บท
ตั้งค่า

EP.4 | การซักซ้อมสกินชิพ

@บ้านพักตากอากาศ ณ จังหวัดหนึ่ง

"ต้องนอนห้องเดียวกันด้วยหรอ" ฉันเอ่ยถาม เพราะยังไงคุณภริศก็ดูเป็นคนมีวิจารณญาณ ไม่น่าตัดสินใจอะไรเพราะอารมณ์หรือตัณหาชายวัยกลางคน

"ลองดูครับ จะได้รู้ว่าเรานอนห้องเดียวกันได้มั้ย ลดปัญหาเรื่องข่าวหลุดว่าเราแยกห้อง"

ทันทีที่มาถึงบ้านพัก เรื่องที่ งง ของ งง คือ แม่บ้านที่นี่ช่วยเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้พวกเราแล้ว ถึงจะเป็นชุดเหมือนไปร้านนวดก็เถอะ แต่ก็ดูว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนลงดีเทลในการทำทุกสิ่ง

เสื้อผ้าฝ้ายตัวใหญ่สำหรับเขาทำให้ดูเป็นคนธรรมดามากขึ้น แต่ความหล่อก็ไม่ลดลงนะ

"เรามาเริ่มกันเลย" เขาพูดขึ้น ขณะนั่งลงที่เตียงนอน

"ระ....ระ...เริ่ม...เลยหรอ ขอเวลาเตรียมใจหน่อยสิคะ ถึงไงฉันก็เป็น ผู้หญิงนะ"

"อ่อ ขอโทษที ผมเผลอพูดไปโดยไม่อธิบายก่อน"

"จะทำอะไรคะ"

"แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว"

"อ๋ออออออ"

"นึกว่าเรื่องนั้นหรอครับ"

"ก็...ก็ใช่สิคะ เล่นพูดแบบนั้น หลังจากที่เราคุยกันเรื่องนอนด้วยกัน"

"หัวผมคิดไปเรื่องอื่นน่ะ"

"จะบอกว่า หัวฉันคิดแต่เรื่องนี้หรอคะ แหม...แรงนะคะ"

"ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ" เขาเกาหัวแกรกๆ แล้วเชิญฉันนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

ฉันนั่งลงกับเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่มีฟูกนุ่มๆรองรับ มันน่านอนมากจริงๆ

เราแลกเปลี่ยนเรื่องเล็กๆน้อยๆของกันและกัน อันที่จริงมันเรื่องทั่วไปมากเสียจนหาอ่านตามบทสัมภาษณ์ของฉัน หรืออาจจะให้เลขาทำมาให้ก็อาจเจออะไรที่น่าสนใจกว่าที่เราคุยกัน

"พี่ภริศคะ"

"ครับ!!!"

สีหน้าดูตกใจตอนฉันเรียกเขาแบบนั้น

ฉันเลยยิ้มให้เขา

"ซ้อมเรียกค่ะ เป็นภรรยาเรียกประมาณนี้ดีมั้ยคะ"

"อ่ะ ครับ"

ชอบปฏิกิริยาของจัง มันดูแบบชวนให้คิดได้ว่า เขาไม่น่าใช่พวกผู้ชายเจ้าชู้ที่มีหญิงล้อมหน้าล้อมหลัง

"ไหนบอกเป็นคนสบายๆ ทำไมเรียกแค่นี้ต้องเขินด้วยคะ ทำฉันเขินไปด้วยเลย พี่ก็ลองเรียกฉันดูก็ได้ แบบ 'ที่รักครับ' อะไรแบบนี้"

"ทะ...ที่รักครับ" เขาแอบหลบตาด้วย

"คุณทำหน้าแบบนั้น ฉันพลอยเขินไปด้วยเลย

อีกอย่างนะคะ เราคงต้องสกินชิพกันบ่อยๆ จะได้ไม่โป๊ะ

เอางี้ ยังไงๆก็จะเป็นสามีภรรยาจริงๆ ดังนั้น ไปสุดแค่ไหนดีกว่า เราจะไปถึง.....เลยมั้ยคะ"

