บทที่ 6
ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของรสดาภากับพลพงศ์ก็แทบเรียกได้ว่าก้าวกระโดด ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกัน ตัวติดกันเกือบตลอดเวลา รสดาภาไปรับส่งเขาเพราะ พลพงศ์บอกว่าอยากจะลองรถคันสวยของเธอ เขาเช่าบ้านอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่กับบิดามารดา ที่บอกกับเธอว่าอยู่ต่างจังหวัด
ใครๆ ในมหาวิทยาลัยรู้เพียงเปลือกนอกอันสวยงาม ว่าพลพงศ์เป็นลูกนายทหารใหญ่ ร่ำรวยมาก จากการใช้เงินของเขา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่ง จึงไม่แปลกที่มีสาวๆ มากมายทอดสะพานให้ แต่พลพงศ์ก็เลือกคบคน เขาไม่เคยมีแฟนเลย จนมามีรสดาภานี่แหละ ที่เรียกได้ว่าควงกันอย่างเปิดเผย
แต่ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของเธอซึ่งเป็นที่ซุบซิบกันในหมู่นักศึกษา มันทำให้พลพงศ์ยืดอกไม่ค่อยได้เต็มที่นัก ใครจะรู้สึกภาคภูมิใจกันเมื่อแฟนของตนผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน แม้จะมีเป้าหมายลึกๆ นอกเหนือจากตัวของรสดาภา เป็นบันไดที่อาจจะพาเขาก้าวขึ้นไปยังวงการภาพยนตร์ นั่นเขามีแผนไว้แล้ว และเขากำลังจะใช้ข่าวไม่สู้ดีของหญิงสาวที่แหละ ที่จะเป็นเป้าหมายในการจัดการและทำให้รสดาภายอม
เธอยอมง่าย ได้ง่าย...
ใครว่าง่ายกันวะ เขาเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นาน หมดเปลืองเงินไปตั้งมาก ได้อย่างมากก็แค่จับมือ คบกันมาเกือบสองเดือนแล้ว เขายังไม่ได้หล่อนเลยสักหน
แต่คืนนี้ล่ะเขาจะต้องได้
พลพงศ์คิดกับตัวเองอย่างหมายมาด
ถึงจะเป็นสาวถูกใช้แล้วก็เหอะน่า ยอมๆ ยวนๆ ไป เจ้าหล่อนยังดูเครื่องเคราแน่นหนาใช้ได้ คงจะไม่ซังกะตายนักหรอกวะ
เอาวะ ลูกเขยผู้กำกับฮอลลีวูดเลยนะมึง ทนๆ เอาหน่อย หึ หึ
.........................................................................................................................................................
อัยเรศจิบน้ำผลไม้พร้อมกับมองหญิงสาวที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน วันนี้รสดาภาดูสดใสและสวยเป็นพิเศษในชุดเดรสสั้น แบบของมันเซ็กซี่เพราะเป็นตัวเสื้อคอโอบ เปลือยแผ่นหลังเกือบถึงเอว มีเพียงสายสร้อยมุกเทียมคล้องไว้ เรือนผมยาวรวบขึ้นสูง แต่งหน้าค่อนข้างเข้มกว่าปรกติ ด้วยโทนสโมกี้อาย ยิ่งเน้นความสวยลึกลับแบบสาวลูกครึ่งยุโรป มันเข้ากับสีตาสวยแปลกของเธอมาก กับการแต่งตาสีนี้
รสดาภาสวมรองเท้าส้นสูงแบบสายผูกไขว้สีดำ สูงมาจนถึงหัวเข่าทำให้ขาเธอยิ่งดูสวยเรียวมาก ยิ่งขึ้น เธอสะพายกระเป๋าแบรนหรู เป็นสายโซ่ แบบใหม่ล่าสุดใน shop เครื่องประดับอย่างเดียวคือนาฬิกา ปาเต้ ฟิลลิป คนชอบของระดับไฮเอนจะรู้ดีว่า ราคาของมันแพงลิบขนาดไหน
“คืนนี้กลับดึกไหมลูก”
“ถ้าไม่กลับได้ไหมคะ?”
