปเรื่อย ได้ทั่วถึง มันดู...ง่ายเกินไป
“มึงอยากเข้าวงการ ก็ต้องคนนี้นั่นแหละ น้องลิลลี่ หรือไม่ก็น้องลูกแพร แต่น้องลูกแพร ไหงเค้าไม่ยักกะสนใจมึงวะ”
เขาหมายถึงแพรเพชรล้อม ซึ่งขึ้นชื่อลือชาไม่ต่างจากรสดาภา พลพงศ์ยักไหล่ แม่ลูกแพรอะไรนั่นเคยมาอ่อยเขาในห้องสมุดทีหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหล่อน อะไรที่ได้ง่ายๆ ไม่ต้องรสนิยมเขาหรอก
“มีคนเคยได้ลูกแพร แล้วได้เป็นดาราด้วยหรือวะ”
“เอ่อ...ก็จริงของมึง”
อนันต์หัวเราะ แพรเพชรล้อมไม่เคยหลงใหลใครนาน ถึงขนาดเรียกผู้ชายคนนั้นเป็นแฟน เจ้าหล่อนเปลี่ยนผู้ชายบ่อยยิ่งกว่ากระดาษทิชชู แล้วยิ่งไปเข้าทางหวังต่อยอดไปยังอาชีพแล้วล่ะก็ ยิ่งยาก
“ระดับฮอลลีวูดด้วยนะมึง กูว่ามึงต้องมีหนทางของมึงว่ะ กูเชื่อ”
“กูจะลอง”
พลพงศ์มองรสดาภาอีกหน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากได้รูป เขาเป็นคนรูปหล่อ หน้าตาดี และมีความทะเยอทะยานสูงลิบ ฝันคืออยากเป็นดาราดัง แต่ตอนนี้ยังแคสติ้งไม่ผ่าน ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรอกนะ เพราะเขายังฝึกฝนไม่พอต่างหาก
นี่มีทางลัดมายืนตรงหน้า...
เขาก็ควรจะคว้าเอาไว้...
ฝันให้ไกล แล้วจงไปให้ได้วะไอ้พีท
.........................................................................................................................................................
“จะรังเกียจไหมครับ ถ้าพี่จะให้ดอกไม้”
ช่อดอกไม้ถูกยื่นมาตรงหน้า ดักขวางทางรสดาภาไว้ก่อนที่หล่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เธอมองช่อดอกไม้ ที่เด่นด้วยดอกลิลลี่สีขาว ดอกไม้ที่เธอชอบ และเป็นชื่อเล่นของเธอด้วย
“ไม่รังเกียจดอกไม้ แต่รังเกียจคนให้ค่ะ”
เธอคว้าเอาแต่ดอกไม้ แล้วเลิกคิ้วใส่คนให้ สะดุดนิดหน่อยกับความคมเข้มที่เห็น เขาหน้าตาดีมาก เป็นหนุ่มแนวไทยแท้ คิ้วเข้ม ตาคมสวย ผิวสีแทน ความกำยำมองเห็นชัดแม้จะอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา เพราะกล้ามมันดันอกเสื้อออกมา คนใกล้ตัวรสดาภาถึงกับกลืนน้ำลาย เพราะชายหนุ่มปลดกระดุมลงต่ำกว่าปรกติอย่างจงใจจะอวดของดีของตัวเอง
“รังเกียจคนให้ ก็ไม่เป็นไรครับอย่ารังเกียจดอกไม้ก็พอ”
เขาพูดแล้วก็ยิ้มให้เธอ เขี้ยวเสน่ห์นั่นทำให้เธอถึงกับตาพร่า กะพริบตาปริบๆ ไปเลยทันที
“อร๊าย...ยัยลิลลี่ นั่นพี่พีท ตัวท็อปของท็อปเชียวนะ แกเอาไหม ไม่เอาเอามา”
แพรเพชรล้อมเกาะแขนเพื่อนแล้วเขย่าแรงๆ คริมากอดอก ก่อนจะกลอกตา พลางเอ่ยลอยๆ
“ที่เอาไหมนี่ผู้ชายหรือดอกไม้?”
