EP.3 | ทำให้เนียน
เขาขับรถพาออกไปข้างนอกเมืองจริงๆ และฉันที่มีงานรออยู่เยอะ กลับบอกเขาไปว่าว่าง
"คุณภริศคะ คุณดูท่าจะงานยุ่งกว่าฉันอีกนะ ทำไมถึงออกมาล่ะ"
"สองปีนี้เราจะเป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกัน ผมคิดว่า ลงทุนกับความสัมพันธ์ของเราหน่อยก็คุ้มดีนะ"
"หมายความว่าอะไรคะ"
ฉันก็อยากรู้จักเขาให้มากขึ้นเหมือนกัน เพื่อหาช่องโน้มน้าวให้เปลี่ยนการตัดสินใจได้ ก่อนที่ข่าวจะเผยแพร่ไป
"เฌอ ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับผมเลย ถ้าเราต้องนอนอยู่ข้างกันโดยที่รู้สึกเป็นคนแปลกหน้าก็คงไม่ดีนะ
ยกเว้น...คุณมีรสนิยมแบบนั้น"
"จะ...จะ...จะบ้าหรอคะ ถึงการวันไนท์สแตนด์จะน่าตื่นเต้น แต่วันไนท์กันทุกคืนก็น่ากลัวนะ ฉันเห็นด้วยที่เราจะไปเดตกัน"
"ฮ่าๆ ครับๆ ผมล้อเล่น"
"แล้วทำไมคุณถึงยอมผู้ใหญ่ล่ะ" ฉันอยากรู้เหตุผลในการยินยอมของเขา
"ถ้าผมยอมแต่ง 2 ปี และทำให้คุณก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารได้สำเร็จแบบอยู่รอดปลอดภัย ผมจะสามารถ....ทำอะไรก็ได้ พ่อจะไม่บังคับผมอีกต่อไป"
"ว้าววววว ดีลใหญ่นี่คะ มิน่า เลยตกลง
แต่ฉันชักรู้สึกขาดทุนแฮะ ทำไมโดนดึงเข้ามาในบ่อโคลนอยู่คนเดียว"
"คุณไม่มีอะไรที่อยากได้หรอ" เขาถาม
"ไม่อ่ะค่ะ ถ้าอยากได้อะไร ฉันจะทำเองค่ะ ตอนเป็นนักแสดงนึกว่าคนจะชื่นชมในความเหนื่อยยากที่พยายามฝึกซ้อมหรือพยายามดูแลตัวเอง แต่สุดท้ายคนพูดกันว่า แค่สวยก็ได้ทุกอย่าง บ้านรวยเลยทำอะไรก็ได้ ทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
ดังนั้น ฉันไม่มีอะไรที่อยากได้ค่ะ แต่ฉันจะพยายามเป็นคนที่เก่งขึ้น แล้วเอาของที่อยากได้มาที่หลัง"
"ผมจะช่วยให้คุณเก่งขึ้น....แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย และอีกอย่างเป้าหมายผมคือพาคุณขึ้นเป็นผู้บริหารหญิงของบริษัททำหนังที่ใหญ่สุดในเอเชีย โอเคมั้ย"
"พูดจริงหรอคะ!!!"
เขาหันมายิ้มให้....โอ๊ย....พ่อพระจริงด้วย!!!!
"พูดจริงหรือเปล่า ฉันขออัดเสียงไว้นะ เป็นหลักฐาน"
"เอ้อ พูดถึงหลักฐาน การแต่งงานเพื่อธุรกิจของเรา ถือเป็นความลับนะครับ จะมีทีมผู้ช่วยของผม คุณพ่อผม คุณพ่อเฌอ และเฌอ เท่านั้นที่รู้ พอจะเก็บรักษาความลับได้มั้ยครับ เพราะเราไม่แน่ใจเรื่องธุรกิจ เลยอยากทำให้เนียนที่สุด"
"เนียนสุด....คุณใช้คำว่าเนียนสุด
มันคือการแสดงถูกมั้ย"
"ก็อาจจะแบบนั้น"
"ถ้าเรื่องการแสดง ไว้ใจเฌอค่ะ รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ บวกกับรางวัลนักแสดงนำ"
"ฮ่าๆ ครับ
ดังนั้น เรามาเป็นสามีภรรยากันครับ"
"อืม....รู้มั้ยคะ การแสดงที่ดีคืออะไร
คุณต้องเชื่อว่าคุณคือตัวละครตัวนั้นค่ะ ถ้าคุณแค่แสดง คนจะจับผิดได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนๆนั้นจริงๆ...เชื่อมั้ย หลอกได้แม้แต่ตัวคุณเลยล่ะ มีนักแสดงหลายคนถอดตัวเองจากบทไม่ได้ด้วยซ้ำ"
"เวลาพูดถึงการแสดง ดูตาคุณเป็นประกายนะ"
"หรอคะ! ไม่หรอกนะ คงเพราะฉันสวยมากเลยดูระยิบระยับหริอเปล่า คุณได้ภรรยาเป็นอดีตนักแสดงตัวท๊อปๆเลยนะ"
"อืม สมัยคุณเป็นดารา เพื่อนๆผมก็ชื่นชอบคุณมาก"
"แล้วคุณล่ะ"
"ผมหรอ...คงต้องบอกว่า คุณสวยมากๆ จนผมไม่รู้สึกว่า คุณมีตัวตนอยู่จริงๆ เลยไม่ได้..."
