บทนำ Once Upon a Time
กาลครั้งหนึ่งในยุคแห่งเทพนิยายที่แสนห่างไกลพ่อมดใจร้ายได้ลักพาตัวเจ้าหญิงแสนสวยองค์หนึ่งมาอาณาจักรเธอ เขาสาปเธอให้เป็นหงส์ขาว ให้อยู่ใต้พันธนาการแห่งปีกขาวในเวลากลางวันและคืนร่างเป็นเจ้าหญิงเพื่ออยู่เคียงข้างเขาในเวลากลางคืน ทว่าทั้งที่นึกว่าเกลียดเธอเขากลับรักเธอ หัวใจที่มืดดำเช่นเดียวกับเลือดในร่างกายปรารถนาให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไปเท่านั้น
ทว่าเจ้าหญิงเกลียดพ่อมด เกลียดความเย็นชาและเหน็บหนาวที่พันธนาการเธอไว้ แล้วเมื่อหนึ่งพันคืนผ่านไปเจ้าหญิงก็ได้พบรักกับเจ้าชายทั้งสองนัดหมายกันที่งานเต้นรำเลือกคู่ ที่ซึ่งเจ้าชายจะสาบานรักกับเจ้าหญิงและทำลายคำสาป ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าพ่อมดเฟรเดอริคในร่างแปลงสง่างามของพ่อมดอัลเบริชจงรักภักดีกับเจ้าชายยิ่งกว่าผู้ใด
แล้วในงานเต้นรำเจ้าหญิงกลับพบว่าเจ้าชายมีคู่เต้นรำอยู่แล้ว เจ้าหญิงตัวปลอมที่หน้าตาราวกับเธอไม่ผิดเพี้ยนกำลังเต้นรำกับเจ้าชาย แล้วเธอที่ดูราวหงส์ดำก็ได้ขโมยคำสาบานรักที่เจ้าชายควรให้กับเธอไป เจ้าชายได้สาบานออกไปเสียแล้ว ไม่ได้สาบานว่าจะรักโอเดทหากทว่าสาบานจะรักโอดิลตลอดไป
หากแต่โอดิลไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งเทพนิยาย เธอเป็นแม่มดร้ายที่ทั้งยามหลับตื่นได้ยินแต่เสียงกรีดร้องโหยหวนและร่ำไห้ นั่นเพราะนักเวทย์ที่เธอรัก เพื่อนพี่น้องและทุกคนในอาณาจักรของเธอได้ถูกทำลาย เปลวไฟที่เผาไหม้ เลือดที่สาดกระจาย...ทุกสิ่งที่เธอรักมลายหายในคืนเดียว และนั่นก็ทำให้แม่มดที่ร่าเริงอย่างเธอกลายเป็นแม่มดแดงที่โกรธเกรี้ยวและโหดร้าย...
แต่ถึงเจ้าชายจะหลงกลแม่มดโอดิลและเฟรเดอริคพี่ชายของเธอ สุดท้ายเทพนิยายก็คือเทพนิยายที่จะถูกจดจำไว้ตลอดไป เรื่องราวของเจ้าหญิงหงส์ขาวจบลงที่เจ้าชายสังหารพ่อมดและคลายคำสาปให้เจ้าหญิง ถึงเทพนิยายอีกฉบับที่เก่าแก่กว่าจะเล่าว่าเจ้าชายถูกพ่อมดฆ่าตายก็ตาม ทว่าใครจะรู้ความจริงเบื้องหลังเทพนิยายที่เล่าต่อกันมานานแสนนานขนาดนั้น
แล้วสุดท้ายโลกส่วนใหญ่ได้เลือกจดจำเทพนิยายที่ร่าเริงที่บอกว่าเจ้าชายฆ่าพ่อมดและได้ครองรักกับเจ้าหญิงตลอดไป ถูกต้องแล้ว...นั่นเป็นเทพนิยายที่ดี ทว่าสำหรับหลายคนมันอาจฟังน่าเบื่อแทบตาย
อย่างไรก็ตามเทพนิยายไม่ได้บอกเล่าทุกสิ่ง อีกทั้งกาลเวลายาวนานมักบิดเบือนความจริงให้ผิดเพี้ยนไป ในที่สุดความจริงอันแสนแปลกจึงได้เปิดเผยตัวเอง เจ้าหญิงโอเดท เอเดลลารักพ่อมดเฟรเดอริค ลาเมนเทีย ทว่าเพราะเขาภักดีกับเจ้าชายซิกฟริดเช่นกันจึงได้มาถึงฉากจบของเทพนิยายที่พ่อมดอันมืดหม่นเลือกไว้ นั่นคือเลือกให้เจ้าชายสังหารเขา และส่งมอบเจ้าหญิงให้ครองรักกับเจ้าชายตลอดไป
ทว่าเฟรเดอริคกลับไม่ตาย เขาเพียงแค่จากไปพร้อมหัวใจที่ยังรักเจ้าหญิงไม่เสื่อมคลาย เทพนิยายสีดำจบลงแล้วหลังจากความมืดมิดที่แสนยาวนาน ทว่าสีแดงฉานแห่งดอกกุหลาบเพิ่งเริ่มเริงระบำเท่านั้น...
เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นอีกแล้ว...
เสียงร้องโหยหวนและการเข่นฆ่าเริงระบำอยู่เช่นนั้นในความทรงจำไม่ว่าจะพยายามลืมเลือนอย่างยากเย็นแค่ไหน... อีกทั้งเลือดที่สาดกระจายและเปลวไฟ...
บาลเธียสูญสิ้นแล้ว ไม่มีอีกต่อไป
ดวงตาสีอัญมณีอะเมทิสของใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดา ทว่าเวลานี้เจือด้วยสีเรื่อแดงราวกุหลาบเลือดและเปลวไฟเปิดขึ้นในความเงียบราวกับสุสาน เลยออกไปยังระเบียงหินเย็นเยียบภายนอกสายลมยังพัดราวเริงระบำในงานเฉลิมฉลองแห่งฟากฟ้า คล้ายกับไม่รับรู้ว่าโลกเบื้องล่างเป็นเช่นไร
...ไม่ได้รับรู้ว่าทุกสิ่งที่รักและควรค่าแก่การปกป้องรักษาด้วยเลือดทุกหยดในร่างสูญสลายไปหมดแล้ว…
“ตื่นแล้วหรือโอดิล” เสียงทุ้มแผ่วดังขึ้นข้างหูแม่มดที่เพิ่งลืมตา อ่อนโยนทว่าเยือกเย็นราวกับสายลม ดวงตาสีอะเมทิสเจือแดงของใบหน้าสวยหวานกระพริบเชื่องช้าขับไล่ความง่วงงุนและพร่าเลือน เพื่อที่จะเห็นใบหน้าที่ดูราวกับเทวทูตงามสง่าเหนือขึ้นไปมองลงมา
“พี่เฟรเดอริคคะ” ริมฝีปากงดงามราวกลีบกุหลาบเอ่ยเรียกพี่ชายหลังนิ่งงันไปชั่วขณะ เหม่อมองใบหน้าสง่างามน่าหลงใหลที่ลอยอยู่ชิดใกล้
จริงสิ เธอหลับไปบนตักอันอบอุ่นของพี่ชายและเพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น ไม่รู้เลยว่าหลับไปนานเท่าไหร่ มือเรียวเล็กยังอยู่ในอุ้งมืออุ่นใหญ่ที่งดงามราวหินอ่อนสลักชั้นดี และมือนั้นบีบแผ่วกระชับมือของเธอไว้ มอบสัมผัสราวอาบแสงจันทร์เยือกเย็นในคืนฤดูร้อนแสนสั้นที่น่าหลงใหล...
