บทที่ 3
หนึ่งปีต่อมา
“จะกลับเมื่อไหร่ตากันต์”
“อีกไม่เกินสองอาทิตย์ครับแม่ พอดีติดงานแต่งเพื่อน ก็เลยกลับช้าหน่อย”
“โอ๊ย...แม่คิดถึงแย่เลย นี่ญาติๆ น้องๆ ก็ถามตลอดว่า กันต์จะกลับเมื่อไหร่ ไม่ห่วงแม่บ้างหรือยังไงกัน”
“ไม่ห่วงหรอกครับ ก็แม่มีเพื่อนแล้วนี่นา”
ดร.กันต์ หยิบแอปเปิลในจานตรงหน้ามากัดกินอย่างอารมณ์ดี เขามาเรียนต่อเพิ่มเติมความรู้ที่รัฐนี้ หลังจากที่คว้าปริญญาเอกมาได้เรียบร้อยแล้ว เพราะต้องไปช่วยมารดาบริหารมหาวิทยาลัยที่ท่านเพิ่งก่อตั้ง อะไรๆ ยังใหม่นัก ขลุกขลักในตอนแรก แต่ห้าปีผ่านไป อัยเรศก็พิสูจน์แล้วว่า นศ.ของเธอมีคุณภาพยอดเยี่ยมในระดับหนึ่ง และยิ่งถ้าได้ลูกชายคนเดียวของเธอ ที่มีมันสมองระดับอัจฉริยะไปช่วยกันพัฒนาแล้วด้วย อัยเรศมองเห็นอนาคตว่า มหาวิทยาลัยคชสีห์ จะต้องติดหนึ่งในห้าของมหาวิทยาลัยระดับประเทศ ผลิตช้างเผือกออกสู่สังคมทำงานแน่นอน
“แหม...” ปลายสายหัวเราะคิก “กว่าจะเข้าที่เข้าทางได้ แม่ก็ปวดหัวอยู่ไม่ใช่น้อยเลยล่ะ”
“น่ารักดีนะครับ หนูลิลลี่ของแม่นี่ ตอนแรกๆ ดื้อน่าดูไม่ใช่หรือครับ ถึงขนาดมีปีนรั้วหนีเที่ยว แม่เองก็ต้องวิ่งเอาก้านมะยมไล่ฟาด หึๆ”
“เฮ้ว...แสบ...ลองดีน่ะ แต่พอพ้นแล้ว เข้าใจกันแล้ว น้องก็น่ารักมากเลยนะตากันต์ นี่ก็เรียกแม่ว่าแม่ทุกคำ”
“แม่มีลูกสาวคนใหม่แล้ว จะลืมผมหรือเปล่าครับนี่”
“ลืมก็คงดี อยากจะไปนานนักนี่ ดีนะไม่เอาลูกสะใภ้แหม่มกลับมา”
“แม่ก็อย่าเตรียมว่าที่ลูกสะใภ้ให้ผมล่ะครับ” ดร.หนุ่มดักคอ
“ผมชอบไปหาเอาเอง”
“ย่ะ...ไม่หาให้หรอก กลัวเอาลูกสาวเค้ามาปวดหัวกับเรา แม่จะรอนะตากันต์ อย่าเบี้ยวแม่ล่ะ”
“ไม่เบี้ยวหรอกครับผม อ้อ...ผมจะหาของฝากไปให้ลูกสาวคนใหม่ของแม่ด้วยนะครับ”
“ย่ะ”
วางสายจากทางไกลไปแล้ว ดร.หนุ่มก็รับสายอีกสายจากเพื่อนสนิท บอกกล่าวว่าจะมารับเขาไปงานสำคัญ เขาลุกขึ้นส่องกระจก ดูเงาสะท้อนของตัวเองอย่างพึงพอใจ
ใบหน้าเรียวได้รูป โหนกแก้มสูงเล็กน้อย รับกับดั้งจมูกที่โด่งเรียว คิ้วเข้มขนาดไปกับนัยน์ตาทรงอัลมอนด์สีนิล ริมฝีปากได้รูปสีสด ราวกับปากผู้หญิง เรือนผมตัดสั้นเสย ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายสุภาพ แต่ประกายวับๆ ในนัยน์ตาคู่สวยนั่น มันก็ทำให้เขาดูขี้เล่นอีกด้วย