“ผู้ชายสิ”
แพรเพชรล้อมตอบแบบไม่ต้องคิด รสดาภาส่ายหน้าน้อยๆ เธอยังคงมองชื่นชมดอกไม้สวยในอ้อมแขน ถึงแม้จะปฏิเสธคนให้ แต่เธอก็ทิ้งดอกไม้โปรดของตัวเองไม่ลง สามสามเดินเข้าไปในห้องสมุด ดูเหมือนตอนนี้แพรเพชรล้อมจิตใจจะไม่อยู่กับการค้นคว้าทำรายงานใดๆ เสียแล้ว
“แกไม่เอาจริงๆ น่ะเหรอลิลลี่”
“เอาอะไรอีกล่ะ”
รสดาภาขมวดคิ้วใส่เพื่อน ตอนนี้สมาธิเธออยู่กับหนังสือเล่มหนาตรงหน้า ที่คริมาเพิ่งเอามาวางให้ แล้วช่วยกันอ่านเพื่อย่อยข้อมูล
“สมองของยัยนี่คิดเป็นอย่างเดียวคือผู้ชายย่ะ อ่านไป ลูกแพร เลิกสนใจผู้ของหล่อนได้แล้ว”
“ผู้ของฉันที่ไหนกัน ของลิลลี่ต่างหาก แกรู้ไหมลิลลี่ พี่พีทน่ะ ทั้งหล่อ แล้วก็ทั้งรวย สาวๆ ทั่วมหาวิทยาลัย มีแต่คนอยากจะได้ แต่ก็ไม่เห็นมีใครได้ ไม่เห็นพี่เค้าจีบใครด้วยอะ แต่ไม่ใช่เกย์แน่นอน เพราะ...ฉันเห็นเค้าที่ผับประจำของฉันบ่อยๆ นัวสาวเพลินเลย”
“แล้วยังไง?”
ถามแต่หน้าก็ยังยอมเงยจากหนังสือที่กำลังตั้งใจอ่าน เรื่องนี้เธอสนใจเสียด้วยสิ ศิลปะกับการถ่ายภาพ เสียงแหลมๆ ของแพรเพชรล้อมเลยเหมือนแค่เสียงเพลงจากวิทยุที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“เค้าไม่เคยมาจีบใครก่อนนะยัยลิลลี่ เธอน่ะปาฏิหาริย์เลยล่ะ ฉะนั้นคว้าไว้เสีย หล่อ คมเข้มขนาดนี้ โอย...ทำไมไม่เป็นฉันนะ”
“เลิกเพ้อๆ ทำงานสิยะ” คริมาตีแขนแพรเพชรล้อม แต่ไม่อาจทำให้เจ้าหล่อนหยุดพร่ำได้
“โอ...สุดหล่อ หุ่นล่ำ ทำไมไม่เป็นฉันนะ”
รสดาภาเพียงแค่มองเพื่อนสนิท แล้วสั่นหน้าน้อยๆ เธอมองไปยังลิลลี่ช่อสวย ชายหนุ่มก็ดูน่าสนใจดี แต่...เธอมาเรียนหนังสือให้จบ ไม่ได้มาหาแฟน ไอ้ข่าวลือนั่นเหมือนเกราะช่วยเธอไว้ ไม่ค่อยมีคนอยากยุ่งกับสาวที่มีข่าวฉาวอย่างเธอ
ก็คอยดูกันไปว่า ผู้ชายคนนี้จะมายังไงกันแน่ รสดาภาคิด ขณะที่สนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
..........................................................................................................................................................
และแล้ววันนั้นก็ไม่ใช่วันแรก ที่เธอได้ช่อดอกไม้
มันตามมาด้วยอีกวัน...อีกวัน...และอีกวัน
แพรเพชรล้อมถึงกับเลิกสนใจเรื่องผู้ชายๆ เรื่องของตนเองชั่วคราว มาจดจ่ออยู่กับเรื่องของรสดาภาแทน เขาดักให้ดอกไม้เธอทุกวัน และทุกวันก็คือดอกลิลลี่ เขาสรรหามาจนแทบจะครบทุกสีของมันแล้วกระมัง บางสีรสดาภาก็แทบไม่เคยเห็นมาก่อน จึงอดนึกปลื้มไม่ได้ ช่อดอกไม้นับวันจะเยอะขึ้น จนแทบจะท่วมห้องของเธอ และต้องเผื่อแผ่มาจัดแจกันยังข้างนอกห้อง อัยเรศมองแล้วก็ยิ้มๆ แกมล้อเลียนเธอ ว่าควรจะเปิดร้านขายช่อดอกลิลลี่หรือยัง
น้ำหยดลงหินทุกวันหินก็กร่อน...