ถูกต้องแล้ว มือของเฟรเดอริค ลาเมนเทียไม่ได้เยือกเย็นดังเช่นหนึ่งพันคืนก่อนอีกแล้ว นั่นเพราะเขากลายเป็นพ่อมดขาวที่ทรงพลังและสง่างามจนไม่อาจอธิบายได้ จริงอยู่ก่อนหน้านั้นเขาจมดิ่งอยู่ในความเศร้าล้ำลึกในฐานะพ่อมดดำ ทว่าเมื่อหนึ่งพันคืนผ่านไปเขากลับกลายเป็นสิ่งที่นักเวทย์ทั้งหมดรู้สึกอัศจรรย์ หากจะมีนักเวทย์เหลืออยู่บ้างจากคืนสังหารที่จบสิ้นความเป็นบาลเธียทั้งหมดนั้น
พ่อมดขาวหมายถึงความสว่างไสวและพลัง...ถึงแม้ว่าเฟรเดอริคจะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งนั้นก็ตาม
แว่วเสียงสายลมพัดผ่านความเงียบ โอดิลหลับตาลงอย่างหม่นเศร้าอีกครั้ง “จริงสินะ ที่นี่คือบาลเธีย”
วันนี้คือวันแรกหลังจากคืนเต้นรำที่แสนงดงาม คืนที่เธอปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงโอเดทในชุดดำก่อนจะเต้นรำกับเจ้าชายซิกฟริดและหลอกให้เขาสาบานรักด้วย แต่เธอกลับเสียทีถูกหลอกและทำร้าย เธอเป็นแม่มดแต่กลับเสียทีต่อเจ้าชายแบบนี้...ต้องเรียกว่าเสียหน้าไม่ใช่หรืออย่างไร
และเพราะพี่เฟรเดอริคเลือกมอบเจ้าหญิงให้กับเจ้าชายพี่ถึงได้กลับมาที่บาลเธียแห่งนี้ อาณาจักรแสนเศร้าที่ไม่เหลือสิ่งร่าเริงใดๆ และที่นี่ก็คือภายในวังแห่งราชาวิลเฮล์ม เอเดลลาที่เฟรเดอริคเคยทุ่มตัวทุ่มใจรับใช้ วังอันเปล่าร้างที่เมื่อหลายปีก่อนยังเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนและเลือดที่สาดกระจาย
“เจ้าหลับไปทั้งวันเลยทีเดียว ข้ากำลังเป็นห่วงว่าเจ้าอาจไม่สบาย” เฟรเดอริคเอ่ยอย่างห่วงใย ทว่าโอดิลเพียงเหม่อมองใบหน้าราวเทวรูปสลักที่สง่างามอย่างลี้ลับ พี่ชายไม่ได้ดูหมองเศร้าเหมือนเช่นขณะที่เป็นพ่อมดดำอีกแล้ว หากแต่ดูสงบนิ่งราวดวงจันทร์เงียบงัน สว่างเยือกเย็นในแบบที่ไม่อาจมีสิ่งใดทำให้หม่นหมองได้
โอดิลหลับตาลงอีกครั้งเมื่อมืออุ่นงดงามของร่างสูงสัมผัสแก้มสีชมพูเรื่อราวกับตรวจหาพิษไข้ “เจ้าคงเต้นรำมากเกินไป ข้าทำให้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ข้าขอโทษ และข้าจะไม่ลืมที่เจ้าเคยช่วยข้าไว้”
“อย่าขอโทษข้าและอย่าขอบใจ ข้าเริงระบำได้ร้อยวันร้อยคืนพี่ก็รู้ดี อีกอย่างทำไมข้าจะไม่อยากช่วยพี่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจล่ะ พี่ชายคนเดียวในโลกที่แสนมืดหม่นของข้า...”
“เจ้าก็เหนื่อยเพื่อข้าอยู่ดี”
“เปล่าเลย ก็แค่...คิดถึงอดีต” แล้วดวงตาของแม่มดหม่นหมองลง มือสีขาวงดงามราวกับวาดของตัวเองเคลื่อนขึ้นแนบลำคอภายใต้เส้นผมสีเที่ยงคืน ที่ซึ่งมือของเจ้าชายได้ปักขนหงส์ลง
ความเจ็บแปลบที่วาบไปทั้งร่าง ดวงตาสีฟ้าที่เยือกเย็นและนิ่งงัน เธอจำทุกอย่างในคืนนั้นได้ดี และเป็นเพราะเธอเองที่ทำให้เจ้าชายผู้ร่าเริงกลายเป็นเจ้าชายแห่งความมืดที่ประดับประดาหัวใจด้วยความเกลียดชังเช่นนี้... ทว่าไม่มีสิ่งใดจะน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าการเสียรู้ให้เจ้าชายอีกแล้ว...
