ตอนที่ 4
ขึ้นชื่อว่าข่าวที่พูดกันปากต่อปาก มันจะมีมูลความจริงมากแค่ไหนกันเชียว ตั้งแต่ที่ถูกนินทาเสียๆ หายๆ ฉันก็เข็ดหลาบกับเรื่องพวกนี้อย่างสิ้นเชิง แนะนำให้ฟังหูไว้หูจะดีที่สุด
“แล้ววันนี้เขาไม่มาเหรอ” พอจบเรื่องหนึ่ง พี่อุ้มก็เปลี่ยนไปเม้าท์มอยอีกเรื่องแทน
“เขาไหนคะ?” ไม่ได้เล่นลิ้น แบบฉันนี่เรียกว่าถามอย่างหยั่งเชิง เพื่อให้ตัวเองได้รู้ว่าคู่สนทนากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร
“แบล็คไง”
“อ๋อ ข้าวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” บางทีเขาอาจจะติดงาน หรือไม่ก็คงล้มเลิกแผนการตามจีบฉันไปแล้ว เพราะวี่แววที่จะสำเร็จแทบไม่มี
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาวนเวียนในชีวิตฉัน ป่านนี้ก็คงหายหัวกันไปหมดแล้ว เข้าใจนะว่าเป็นใครก็ไม่รอ สู้ไปเริ่มจีบผู้หญิงคนใหม่ยังจะมีโอกาสมากกว่าเสียอีก หากพี่แบล็คจะทำแบบนั้นบ้างฉันก็ไม่โกรธนะ…
[จบบันทึกพิเศษ: ข้าวหอม]
[บันทึกพิเศษ: แบล็ค]
วันนี้ผมค่อนข้างยุ่งกับงานมากเป็นพิเศษ จึงไม่มีเวลาที่จะไปตามขายขนมจีบให้ข้าวหอมเหมือนอย่างทุกวัน
“พี่ข้าวหอมเข้าเวรดึกเหรอ ไม่เห็นพี่ไปส่งเสบียงเลย” ไอซ์มันมาหมกตัวอยู่ที่ร้านสักฃองผมทั้งวัน แต่อย่าคิดว่ามันจะมาช่วยทำงานทำการ เพราะสิ่งที่ไอซ์มันทำก็คือมาเพื่อขอให้ผมเลี้ยงข้าว
วัยรุ่นหนีออกจากบ้านก็แบบนี้แหละ ต้องดูแลกันไปยังไงมันก็เป็นรุ่นน้อง อะไรช่วยได้ก็ช่วย
“นี่กี่โมงแล้ววะ” ถามโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา ไอซ์เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนตอบ
“จะหกโมงเย็นแล้ว” และสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมรีบวางเครื่องมือที่ตัวเองกำลังทำความสะอาดอยู่ลงทันที
“ฉิบหายแล้วมึง” พึมพำได้แค่นั้นก็จำต้องลุกขึ้นยืน เพื่อเดินไปคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนล็อกเกอร์ “ฝากร้านหน่อยดิ ระหว่างรอกูกลับมาก็ทำความสะอาดเครื่องมือให้ด้วย”
“ใช้งานแบบนี้อย่าลืมเลี้ยงข้าวเย็นกูด้วยนะพี่” ไม่แปลกใจที่ได้ยินประโยคนี้ตอบกลับมา เรื่องกินนี่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับมันมากจริงๆ
“เออ แต่กูอาจจะกลับมาช้ามึงก็หาไรแดกเองแล้วกัน” มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีน เพื่อหยิบแบงก์ห้าร้อยส่งให้ไอซ์
“ให้หมดนี่เลยเหรอ?”
