ตอนที่ 4
“...” ผมเองก็ได้แต่นั่งมองท่าทีของเพื่อนอย่างไม่รู้จะพูดออกความเห็นยังไง
“ถือว่าช่วยกูล่ะนะ กูขอร้องล่ะ”
“...”
“ทำยังไงก็ได้ให้น้องกูเรียนเก่งขึ้นก็พอ” ใครจะคิดว่าผู้ชายที่มีนิสัยป่าเถื่อน แถมเป็นช่างสักแม่งจะมีมุมขอร้องอ้อนวอนแบบนี้ สายตาของมันวิ้งๆ ไหนจะการกะพริบตาปริบๆ นั่นอีก
“เปลี่ยนสมองง่ายกว่านะกูว่า” มันอาจจะเป็นคำพูดที่แรงไป แต่ถ้าทำได้ก็ทำเถอะ ผมสนับสนุน
“ถ้าทำได้กูทำไปนานแล้วเพื่อน”
“เออๆ กูยอมช่วยก็ได้ แต่ก็ไม่รับประกันนะว่าจะสอนน้องมึงให้เก่งขึ้นได้อ่ะ” และผมก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยของน้องมันด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักนี่ก็บอกได้เลยว่า
เสร็จ...เสร็จกูแน่ๆ ล่ะมึงเอ๊ย
“กูเชื่อว่ามึงต้องทำได้” ไอ้แบล็คมันไม่ได้พูดยอผมหรอก แต่มันกำลังกดดันผมอยู่ต่างหาก
ไอ้เพื่อนเหี้ย...
“แล้วแต่มึงจะคิด ว่าแต่จะให้กูสอนน้องมึงนานเท่าไหร่” ความจริงผมก็ไม่ได้ว่างไปสอนน้องมันเรื่อยๆ ขนาดนั้น เพราะเดี๋ยวขึ้นปีห้าผมก็ต้องไปเป็นครูฝึกสอนที่สถาบันการศึกษา แต่ตอนนี้ผมพึ่งจะอยู่ปีสี่ไง ก็เลยพอจะมีเวลาแค่ช่วงนี้เท่านั้น
คิดในแง่ดีก็ถือซะว่าการสอนน้องเพื่อน มันก็เหมือนกับเป็นการเตรียมตัวเพื่อไปรับมือกับนักเรียนจริงๆ ในอนาคต
“ใจจริงกูอยากให้มึงสอนพิเศษน้องกูไปเรื่อยๆ เลยว่ะ”
ได้ยินประโยคนี้ของมันผมก็แทบช็อกเลยล่ะ แต่ยังไงมันก็คือเพื่อน คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่ดี
“เออๆ กูตกลง” ผมตอบรับ บางทีมันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้นก็ได้มั้ง
“ขอบคุณมึงมากนะนาวา” ฝ่ามือหนาของมันเอื้อมมาตบไหล่ของผมเบาๆ อย่างซาบซึ้ง ผมก็ทำได้แต่พยักหน้ารับ
“ถ้าน้องมึงดื้อและไม่ฟังที่กูพูดเมื่อไหร่ กูเอาหนังสือฟาดหัวแบะเลยนะ” ผมแกล้งพูดข่มขู่เอาไว้เฉยๆ ไม่กล้าทำถึงขนาดนั้นหรอก
เราไม่ควรทำร้ายเด็กและสตรี
แต่ถ้าการกระทำของน้องสาวมันหนักข้อมากนัก ผมก็มีวิธีจัดการของผม
“หนังสือยังน้อยไป เอามีดแทงเลยดีกว่า” แม่ง...รักน้องตัวเองฉิบหาย ผมได้แต่ส่ายหน้ากับคำพูดของไอ้แบล็ค
ถ้าจะแทงจริงๆ คงไม่ใช่มีดหรอก น่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า...
.:END NAVA PART:.
-ปัจจุบัน-
.:SNOW WHITE PART:.
ก๊อกๆๆ
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่เผลอหลับไป เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นตรงหน้าห้องทำให้ฉันงัวเงียลุกขึ้นนั่ง นิ้วเล็กก็กำลังยกขึ้นขยี้ตาของตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูพร้อมด้วยอาการมึนๆ เนื่องจากยังง่วงงุนอยู่
“พ่อให้มาตามไปกินข้าว” เสียงของพี่แบล็คดังขึ้นมาทันทีเมื่อฉันเปิดประตู
“หนูไม่หิว กินกันเลย”
“สงสัยพายุจะเข้า” อยู่ๆ พี่แบล็คก็พูดขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ เข้าใจคนพึ่งตื่นหรือเปล่า สมองก็เลยประมวลผลช้านิดหนึ่ง
เปล่าโง่..