ดร.กันต์สวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวดำพับแขน ทับด้วยสเวตเตอร์เนื้อบางสีเลือดหมู กางเกงยีนยาวสีซีด มันดูดีเมื่ออยู่บนร่างเพรียวสูงเกือบร้อยเก้าสิบของเขา ถ้าเป็นคนไทยก็จัดว่าสูงมาก แต่ที่นี่คือความสูงพอจะไล่เลี่ยกับชาวต่างชาติ หุ่นของเขาเพรียวกว่าเพื่อนๆ เนื่องจากกรรมพันธุ์โครงสร้างของชาติพันธุ์
“เฮ้! พร้อมหรือยังกันต์ คืนนี้กับปาร์ตี้สละโสด สาวๆ เพียบเลย”
“หึๆ พร้อมสิ”
เขาตีมือกันกับเพื่อนสนิทจาคอบ ที่มาเคาะประตูห้องเรียก จาคอบมองดร. หนุ่มแบบหัวจรดเท้า ก่อนจะสั่นหน้าน้อยๆ
“เมื่อไหร่นายจะแต่งตัวตามสบายบ้างวะ ดูแล้วน่าอึดอัดว่ะกับเชิ้ตของนายน่ะ ต้องแบบฉันบ้างสิ”
ว่าแล้วก็หมุนตัวให้ดูตนเองในเสื้อยืดสกรีนคำว่า เตรียมพร้อมกับความโสด เสื้อของเขาค่อนข้างบาง แถมมีรอยขาดทำไว้เพื่ออวดเนื้อหนังมังสาของคนใส่อีกด้วย กางเกงฟิตขาเดฟรัดรูป รองเท้าผ้าใบ ยืนเทียบกับดร.กันต์แล้ว ราวกับมาจากคนล่ะที่ก็ไม่ปาน เพราะอีกคนก็เรียบร้อยสุภาพ อีกคนก็เฮ้วเหลือเกิน ดร.หนุ่มเป็นคนที่ใส่กางเกงยีนขาดยังดูสุภาพ เพื่อนของเขาคนหนึ่งเคยว่าไว้ อาจจะเพราะหน้าตาของ ดร.กันต์เองด้วยก็เป็นได้
“ไม่ไหว หายใจไม่ออก กางเกงไซซ์นาย ฉันใส่ไม่ได้”
“หมายความว่ายังไงใส่ไม่ได้”
จาคอบทำหน้าสงสัย เขาใส่กางเกงไซซ์
ใหญ่กว่าดร. หนุ่มด้วยซ้ำไป ดร.กันต์ลดสายตาไปมองบางสิ่งที่เนื้อผ้ารัดติ้วจนโป่งนูนออกมา แล้วเลิกคิ้ว พลางหลิ่วตาให้กับเพื่อน จาคอบถึงกับบางอ้อ ว่าทำไม ดร.หนุ่มถึงจะใส่กางเกงไซซ์เขาไม่ได้
“อวดอ้างจริงๆ นะพ่อหนุ่มเอเชีย”
“หึๆ”
ดร.กันต์หัวเราะเบาๆ โยกตัวหลบมือของจาคอบที่เอื้อมมาทำท่าจะขยี้ผมเขา จาคอบชูนิ้วกลางให้กับเพื่อนแล้วสบถคำหยาบใส่เบาๆ แต่เขาไม่โกรธยังคงยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้มกดลึก ดูเหมือนว่าจาคอบจะเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องขนาดที่สู้เขาไม่ได้จริงๆ
เขาไม่ได้อวดอ้าง...