“เจ้าดีกับข้าเสมอ นอกจากเจ้าที่เป็นน้องข้าก็ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้” เสียงของพี่เรียกแม่มดกลับมาจากความทรงจำ
“ข้าก็เช่นกัน ข้าไม่มีใครนอกจากพี่” แล้วเธอพลิกร่างเพื่อซุกตัวในอ้อมแขนอุ่นและกอดไว้
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ โอดิลคิดว่างานเมื่อคืนช่างเป็นงานช่วยพี่ชายที่แปลกประหลาดเสียจริง ปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงโอเดทในชุดดำเพื่อเต้นรำกับเจ้าชาย ก่อนที่แม่มดแดงที่ร้ายกาจอย่างเธอจะถูกลวงเสียป่นปี้
ใช่แล้ว เธอไม่เคยพ่ายแพ้แก่ใครเลยนอกจากเจ้าชายซิกฟริดคนนี้ และนั่นก็เป็นเรื่องน่าขายหน้าสิ้นดีสำหรับนักเวทย์ตระกูลลาเมนเทียที่สูงส่งอย่างเธอ
“เจ้าจะไม่เป็นไร เรายังมีกันสองคน ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นและอยู่กับข้าตลอดไปที่นี่ ถ้ายังเหนื่อยก็หลับต่อสิ พี่คนนี้จะดูแลเจ้าเอง” แขนของร่างสูงสง่าในชุดดำเคลื่อนโอบกอดคนที่นอนอยู่บนร่าง ก่อนไล้มือและนิ้วเรียวยาวงดงามไปตามเส้นผมสีดำสนิทราวเที่ยงคืน
ทว่าใบหน้าราวนางฟ้าแห่งความมืดยังเพ่งมองเงามุมห้องอยู่เช่นนั้น ก่อนที่อีกชั่วครู่ร่างที่ยังอยู่ในชุดเต้นรำเมื่อคืนจะลุกขึ้นและเดินออกห่าง
“เจ้าจะไปไหน” เฟรเดอริคเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ ก็แค่อยากไปให้ไกลแสนไกล”
“ทำไม”
“ที่นี่ไม่มีสิ่งใดสำหรับข้า” แม่มดเอ่ยตอบพี่ชาย “ข้าจะไปจากบาลเธีย”
คำตอบของแม่มดทำให้ร่างสูงนิ่งงัน มืออุ่นกลับเยือกเย็นเมื่อเคลื่อนรั้งข้อมือเล็กบางนั้น
“ไม่ อย่าไป” มือใหญ่รั้งข้อมือที่เล็กกว่าของอีกร่างมาไว้ข้างกาย “ข้าไม่มีใครอีกนอกจากน้องสาวคนเดียวอย่างเจ้า เราเป็นมาเกียสองคนสุดท้าย อยู่เคียงข้างข้าไม่ได้หรือ”
ทว่าโอดิลส่ายหน้า ยิ้มปริร้าวราวดอกกุหลาบที่ถูกสายลมแรงพัดกลีบปลิดปลิวไป “ข้าจะไม่เป็นไร ข้าโตแล้ว พี่ไม่จำเป็นต้องห่วงข้า”
นิ้วเรียวยาวที่รั้งมือน้องไว้เยือกเย็นลงอีก นิ่งงันชั่วครู่ก่อนจะค่อยคลายเมื่อมือที่อยู่ภายในดึงตัวเองออกไป เขารู้ดี โอดิลไม่ใช่เด็กอีกแล้ว และบางทีเธออาจไม่ต้องการอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกต่อไป
แล้วร่างราวนางฟ้าแห่งเวลาเที่ยงคืนเดินจากไป ลับหายสู่เงามืดแห่งปราสาท ทิ้งไว้เพียงกลีบกุหลาบแดงบนพื้นที่ถูกสายลมพัดปลิวกระจายและเสียงแผ่วราวกับกระซิบที่แว่วหาย
“ลาก่อนพี่ชายของข้า เฟรเดอริค ลาเมนเทีย”