เหมือนหัวใจผู้หญิง ที่แม้จะแข็งกร้าวยังไง มันก็ย่อมจะกร่อนลงได้เพราะความอ่อนโยนอ่อนหวานที่เธอได้รับทุกวัน
“ไม่ต้องเอามาให้ลิลลี่แล้วล่ะค่ะ เปลืองแย่เลย”
น้ำเสียงที่เคยแข็งใส่ใหม่ๆ ในระยะเริ่มแรก ตอนนี้มันเริ่มอ่อนลง เหมือนสายตาของเธอที่เขามองสบด้วยตอนนี้ พลพงศ์ยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ส่งให้เธอ มันทำให้คนมองหัวใจกระตุก ไม่ใช่แต่รสดาภาหรอก เพราะเธอได้ยินเสียงวี๊ดเบาๆ จากเพื่อนรักที่ยืนลุ้นอยู่ข้างหลังเธอ
“พี่จะให้ทุกวัน เพราะลิลลี่บอกว่าลิลลี่ไม่รังเกียจดอกไม้”
“มันเยอะเกินไป”
เธอว่า พลพงศ์หัวเราะน้อยๆ เขี้ยวเสน่ห์ของเขานั่นแหละ ที่ทำให้หัวใจรสดาภาเต้นแรงยิ่งขึ้น ผู้ชายอะไร หล่อ คมเข้ม มีเสน่ห์จริงๆ เธอไม่เคยถูกรุกขนาดนี้ ปรกติแค่รสดาภาทำเชิดใส่แค่หนสองหน ทางนั้นก็เลิกสนใจแล้ว
“ถ้าอยากให้พี่เลิกเอามาให้ ก็ไปกินข้าวกลางวันกับพี่นะ”
“หืม?”
เธอเลิกคิ้ว เริ่มยิ้ม...ให้ตายสิ...เธอยิ้มหรือนี่ หัวใจของรสดาภาพองโตน้อยๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไปสิยัยลิลลี่”
หนนี้คนที่ดูจะลุ้นแบบนิ่งๆ ไม่กรี๊ดกร๊าดอย่างคริมา ถึงกับพูดออกมา รสดาภาหันมามองเพื่อนแล้วย่นหัวคิ้วใส่ แพรเพชรล้อมสะกิดเพื่อน แล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะลากพาคริมาเดินออกมา ทิ้งทั้งสองคนไว้ตามลำพัง
“ว่ายังไงละครับ ไปกินข้าวกับพี่สักมื้อนะ”
“ถ้าลิลลี่ไปกินข้าวกับพี่พีท ลิลลี่ขอออกเงินเลี้ยงพี่พีทด้วยก็แล้วกันค่ะ ค่าดอกไม้ที่พี่พีทส่งให้ลิลลี่นี่ มันก็เยอะมากแล้ว”
เสียงที่อ่อนลง สายตาที่อ่อนลง ทำให้พลพงศ์แทบจะร้องไชโยออกมา เขาเดินตามหลังเธอไปยังโรงจอดรถ พยายามซ่อนประกายตาของตนเมื่อเห็นรถสีชมพูจัดจ้าของรสดาภาไว้อย่างมิดเม้น ตัวเขาเองก็ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูเช่นกัน มันไม่ได้กระจอกในสายตาเธอแน่นอน
แต่ยังไงก็สู้รถเฟอร์รารี่คันเดียวในโลกของลูกสาวผู้กำกับฮอลลีวูดไม่ได้หรอก
ลงทุนไปแค่นี้ถือว่านิดหน่อย ถ้าเกิดว่าเขาได้ทำงานระดับโลกขึ้นมา
หึ หึ หึ หึ
สู้ๆ ว่ะ ไอ้พีท