คุณผู้บริหารหน้าเปลี่ยนเลย พอฉันพูดแบบนั้น

สีหน้าเหมือนคนดุๆ ที่นั่งหัวโต๊ะประชุม แววไม่โอเคกับข้อเสนอแนะบางอย่าง

"อย่าเอามาพูดเล่นนะครับ ผมจะไม่แตะต้องตัวเฌอหากไม่จำเป็น คุณวางใจได้"

คุณภริศเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง ทำหน้าจริงจังอยู่

"อย่าโกรธเลยนะคะ แค่ประชุมเอง" ฉันขอโทษเขาผ่านน้ำเสียงที่ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกนะ เสียงสองน่ะ

เขาหันมามองฉัน แล้วก็ยิ้มแบบใจดีให้อีกแล้ว

"ไม่ได้โกรธ ขอโทษที่อาจจะทำหน้าดุ ผมมีน้องชายน่าจะไล่ๆกับคุณ บางทีก็เผลอทำตัวแบบพี่เกินไปหน่อย"

พอรู้ว่าไม่ใช่อารมณ์โมโห ก็พอไปต่อได้หน่อย เพราะฉันก็กลัวนะ เวลาเจอคนทำหน้าแบบนั้นใส่แล้วดูท่าว่าคนผิดจะเป็นฉันน่ะ

"จับมือ จับหน้า จูบ นั่งตัก เท่านี้ค่ะ ที่คิดว่าพอรับได้ มากกว่านี้ว่ากันไปตามหน้างาน" ฉันสรุปให้ เพราะไม่ยากให้คุยยืดเยื้อ

"อุ้มได้มั้ย" เขาถาม

"อุ้ม? .... ได้ ไม่ซีเรียส" ฉันคิดนิดนึง แต่ก็ดูท่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลยตอบรับ

"โอเค ผมจะอุ้มคุณ"

คุณพี่เหมือนมีระบบปฏิบัติการสั่งงานว่า ให้ทดสอบ เขาลุกเดินมาอุ้มฉันทันที

"ว้าย! เอาจริงเลยหรอคะ"

"ฝึกสกินชิพไง ผมมีแต่เพื่อนสนิทๆ เลยรู้สึกว่าเราเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันจริงๆ

คงต้องสกินชิพบ่อยๆ ไม่งั้นคงไม่ชิน"

ร่างสูงที่เข้าใจมาตลอดว่าคงผอมๆ

พอโดนอุ้มจนชิดหน้าอกแข็งๆ ของเขาแล้วก็รู้เลยว่า....จ้า....แน่นมาก....

เพียงแป๊บเดียว ร่างเล็กก็ลอยจากที่หนึ่งไปอีกที่ ฉันถูกวางที่เตียง แล้วเขาก็ดึงผ้าห่มมาห่มให้ แล้วจุ๊บหน้าผากหนึ่งที

"ถ้าไม่รู้ว่าคุณเป็นประเภทเอาจริงเอาจัง จะนึกว่ากำลังรุกใส่นะคะ"

"ดีครับที่รู้"

"รู้ว่ารุกใส่น่ะหรอ"

"ไม่ใช่สิ ที่รัก" เขาพูดพลางยิ้มให้ คงกำลังชื่นชมตัวเองอยู่

"โห...ซ้อมใหญ่เลยหรอคะ"

ฉันลุกจากที่นอนแล้วคลานไปหาเขาที่ยืนอยู่ปลายเท้า ตีฟูกให้เขานั่งลง

คุณพี่ก็เชื่อฟัง

ฉันลุกไปนั่งตัก เหยียดขาไปกับที่นอน หันไปกอดคล้องคอเขา แล้วจุ๊บแก้ม

"เราต้องทำสำเร็จแน่เลยค่ะพี่ภริศ"

"อะแฮ่มๆๆๆ" เขากระแอมหนัก

"เขินใช่มั้ย" ฉันถาม

"....." เขาพยักหน้า

"อุ้มอีกทีๆ สนุกดี"

คนตัวโตอุ้มฉันขึ้นแบบสบายๆ เดินในห้องนอนวนไปมา ฉันกอดคอเขาไว้แบบนั้น

แล้วเขาก็พูดขึ้นมา

"ที่รักๆๆๆ"