ดร.หนุ่มคิดในใจพลางอมยิ้ม
“เอ่อ...อย่างว่านายมันไซซ์บิ๊ก ไส้กรอกออฟไทยแลนด์ ไส้กรอกบิ๊กจัมโบ้ ไม่แปลกใจที่สาวๆ ต่อคิวเรียงมายาวเหยียด มาเรียนกล้องบ้าง เรียนกีตาร์บ้างกับนาย เหอๆ”
“อย่ามาสนใจเรื่องไส้กรอกอะไรเลยน่า เป็นอันว่าวันนี้เรามีปาร์ตี้รออยู่ ฉันพร้อมเมาล่ะ นายล่ะ?”
“พร้อมยิ่งกว่าพร้อมในการแฮงค์เอ้าท์ และสาวๆ แต่นายอย่ามาแย่งล่ะเว้ย หนก่อนทีหนึ่งล่ะ แม่สาวผมแดงนั่น หลังจากคลำของนายเข้า ก็ตามนายไปเฉยเลย”
“ฮ่าๆ จาคอบ ฉันไม่ได้มีดีแค่ตรงนั้นสักหน่อย”
ดร.หนุ่มก็ชักจะอาย ที่เพื่อนขยันเอาตรงนั้นมาพูดเหลือเกิน เขาไม่น่าพลาดเมาสลบวันนั้น แล้วให้จาคอบแก้เสื้อผ้าเพื่อแกล้งเขาเลยจริงๆ เลยเห็นหมดว่าอะไรขนาดไหน และตั้งแต่นั้นก็กลายเป็นเรื่องล้อเลียน แต่เขาก็มีโอกาสแก้ลำ เมื่อไปทะเลด้วยกันแล้ว มีโอกาสเห็นของจาคอบบ้าง ขนาดที่ลดหลั่นกว่ากัน แม้จะเป็นหนุ่มเอเชียกับหนุ่มยุโรป ทำให้ดร. กันต์ยืดเบาๆ แถมเกทับอีกด้วย ทำให้จาคอบเสียหน้าเมื่อมาเทียบอะไรกันแบบนั้น
อย่างว่าผู้ชาย แม้จะอยู่ในวัยทำงานแล้วก็ยังบ้าบิ่น ทำอะไรบางสิ่งเหมือนเด็กๆ ดร.กันต์อายุสามสิบปีพอดิบพอดีปีนี้ อายุแก่กว่าเพื่อนสนิทถึงสองปี แต่หน้าตาดันอ่อนกว่าจาคอบเสียอีก นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่จาคอบริษยาหนุ่มไทยเบาๆ
“ไปลุยกันดีกว่า ว่าแต่นายจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่” จาคอบเอ่ยถาม
“อีกสองอาทิตย์”
ดร.หนุ่มยักคิ้ว ในบางมุมของชีวิตเขาก็โลดโผนและใช้มันค่อนข้างคุ้ม เมื่อมาอยู่ในประเทศเสรีทุกด้านแบบนี้
“นายอยากไปไหนบ้างล่ะ กันต์ มอนติคานโลดีไหม สเปน บาร์เซโลน่า ก็น่าจะโอเคนะเพื่อน แถบๆ นั้นยังไม่เคยไปลอง”
“หึๆ นายดูเหมือนจะว่างนะจาคอบ จะจัดทัวร์ส่งท้ายให้หรือยังไง?”
“นายอยากจะพลาดไหมล่ะกันต์ ถ้าจะจัดทัวร์ กิน เที่ยว ปาร์ตี้ กับเลดี้สวยๆ กับนายจริงๆ” ดร.กันต์หัวเราะก่อนจะพยักหน้า
“ไม่ปฏิเสธ ฉันจะไปซื้อถุงยางปาร์ตี้แพครอนายเลยล่ะ”
นี่คือดร. กันต์ อัจฉริยะหนุ่ม ที่มีหลากบุคลิก หนุ่มเรียบร้อยสุภาพ แต่มีนัยขี้เล่น และไม่ใช่แมว หากเป็นเสือร้ายเลยก็ว่าได้
เสือในคราบแมวขี้เล่น...
กำลังจะกลับบ้านฐานถิ่นเกิดแล้ว ชีวิตแบบนี้ของเขาคงจะต้องเพลาๆ ลงบ้าง เพราะถ้ามารดารู้เห็นเข้า ไม่แคล้วเขาคงจะถูกดึงหูยานแน่ๆ