ตอนที่ 5
“ทานข้าวกันเถอะค่ะ” เมื่อเห็นว่าทุกคนจะสนใจเรื่องหุ่นของฉันมากเป็นพิเศษ ฉันจึงได้พูดตัดบทสนทนาเหล่านั้นซะ เพราะเดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่
“ทานเยอะๆ นะลูก อย่าสนใจเรื่องหุ่นมากนัก ไม่ว่าลูกจะเป็นแบบไหนยังไงพ่อกับแม่ก็รักเหมือนเดิม” แม่หันมาพูดกับฉันอย่างเอ็นดู แต่พอตัดภาพไปที่พี่แบล็คนี่สิ รายนั้นกำลังมองมาที่เราสองคนพร้อมด้วยแววตาที่หมั่นไส้
คงจะเห็นว่าแม่เข้าข้างฉันมากกว่า พี่แบล็คเลยมีอาการแบบนี้ ความจริงพ่อกับแม่ก็รักเราทั้งสองเท่ากันนั่นแหละ แต่พวกท่านห่วงฉันมากกว่า เนื่องจากฉันเป็นลูกผู้หญิง แถมมีนิสัยเรียบร้อยดั่งผ้ายับๆ ที่ถูกผับเก็บไว้ในตู้ (?)
คนอย่างพี่แบล็คไม่น่าเป็นห่วงอะไรหรอก นิสัยเถื่อนขนาดนั้นใครจะกล้ามาทำร้ายพี่เขากัน มีหวังได้โดนสวนกลับจนย้ายที่อยู่ไปนอนในโลงไม่ทันแน่
“มองค้อนขนาดนั้นเอาตะปูไปตอกมั้ย” พ่อเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหวังดี พี่แบล็คถึงกลับหันขวับไปยิ้มหวานให้ ซึ่งรอยยิ้มของพี่เขามันเป็นอะไรที่โคตรขัดกับหน้าตาและรูปร่างเลยล่ะ
“แหม~ พูดแบบนี้เกรงใจแย่เลย” พี่แบล็คตอบกลับอย่างทะเล้น ครอบครัวของเราค่อนข้างอารมณ์ดีกันทั้งบ้าน
แต่ฉันนี่สิ...เข้าขั้นบ้าเลยล่ะ
-วันต่อมา-
ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน เพราะลืมไปซะสนิทว่าวันนี้ต้องเรียนพิเศษกับครูที่พี่แบล็คหามาให้
แต่พอจำได้ฉันก็รีบลุกจากเตียงแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ ก่อนจะเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเหมือนอย่างประจำทุกวัน
ก๊อกๆๆ
“ไวท์ ตื่นหรือยัง”
ฉันพึ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ทันไร เสียงของพี่แบล็คก็ดังขึ้นมาที่หน้าประตูห้อง พร้อมกับเสียงเคาะประตูสองสามที
“ตื่นแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูลงไป” ฉันตะโกนบอกกลับไป เพราะสภาพของฉันตอนนี้ไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่นัก เวลานี้มีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดร่างกายของฉันที่มีหยดน้ำเกาะพราวเอาไว้
“รีบๆ หน่อย ครูเขามารอนานแล้ว”
“หนูกำลังแต่งตัวอยู่ค่าาา~” ฉันลากเสียงยาว ขณะที่เท้าก็กำลังเดินตรงไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า สองมือก็กำลังสาละวนอยู่กับการหยิบชุดมาสวมใส่
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง แล้วลงไปยังชั้นล่าง เท้าทั้งสองข้างของฉันแตะลงบนบันไดขั้นสุดท้าย ดวงตากลมโตทั้งสองคู่ก็กำลังเพ่งมองไปที่ไหล่กว้างที่กำลังนั่งหันหลังให้
“น้องลงมาแล้ว” พี่แบล็คหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น และทันทีที่เขาหันมามันก็แทบทำให้ฉันหยุดหายใจไปชั่วขณะ
แม่เจ้าโว้ยยยยย!