"โอเค ฉันสรุปให้ค่ะ
คุณไม่ได้สนใจฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะสวยในสายตาใครๆก็ตาม
โอเคค่ะ เข้าใจแล้ว"
"เสียงคุณดูผิดหวังนะ"
"ฮ่าๆ นี่ก็การแสดงค่ะ แสดงความเป็นแฟนไงคะ กระเง้ากระงอด งอนหน่อยๆ"
"อ่อ การแสดงหรอครับ"
"ค่ะ ซ้อมๆน่ะ"
สายตาที่เขาหันมามองแล้วยิ้มให้นั้น ทำให้ฉันคิดได้มั้ยว่าเขาไม่ได้รังเกียจอะไรนักหนาหรอก เราอาจเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันได้
เราขับรถมานานระยะหนึ่ง คุณเขาเลยจอดแวะพักในปั๊มน้ำมัน
เราไปเดินซื้อของทานเล่นในร้านสะดวกซื้อ ถึงจะยังไม่สนิทสนมกัน แต่ฉันก็รู้สึกเขาไม่ใช่คนที่มีกำแพงอะไร
"เรื่องที่ว่ามีใครรู้เรื่องของเราบ้าง เลขาฉัน อันย่า ก็รู้นะ"
"อ่อ ครับ เฌอ คุณกินอะไรไม่ได้บ้างมั้ย หรือแพ้อะไรมั้ย"
"ฉันหรอ....ฉันแพ้....แพ้การตื่นเช้าค่ะ"
"หืมมม แล้วไปทำงานกี่โมงครับ"
"ออฟฟิศเริ่ม สิบโมงค่ะ เลิกหกโมงเย็น"
"ออ ไม่เช้าเท่าไร
ถ้าเฌอแพ้หรือไม่ชอบอะไรก็บอกผมนะ
ผมจะค่อยๆจำไว้"
"กินนี่มั้ยคะ แบ่งกันคนละครึ่ง"
ฉันหยิบไอศกรีมแท่งออกมาจากตู้เย็น อยากรู้ว่าเขาเป็นพวก Keep look รักษาบุคลิกตลอดเวลามั้ย
"อยากทานหรอครับ"
"ค่ะ แต่มันต้องแบ่งกับอีกคนน่ะ กินอีกอันไม่ทันแน่นอน อากาศแบบนี้" ฉันพูดพลางชี้ดวงอาทิตย์สมมุติให้ดู
"งั้นหยิบมาเลยครับ เดี๋ยวผมจ่ายเอง"
"เยี่ยมค่ะ รอบนี้คุณจ่ายไปก่อน ปั๊มหน้าฉันจ่ายเอง"
เขาหันมายิ้มให้ พลางหยิบเงินสดในกระเป๋าเงินหนังสีดำ มันแบนมากจนสงสัยว่ามีแบงค์ในนั้นได้อย่างไร ดีไซน์มาดีจริง
"คุณภริศคะ อีกนานมั้ยที่เราจะถึงที่ที่เราจะไป"
"ก็น่าจะอีกสองชั่วโมงนะ"
ระหว่างเรายืนหน้าเคาท์เตอร์ แคชเชียร์สาวก็ทำท่าหลุกหลิก มองฉันบ่อยๆ ก็พอเข้าใจได้
"เอ่อ...นี่ใช่น้องเฌอมั้ยคะ" เธอเอ่ยถาม
"ค่ะ" ฉันตอบพลางส่งยิ้มการค้าให้
"ตัวจริงสวยจังเลย ขอถ่ายรูปได้มั้ยคะ"
"อ่า...เอาสิคะ ส่งมือถือมาได้เลย เฌอถ่ายให้ค่ะ"
"ใจดีจัง"
พนักงานร้านที่จับๆจ้องๆอยู่พักหนึ่งตั้งแต่ทั้งสองคนเข้ามาในร้าน ตัดสินใจถามและขอถ่ายรูปกับอดีตนักแสดง
พอออกมาจากร้าน เราก็มาเปิดกระตูรถ แต่ยืนกินไอศกรีมกันข้างๆ รถ
"ไอติมมันละลายเร็วมากเลยอ่ะ
แว่นกันแดดช่วยพรางตัวได้ห่วยมาก ยิ่งใส่ยิ่งเด่น" ฉันบ่นไปรีบกินไป
"เพราะคุณมีออร่านักแสดงน่ะ" เขาดูเป็นคนพูดบวกคิดบวกเหมือนกันนะ และสายตาที่ไม่เหมือนสายตาคนอื่นที่มองฉันอย่างชื่นชม สายตาเขามันตรงไปตรงมา จนฉันกลัวจะได้ยินความคิดของเขาเสียมากกว่า
"มีภรรยาสวย มองให้ชินนะคะ" ฉันตอบแก้เขินไป
"แต่ตอนนี้คุณดูหงุดหงิดนะ"
"จับได้เลยใช่มั้ยคะ ฉันน่ะ ถ้าไม่ทำการแสดง ไม่ว่าความรู้สึกอะไร ก็แสดงออกหมดเลย นี่แหล่ะเหตุผลที่ออกจากการแสดง ฉันไม่ค่อยชอบการซ่อนความรู้สึกไว้"