“ทำไมเหรอคะ” คิ้วของฉันขมวดเข้าหากัน สีหน้าตอนนี้ก็คงจะดูมึนๆ
“ก็ปกติไวท์ไม่เคยปฏิเสธอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของกิน”
ถ้าพี่แบล็คจะพูดขนาดนี้ควรด่าฉันว่าตะกละเลยดีกว่า มันยังรู้สึกเจ็บน้อยกว่านี้
“อืม งั้นเดี๋ยวหนูลงไป” ถ้าฉันปฏิเสธมันก็จะดูแปลกใช่ไหม เพราะฉะนั้นเลยเปลี่ยนใจลงไปกินดีกว่า
“ต้องแบบนี้สิอีหมู” ฝ่ามือหนาของพี่แบล็คเอื้อมมาขยี้ผมของฉัน จากที่มันไม่เป็นทรงอยู่แล้วก็ยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่
“ใครหมู!” ฉันถามย้ำ พลางจ้องหน้าพี่แบล็คเขม็ง ใครจะด่าอะไรก็ได้ แต่ขอร้องอย่าเรียกว่าหมู
สโนว์ไวท์จะไม่ทน!
“งั้นช้างก็ได้” จบประโยคนั้นพี่แบล็คก็หัวเราะออกมาดังลั่น ร่างสูงรีบเบี่ยงหลบฝ่ามือของฉันที่กำลังจะฟาดลงบนตัว เมื่อหลบฝ่ามือพิฆาตของฉันได้ พี่แบล็คก็วิ่งหนีหายลงบันไดไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“พี่แบล็ค!” ฉันก็ทำได้แต่ตะโกนเรียกไล่หลังพี่เขาเสียงดังด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ฉันอ้วนตรงไหนเนี่ย” ดวงตากลมโตของฉันก้มมองสำรวจตัวเอง มือบางก็จับส่วนต่างๆ ของร่างกาย
“โหย~ ทุกตรงเลยว่ะ” เชื่อไหม ว่าไม่ว่าจะจับไปตรงไหนมันก็มีแต่ไขมัน คิดแล้วเศร้า ขอเหล้าสักแบน
แต่ช่างเถอะ!
ถึงจะอ้วนก็ไม่ได้ไปหนักหัวใครนะ แต่หนักที่ตาชั่งเท่านั้นเอง ใครที่กำลังมีความสุขกับการกินไม่ต้องไปแคร์หรอก รู้ไว้แค่ว่า
‘อร่อยปากไม่ลำบากตูด แต่ลำบากกูนี่’
ลำบากที่ต้องมาลดน้ำหนักทีหลัง เอาเป็นว่าไม่ต้องลดหรอก เดี๋ยวโดนแดดประเทศไทยไปไขมันก็ละลายไปเอง
เออพอคิดแบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย...
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ และยิ้มออกมา เพราะยอมรับในสภาพหุ่นของตัวเองได้แล้ว เท้าทั้งสองข้างของฉันก้าวตรงไปที่บันได และเดินลงไปยังชั้นล่าง
เมื่อลงมาก็เห็นว่าพ่อกับแม่ และพี่แบล็คได้นั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมลงมาช้าจังล่ะ” ประโยคนี้แม่ของฉันเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา ฉันเดินไปนั่งหย่อนก้นลงที่เก้าอี้ข้างๆ ท่าน
“พี่แบล็คบอกว่าหนูอ้วน หนูก็เลยมัวแต่สำรวจหุ่นตัวเองอยู่ค่ะ” ได้ทีฉันก็โยนความผิดทุกอย่างให้พี่เขาเลย แม่ตวัดสายตาหันขวับไปมองพี่แบล็คเป็นเหตุให้ร่างสูงถึงกับสะดุ้ง
“อย่าไปฟังพี่แบล็คเลยลูก ไวท์น่ะผอมจะตายอยู่แล้ว แบล็คนี่ก็นะ ทำไมชอบแกล้งแหย่น้องเรื่องหุ่นอยู่เรื่อย” แม่หันมาพูดปลอบใจฉัน ก่อนจะหันไปหาพี่แบล็คพร้อมด้วยน้ำเสียงติดดุ
“ก็ในสายตาผมน้องอ้วนจริงๆ หนิครับ” พี่แบล็คย้อนกลับ สีหน้าก็เหมือนคนที่กำลังกลั้นขำ
“อ้วนที่ไหนแบบนี้เขาเรียกว่าหุ่นกำลังดี จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ” แม่เองก็ช่วยเถียงพี่แบล็คให้ บรรยากาศตรงโต๊ะทานข้าวเหมือนสงครามไม่มีผิด
“ก็แบล็คมันชอบผู้หญิงหุ่นเหมือนไม้เสียบผีไง” พ่อที่นั่งเงียบอยู่นานพูดโพล่งขึ้นมา และประโยคนี้ของพ่อนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างสงบลง
เตรียมตัวกราบผู้ทรงอิทธิพลของบ้าน...