ฉันอ้าปากค้าง หัวใจก็เต้นตึกตักโครมครามเมื่อเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาคมคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาฉัน อยู่ๆ ร่างกายก็แข็งทื่อเหมือนโดนสาป
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อเหลาหันมาให้ฉันเห็นชัดๆ เต็มสองตา ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม และจมูกโด่งสันที่รับกับปากหนาน่าจุ๊บ เรียกได้ว่าเป็นศิลปะที่พระเจ้าสร้างบุคคลนี้ขึ้นมาได้เพอร์เฟ็กต์จริงๆ มองมุมไหนก็หล่อ ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อ
บอกตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยนะว่า
“คนอะไรน่าจับทำผัว” ฉันพึมพำเบาๆ กับตัวเอง รู้สึกลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ
อยากได้อยากโดน จะเอาคนนี้!
“พูดว่าอะไรนะ” เสียงของพี่แบล็คดึงสติที่หลุดลอยไปไกลของฉันให้กลับคืนมา
“ปะ...เปล่าค่ะ ยังไม่ทันพูดอะไรเลย” ฉันปฏิเสธด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก พร้อมกับหัวเราะออกมาแห้งๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับผู้ชายหน้าหล่อที่ยืนอยู่
เขาเองก็มองจ้องมาที่ฉันเหมือนกัน แต่แววตานั้นมันช่างแตกต่างจากที่ฉันใช้สายตามองเขาอย่างสิ้นเชิง เขาเหมือนแค่มองสำรวจฉันแบบปกติทั่วไปเฉยๆ แต่ฉันนี่สิ มองจนแทบทะลุเสื้อผ้าของเขาเลยล่ะ ถ้าใช้ดวงตากลมโตคู่นี้ถอดเสื้อผ้าของเขาออกมาได้ ฉันก็จะทำแบบไม่รอช้า
อยากจะใช้สายตาสำรวจทุกซอกทุกมุมจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น
“นี่อาจารย์สอนพิเศษที่พี่หามาให้นะ ชื่อนาวาเป็นเพื่อนสนิทพี่เอง” พี่แบล็คแนะนำเขาให้ฉันรู้จัก โอ้โห ขนาดชื่อยังหล่ออ่ะคิดดู ไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ทำไมพี่แบล็คถึงไม่ยอมเล่าให้ฉันฟังเลย ว่ามีเพื่อนสนิทหล่อวัวตายควายล้มขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม พลางส่งยิ้มหวานไปให้เขาอย่างไม่ลดละ
“สวัสดีครับ” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ ร่างกายของฉันแทบจะหลอมละลายตายลงตรงนั้นเสียให้ได้
“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวพี่ไปที่ร้านสักก่อน” ฉันดีใจที่ได้ยินประโยคนี้เอ่ยออกมาจากปากของพี่แบล็ค แต่ถึงยังไงก็ต้องเก็บอาการเหล่านั้นเอาไว้ให้มิด
“หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ พี่แบล็คไม่ต้องรีบกลับนะ อยู่ดูแลร้านไปนานๆ เลย” ฉันให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ประโยคที่ฉันพูดมันไม่มีพิรุธหรอกใช่ไหม? เอ๊ะ! หรือว่ามี?
“กูไปก่อนนะ ฝากไวท์ด้วย ถ้าไวท์ทำอะไรมึงล่ะก็...นู้น มีดอยู่ในครัว” ประโยคแรกฉันก็ได้ยินชัดอยู่หรอก แต่ประโยคสุดท้ายนี่สิได้ยินไม่ค่อยชัดเลย เพราะพี่แบล็คหันไปกระซิบกระซาบที่ข้างหูของร่างสูงเหมือนไม่อยากจะให้ฉันรู้ว่าเขาสองคนคุยอะไรกัน แม้จะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ยินอยู่ดี
ความเผือกล้มเหลว...