"สองปีนี้ทำไงล่ะ ถ้าไม่ชอบแสดง" เขาพูด เพราะสองปีนี้ เรียกว่าเวทีการแสดงยิ่งใหญ่และยาวนานสุดที่ฉันเคยพบมาเลย
"คิดได้ตอนนั่งรถเมื่อกี้ อย่างแรกคือมองที่เป้าหมาย การขึ้นเป็นผู้บริหาร ก้มหน้าก้มตาแสดงไป หรืออาจจะฝังตัวเองลงไป...กับความรู้สึกนั้นแทน เชื่อให้สุดใจไปเลย ไม่ต้องแสดง แต่คิดว่าเป็นเรื่องจริงอะไรแบบนั้น"
"ผมไม่อยากให้คุณต้องอึดอัดหรือรู้สึกชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มันคงเลี่ยงได้ยาก"
"อย่างตอนนี้ที่มีคนตามถ่ายรูปเราหรอคะ" ฉันพูดขึ้น
"รู้สินะครับ" ร่างสูงยักไหล่ ทำท่าเหมือนมันช่วยไม่ได้จริงๆ
"ก็....เลนส์มันยาวทะลุรถออกมาแล้วค่ะ" ก็ไม่อยากให้เขามาลำบากใจกับฉันมากมาย เลยทำเป็นไม่ใส่ใจ
"ผมเรียกเขามาเองแหล่ะ เราต้องทำสตอรี่กันหน่อย อีก 6 เดือนจะมีงานประชุมผู้ถือหุ้น ถ้าเราแต่งได้เร็วๆ ก็ดีนะครับ
แต่ผมยังคิดไม่ตก ว่าเหตุผลอะไรทำให้คนแต่งปุบปับ ถ้าไม่ใช่การแต่งการเมือง"
"อืมมม คุณลุกมานี่สิ" ฉันยกนิ้วเรียกเขา ที่นั่งกับเบาะรถ เพราะกินไอศกรีมแท่งของตัวเองหมดไปแล้ว เหลือแต่ฉันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รถ พยายามกินให้หมดอยู่
"ทำไมครับ"
"ช่วยกินไอติมให้ฉันก่อน มันละลายเร็ว"
"อ่าา...ครับ"
แชะๆๆๆๆๆ
เสียงชัตเตอร์รัวแน่นอน ถึงจะไกลๆ แต่ฉัน ผู้ชำนาญกับวงการสื่อ....
ใครจะไม่จับช็อตนี้ล่ะ
คุณภริศ ยืนถือไอศกรีมแท่งที่เหลือนิดเดียว แล้วก้มลงดูดมันฝั่งหนึ่ง ส่วนฉันก็ก้มลงไปกินด้วยพร้อมกัน แต่พื้นที่ไอศกรีมแท่งสีส้มนี้ มันเพียงพอที่เราจะไม่ต้องให้ปากชนกัน แค่นั้นก็หวานนนนนเจี๊ยบแล้ว
"เหตุผลที่คนแต่งงานปุบปับ อาจเพราะหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นค่ะ คุณภริศอายุ 30 แล้ว มาเจอสาวสวยเอ๊าะๆ ต้องรีบแต่งเป็นธรรมดา แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ ความรักไม่ต้องซับซ้อน"
"อืม ผมชอบความรักที่ไม่ซับซ้อน" คำพูดนี้ รู้เลยว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
แล้วเขายืดตัวขึ้น ยืดไอติมไปกินหมดเลย
"คราวหน้า ท่าจะทำอะไรแบบนี้ ส่งสัญญาณบอกผมหน่อย"
"ถ้าบอกจะเนียนหรอคะ"
"แต่ถ้าไม่บอก แล้วผมเกิดทำผิดพลาดขึ้นมา..."
"แบบไหนคะที่ผิดพลาด ผลักฉันกระเด็นอะไรแบบนั้นหรอ" ฉันหยิบทิชชู่มาเช็ดมือเพราะน้ำหวานมันเหนียวติดนิ้วมาก
"ก็ถ้าเราสัมผัสกันจริงๆ ล่ะครับ"
"ไม่เป็นหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ถือตัว ฉันนักแสดงนะ...เปลืองตัวมาตลอดแหล่ะ"
"......." สายตาอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากได้ยินคำพูดที่ฉันบอก