เธอแกล้งถาม ดูปฏิกิริยาของอัยเรศ แม้จะมีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นไทย แต่เธอก็ได้ใช้ชีวิตในเมืองนอกเสียส่วนมาก รสดาภาจึงมีทัศนคติค่อนไปทางสาวตะวันตกเสียมากกว่าสาวตะวันออก แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้ สาวๆ ตะวันออกก็ใช่ย่อย ดูอย่างเพื่อนสนิทของเธอ เป็นต้น
“ถ้าไม่กลับ...”
ใจอดห่วงวูบไม่ได้ แต่เธอก็ต้องทำใจน่ะ รสดาภาเป็นลูกครึ่ง ชินกับวัฒนธรรมทางโน้นมากกว่า จะให้มานั่งอบรมสั่งสอนกันว่าให้เป็นกุลสตรี ก็คงจะไม่ฟังกันหรอก อัยเรศคิดในใจ
“ป้องกันตัวเองดีๆ ล่ะ เป็นห่วง”
ฟังคำของอัยเรศแล้ว เธอก็อดหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้ รู้ดีหรอกว่าอัยเรศห่วงเธอแบบไหน และแม้จะดูเป็นสาวตะวันตกเต็มขั้น เสรีทุกอย่าง แต่รสดาภาก็ยังเวอร์จิ้น
นั่นก็เพราะเธอหวงตัว และไม่ให้ใครเข้าถึงโดยง่าย จึงยังไม่อยากริลองเรื่องแบบนี้กับใคร ไม่เดือดร้อนด้วยที่ใครนินทาเธอในเรื่องที่ไม่จริง เพราะเธอไม่สนใจใครอยู่แล้ว
“โธ่...” เธอตรงเข้ากอดรัดสตรีที่ถือว่าเป็นแม่อีกคน แล้วจุ๊บแก้มท่านเบาๆ
“กลับสิคะ ชื่อเสียลิลลี่เยอะก็จริง แต่แม่อัยก็น่าจะรู้ ว่าจริงๆ แล้วลิลลี่เป็นยังไง”
“หึๆ ก็เพราะรู้นั่นแหละ อดเป็นห่วงเราไม่ได้หรอก ป้องกันดูแลตัวเองดีๆ เราน่ะมีอะไรหลายอย่างที่เป็นภัยกับตัวรู้ไหม?”
อัยเรศค่อยๆ สั่งสอนคนตรงหน้าตามแบบของเธอ หัวคิ้วของรสดาภาขมวด แล้วถามอย่างสงสัย
“เป็นภัยกับตัว...มันหมายถึงว่า ลิลลี่น่ากลัวสำหรับคนอื่น แบบนี้หรือคะ”
“ไม่ใช่สิจ๊ะ”
อัยเรศหัวเราะ แล้วลูบศีรษะคนที่กำลังทรุดคุกเข่าตรงหน้าเธอเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู
“เป็นภัยกับตัว มันหมายถึง อาจจะพาผลร้ายมาสู่หนู คำไทยเค้ามีไว้ว่า นารีมีรูปเป็นทรัพย์เคยได้ยินไหมจ๊ะ มันหมายถึงผู้หญิงที่สะสวยงดงาม มักจะไม่ค่อยอับจน อย่างสมัยนี้คนก็ใช้ความสะสวยหาผลประโยชน์เงินทองให้ตัวเอง ถ้าป้าจะเปรียบให้ดูง่ายๆ แต่หนูยิ่งมีทั้งรูป มีทั้งทรัพย์ด้วย นั่นแหละบางทีมันก็เป็นภัย รูปที่สวย ดึงดูด ทรัพย์ที่มาก ก็ดึงดูดเช่นกัน มันจะดึงดูดมาทั้งคนดีและคนไม่ดี ให้หนูพินิจ พิจารณาดีๆ”
“แม่อัยจะหมายถึงให้หนูเลือกคบคนใช่ไหมคะ ให้ดูดีๆ ว่าเขาจะมาแบบไหนกับหนู มาหาผลประโยชน์หรือเปล่า”
“ใช่ ถ้าเลือกจะคบใคร ก็ต้องดูให้ดีก่อน แน่ใจก่อน ค่อยไว้ใจ”
อัยเรศเตือน รสดาภาพยักหน้ารับ เธอรักคนตรงหน้ามากขึ้นทุกวัน ท่านดูแล สั่งสอนเธอ ในแบบที่บิดาแท้ๆ ไม่เคยได้สั่งสอนด้วยซ้ำ
“ค่ะ”
“ไปเที่ยวให้สนุกเถอะจ้ะ แต่ถ้าเดือนหน้าไปแล้วงดเที่ยวนะ เพราะจะต้องเตรียมสอบ”
“ค่ะ ลิลลี่จะพยายามกลับไม่ดึกมาก”
เธอยิ้มกว้าง แล้วลุกขึ้นยืน พลางโบกมือให้กับอัยเรศ ด้วยท่าทีสดใส
มองตามหลังสาวรุ่นลูกไปแล้ว อัยเรศก็ถอนหายใจน้อยๆ ข่าวของรสดาภามากเหลือเกิน แต่ถ้าบอกว่ากันตรงๆ ก็คงจะไม่ได้ เธอรู้จักเด็กคนนี้ค่อนข้างดี หลังจากที่อยู่ร่วมบ้าน รบรากันมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มมานี่
รสดาภาไม่ได้ร้ายอย่างที่ใครๆ กล่าวหา เธอค่อนข้างมั่นใจด้วยซ้ำ ว่าแม่สาวคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีภมรมากล้ำกลาย แฟนแม้แต่คนเดียวก็ยังไม่มี แล้วพวกนั้นเอาข่าวเสียหายมากมายมาจากไหนกัน ผู้ชายที่มาแวะเวียนใกล้ชิดเจ้าหล่อน ก็เห็นมีแต่เจ้าหนุ่มที่ชื่อพลพงศ์นั่นคนเดียว เธอก็แอบสืบถามประวัติมาแล้ว ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไว้ใจได้ในระดับไหน
บอกกล่าวเตือนใจกันไปแล้ว ก็หวังว่าลูกสาวเทียมของเธอคนนี้ จะเอาไปใช้ในการเลือกคบคนนะ ส่วนหนึ่งเพราะเลือกคบกับสาวชื่อหึ่งอย่างแพรเพชรล้อมนั่นแหละ ถึงได้มีชื่อเสียตามๆ กันไปแบบนั้น แต่อย่างว่าข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่รู้จริงเท็จ แพรเพชรล้อมเพื่อนสนิทของรสดาภาเธอก็เคยได้เจออยู่หลายหน รวมถึงคริมา สาวประเภทสองที่สวยจัด กิริยามารยาทผู้ดีจนผู้หญิงแท้ๆ ยังอายนั่นอีก ค่อนข้างจะมั่นใจในสายตาของผู้ใหญ่ว่า ทั้งสองคนเป็นคนไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก และรักลูกสาวเทียมของเธอจริงๆ
เออน่ะ...รับฝากเค้ามาปีเต็มๆ รักเป็นลูกสาวไปเสียแล้วเรา
ว่าแต่ลูกจริงๆ ของเธอ คิดแล้วก็ให้นึกหงุดหงิดโมโห พ่อลูกชายตัวร้าย ที่บอกกับเธอว่าจะกลับภายในสองอาทิตย์ แต่ป่านนี้แล้ว พ่อตัวแสบยังไม่กลับสิน่า โทรศัพท์ไปตามตัวเมื่อวันก่อน ก็ยังหัวเราะร่วน แถมยังคุยวีดีโอคอลกับเธอ ให้ดูบรรยากาศบ้านเมืองเสียอีก ล่าสุดอยู่ที่ไหนล่ะนั่น? สเปน หรืออิตาลี
ปล่อยให้คนเป็นห่วง คิดถึง คอยดูนะตากันต์ กลับมาแม่จะแกล้งให้เข็ด
คนที่เธอกำลังคิดถึงนั้น ตอนนี้ บินกลับมาแล้วเงียบๆ อย่างตั้งใจจะเซอร์ไพรส์มารดา เพราะมะรืนเป็นวันเกิดของท่านพอดี