"ฮ่าๆๆๆ ไม่คิดว่าการแต่งงานกับคุณจะสนุกได้เลยนะ สงสัยฉันคิดผิด"

"เรามาสนุกด้วยกันเถอะ สองปีเอง"

"พี่มีแฟนอยู่แล้วใช่มั้ย เลยอยากออกจากการถูกควบคุม"

"ไม่มี ผมโสด"

เขาอุ้มเดินไปมา ตอนนี้เหมือนคนออกกำลังกายมากกว่าสามีภรรยาที่เต็มไปด้วยความรัก

"หรอ...แปลกแฮะ....หรือไม่ได้ชอบผู้หญิง ที่บ้านไม่โอเค"

"เปล่า ผมชอบผู้หญิงนี่แหล่ะ ไม่มีแฟนเพราะมีแต่เพื่อน เพื่อนเยอะด้วยนะ"

"หรอ...อื้อ เอาเถอะค่ะ พี่คะ ช่วยพาน้องไปวางที่เดิมได้มั้ยคะ" ฉันรู้สึกตลกที่เราต้องคุยกันท่านี้

เขาเดินมาที่ข้างเตียง แล้วค่อยๆวางฉันลง จุ๊บหน้าผากราวกับเป็นเทคสองของการแสดง

"ไว้วันหลังซ้อมจูบกันนะคะ วันแต่งต้องใช้"

"อ่าครับ"

แล้วการนอนหลับข้างกันก็ไม่ยากอย่างที่คิด เขาเป็นคนง่ายๆสบายๆจริงขัดการภาพที่เห็นกับตำแหน่งงานเขาสุดๆด้วย

-------

Parit's Insight

ตอนที่แผนเปลี่ยนจากแต่งแต่ในนามมาเป็นแต่งจริงๆ ผมก็แอบเครียดนิดหน่อย เพราะนึกสภาพหนักหน่วงของชีวิตคู่ของคนแปลกหน้าที่มีต่อกัน แถมดูอารมณ์เฌอวันนี้แล้ว เรียกว่าไม่ใช่งานง่าย

การตัดสินออกจากออฟฟิศเพื่อมาใช้เวลาด้วยกันเป็นความคิดที่ถูกจริงๆ เธอทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นไปหมด แถมยังร่วมมืออย่างดี แบบนี้สองปีเราคงผ่านมันไปได้ ผมจะได้รับอิสระที่ผมโหยหามาตลอด

เมื่อกี้ พอเธอบอกให้เราลองฝึกสกินชิพกัน

ผมรู้สึกโชคดีทันที ไม่ใช่เรื่องที่จะแตะนื้อต้องตัวเธอแบบนั้นนะ

แต่ที่ว่าโชคดีคือ ผมคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ดีนะที่คนที่แต่งงานด้วยเป็นอดีตนักแสดงสาว เธอคงเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากการทำงาน

พอลองทำจริงๆ ถึงผมจะเป็นผู้ชายที่โตกว่า ก็ยังเขินเลย ก็ต้องยอมรับว่า เฌอเป็นคนที่สวยมากจนละสายตาจากไปได้ยาก

เราซ้อมหลายอย่าง แต่ที่ซ้อมใหญ่สุดคงเป็นเรื่องการนอน

คืนนี้เป็นคืนแรกที่เรานอนด้วยกัน มันช่างยากลำบากเหลือเกิน ผมกลัวจะเผลอไปโดนตัว หรือกินที่ หรืออาจจะ...เผลอไปกอดเพราะนึกว่าเป็นหมอนข้าง

คนเรานอนคนเดียวมาตั้งเกือบ 30 ปี ถ้าไม่นับวัยทารก จู่ๆจะมามีสิ่งมีชีวิตมาอยู่ข้างๆ และห้ามไปเผลอโดนด้วย

ขอให้ผมผ่านไปได้เถอะ

เพราะดูทรง น้องจะผ่านไปสบายแล้ว หลับไม่สนใจอะไรเลย แม้กระทั่งอาณาเขตของเราที่ตกลงกันไว้

เฮ้ออออ

ผมช่วยจับเสื้อเธอให้เข้าที่เข้าทาง ห่มผ้าทับให้อีกจนสุดปลายคางเลย เพื่อความปลอดภัย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel