1 ความคิดถึงที่ไม่เลือนหาย
ใต้ท้องฟ้าเดียวกันหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน
ณ อาณาจักรเอเดลริค พระราชวังลิเลียน
มือสีขาวที่นกไนติงเกลสีน้ำเงินหายากเกาะร้องเพลงอยู่เหนือปลายนิ้วเคลื่อนไปที่กรงนกสีทองแวววาว ก่อนหยุดลงหน้าประตูกรงที่เปิดอยู่เพื่อให้นกตัวน้อยกระโดดเข้าไปภายใน แล้วนิ้วเรียวยาวของเจ้าหญิงจึงผละถอยออกมา ดวงตาสีฟ้างดงามราวท้องฟ้าสดใสหม่นหมองลง และไม่ได้เปล่งประกายขึ้นเมื่อนกเปล่งเสียงไพเราะราวกับนกสวรรค์ร่าเริงอยู่ภายใน
หนึ่งเดือนแล้วที่เฟรเดอริคจากโลกนี้ไป และหนึ่งเดือนแล้วเช่นกันที่เจ้าหญิงโอเดท เอเดลลามาอยู่ที่พระราชวังลิเลียนแห่งนี้ วังที่สร้างด้วยหินอ่อนขาวละเอียดทั้งหลัง งดงามอ่อนหวานราวเจ้าหญิงในชุดสีขาวบอบบางเหนือหน้าผาและยอดเขาที่มองลงไปเห็นท้องทะเลสีฟ้าหม่นเบื้องล่าง ห่างไกลจากเมืองหลวงใหญ่แห่งเอเดลริคที่เจ้าชายซิกฟริดจากมา
หลังจากเจ้าชายซิกฟริดวางมงกุฏต่อหน้าราชินีแคทเธอรีนผู้เป็นมารดา สละตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาทเพื่อหมั้นกับโอเดทเจ้าหญิงจากอาณาจักรอาถรรพ์ที่ทุกคนหวาดผวา เขาก็พาเธอมาที่นี่เพื่ออยู่กับเธอสองคนเท่านั้น เขารักเธอพอจะปฏิเสธบัลลังก์และอนาคตข้างหน้า
ทว่าถึงที่นี่จะเงียบสงบและงดงามแค่ไหนหัวใจของเจ้าหญิงกลับรู้สึกอีกอย่าง เมื่อไม่ได้เห็นดวงตาสีอะเมทิสซีดจางที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจนั้นก็ราวกับการลืมตาตื่นขึ้นในแต่ละวันไม่มีความหมาย
มืออันงดงามเยือกเย็น เสียงกระซิบมนตร์ราวดนตรีลึกลับขณะแววตาหม่นและนิ่งงันสะกดเธอไว้ เพื่อที่มนตร์ราวกับความฝันจะเปลี่ยนชุดสีขาวบนร่างให้งดงามยิ่งกว่าชุดใดในโลก วันคืนราวกับความฝันมืดหม่นนั้นผ่านไปแล้ว และทั้งที่คิดว่าเป็นฝันร้ายหากทว่าเวลานี้กลับอยากโอบกอดไว้ยิ่งกว่าสิ่งใด
...ราวความฝันงดงามนิ่งงันที่ไม่อยากให้ใครมาพรากจากไป...
ไม่มีอ้อมแขนเยือกเย็นและแววตาราวห้วงน้ำนิ่งที่รั้งเธอไว้เคียงข้างตลอดหนึ่งพันคืนอีกแล้ว และเวลาที่ราวตกอยู่ใต้พันธนาการแห่งปีกสีดำก็ราวกับฝันไป..
...เฟรเดอริค ลาเมนเทียคนนั้นจากไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม...?
“คิดอะไรอยู่? ” เสียงทุ้มอบอุ่นราวแสงแดดหลังคืนหนาวยาวนานเอ่ยทัก ชิดใกล้ราวกับใบหน้างดงามของเจ้าของคำถามลอยอยู่เหนือหัวไหล่ โอเดทกระพริบตาเมื่อมืองดงามของร่างสูงเคลื่อนมาหยุดต่อหน้าและลงกลอนประตูกรงนกให้ “เจ้าเหม่อลอยอีกแล้ว หรือว่าเจ้าไม่สบาย”
“งั้นหรือ...ขอโทษที” เจ้าหญิงตอบได้เท่านั้นก่อนนิ่งไป
...ก็แค่คิดถึงเทวทูตผู้ราวกับแสงจันทร์เย็นชา ทว่าจะบอกเจ้าชายได้อย่างไร วันคืนที่ผ่านไปเธอไม่อาจหยุดคิดถึงดวงตาราวอะเมทิสเหน็บหนาวนั้น เฟรเดอริคเป็นอย่างไรบ้างนะในโลกห่างไกลที่เธอยังไปไม่ถึง กระนั้นยังรักทั้งที่ไม่มีวันรักได้
เจ้าหญิงหายใจสะดุดเมื่อมือของร่างสูงเคลื่อนรั้งข้อมือของเธอไว้ ก่อนพลิกให้ร่างในชุดสีฟ้าราวท้องทะเลกลับหลังหันไปหา ใช่...ชุดของเจ้าหญิงไม่ใช่สีขาวเหมือนเช่นหนึ่งพันคืนก่อนอีกต่อไป คืนต้องสาปที่มืองดงามราวรูปสลักสัมผัสร่างเพื่อเปลี่ยนชุดสีขาวงดงามให้
ทว่าวันนี้ซิกฟริดไม่ได้ให้เธอใส่ชุดขาวอีกแล้ว เขาภูมิใจได้คลายคำสาปและสังหารพ่อมด หลังจากนั้นชุดขาวก็ราวกับสิ่งต้องห้ามที่เขาไม่อยากให้เธอคิดถึงอีก เจ้าหญิงในวันนี้จึงสวมชุดหลายสีต่างกันไปในแต่ละวันโดยเฉพาะสีฟ้า สีที่งดงามราวท้องทะเลในไอหมอกเป็นสีที่เจ้าชายพอใจ
“ไหน ให้ข้าดูสิ” นิ้วเรียวยาวรั้งอีกร่างเข้าใกล้ จ้องมองด้วยความห่วงใย “บอกข้าสิว่าเจ้าเป็นอะไร”
แล้วดวงตาราวอะความารีนแห่งท้องทะเลหม่นลงเช่นกัน “ข้าสังหารพ่อมดชั่วร้ายเลยทำให้เจ้ากลัวใช่ไหม เจ้าคงไม่เคยเห็นการฆ่าที่โหดเหี้ยมเช่นนั้น”
ทว่าเจ้าหญิงก้มหน้าเสมองไปอีกทาง ดวงตาวูบไหวและเยือกหนาวไปทั้งร่าง เฟรเดอริคตายแล้ว และหัวใจของเธอเองก็เช่นกัน...
แล้วร่างราวรูปสลักนางฟ้าผละจากสัมผัสอุ่นที่ต้นแขนก่อนนิ่งมองนกในกรง ที่นี่มีกรงนกมากมาย อีกทั้งประดับด้วยสวนกว้างงดงามราวความฝัน อาจไม่มีวังใดในเทพนิยายเหมือนวังแห่งนี้อีกแล้วที่สะสมนกหายากไว้ในกรงแวววาวนับร้อยพัน
“บางทีข้าก็คิดถึงนกเหล่านี้ที่ถูกขังเอาไว้” เสียงใสทว่าหมองหม่นพึมพำ เคลื่อนนิ้วเปิดประตูกรงนกตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตาหม่นเศร้าเมื่อเห็นปีกสีฟ้าไม่ขยับไปไหน “ทำไมนะ ถูกกักขังไว้นานขนาดนี้แต่พอเปิดประตูกรงให้กลับไม่รีบบินออกไป ราวกับพอใจที่ถูกกักขัง...”
แน่นอน...เจ้าหญิงนึกถึงตัวเองด้วย แต่ก่อนอยากหนีจากคำสาป ทว่าเมื่อเป็นอิสระกลับรู้สึกราวกับนกที่อยากอยู่ในกรงสีดำของเฟรเดอริคตลอดไป
“เจ้าไม่ได้ตกอยู่ใต้คำสาปอีกแล้ว เจ้าเป็นอิสระอยู่เคียงข้างข้า ลืมแล้วหรือ” มืออุ่นแข็งแรงบีบรั้งต้นแขนเจ้าหญิงแผ่วเบา “เจ้าอาจแค่ยังฝันร้ายที่ตลอดหนึ่งพันคืนเคยถูกสาป แต่วันนี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว เจ้าได้มอบหัวใจให้ข้า และข้าจะปกป้องเจ้าตลอดไป”
“ข้า...”