“อย่าเยอะไอซ์ มึงอะอย่าเยอะ กูไปละฝากร้านด้วย” สั่งจบผมก็เดินออกจากร้าน ตรงไปที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเอง ก่อนจะตวัดขาขึ้นคร่อมแล้วสตาร์ทขับเคลื่อนไปยังท้องถนน
เมื่อถึงที่หมายผมก็จอดรถเอาไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปด้านในโรงพยาบาล เหตุผลที่ผมรู้ตารางเวรของข้าวหอมก็เพราะว่ามีสายคอยรายงานตลอด แต่คงไม่บอกตอนนี้หรอกว่าใคร
“พี่อุ้มครับ ข้าวหอมกลับบ้านไปหรือยัง” จากที่กวาดสายตามองรอบๆ บริเวณกลับพบแค่พี่อุ้มกับพยาบาลอีกคนที่นั่งอยู่
“ข้าวหอมเพิ่งออกไปเมื่อสักพักนี่เองจ้า”
แสดงว่าวันนี้ผมคงจะมาสายไป ทั้งวันก็ไม่ได้เจอหน้ากัน คืนนี้คงนอนไม่หลับเป็นแน่ เพราะฉะนั้นผมก็ควรที่จะตามเธอไป อย่างน้อยเห็นหลังคาบ้านก็ยังดี
“ขอบคุณครับ” กล่าวจบก็รีบก้าวยาวๆ เพื่อกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก่อนจะขับเลี้ยวไปยังซอยบ้านของข้าวหอม
ทว่าระหว่างทางกลับมีจุดไทยมุงขนาดย่อม ที่เหมือนจะกำลังรุมดูอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของผู้หญิงที่พร่ำบอกให้ใครสักคนช่วยลูกของตัวเอง
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าผมจึงไม่รอช้าที่จะจอดรถเทียบฟุตบาทเพื่อลงไปดู เผื่อจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ดูท่าแล้วไทยมุงก็แค่มาเพื่อสอดรู้สอดเห็นเท่านั้นแหละ มีไม่กี่คนหรอกที่รุมดูเพราะอยากจะช่วยจริงๆ
“คุณพยาบาลช่วยลูกชายฉันด้วยนะคะ แกไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่วันนี้จู่ๆ ก็ชักขึ้นมา” แม่ของเด็กผู้ชายที่กำลังเกิดอาการชักรีบเอื้อมมือไปเขย่าแขนพยาบาลชุดขาวด้วยน้ำเสียงละล่ำละลั่ก
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ผมก็เห็นชัดถนัดตาว่าพยาบาลคนนั้นก็คือข้าวหอม
มือเล็กช้อนศีรษะของเด็กผู้ชายให้ขึ้นมาหนุนที่ตักตัวเอง ก่อนจะจับให้นอนตะแคง
“เราต้องพาน้องไปโรงพยาบาลนะคะคุณแม่ การปฐมพยาบาลเป็นเพียงแค่วิธีเบื้องต้นเท่านั้น ให้น้องไปอยู่ในความดูแลขอหมอจะดีที่สุดนะคะ” ข้าวหอมพยายามพูดอย่างใจเย็น “มีใครพอจะมีรถยนต์มั้ยคะ ถ้าโทรตามรถโรงพยาบาลคงต้องรออีกสักครู่”
“ผมมีกุญแจรถอยู่ครับ แต่ว่า...ขับไม่เป็น มันเป็นรถของพ่อน่ะ”
“เอากุญแจรถมาเดี๋ยวขับให้เอง” พอเลื่อนสายตาไปมองแล้วเห็นว่าคนพูดคือรุ่นน้องที่เคยร่วมวงสังสรรค์ด้วยกันผมจึงเปิดปากอาสาขึ้นมาทันที
“นี่ครับพี่แบล็ค”
“คันไหน” ผมยื่นมือไปรับกุญแจรถมาถือเอาไว้ พร้อมย้อนถาม
“กระบะคันนั้นครับ”
ดวงตาคมมองไปตามนิ้วที่ชี้ตรงไปยังรถกระบะสีดำซึ่งจอดอยู่ห่างไม่ไกล
“มาเดี๋ยวพี่อุ้มน้องเอง ข้าวหอมไปเปิดประตูไว้ให้พี่หน่อย” นิ้วเรียวกดรีโมทเพื่อปลดล็อก เมื่อมีเสียงสัญญาณดังผมก็ย่อตัวลงเพื่อช้อนร่างของเด็กผู้ชายคนนั้นขึ้นอุ้ม
น้องเค้ายังชักอยู่ ข้าวหอมคงอุ้มเองไม่ไหวหรอก และเธอก็ทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย
ข้าวหอมเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง เพื่อให้เด็กนอนหนุนตักเหมือนกับก่อนหน้านี้
“ใครที่เกี่ยวข้องกับเด็กขึ้นไปนั่งท้ายกระบะเลยนะครับ...ส่วนมึงไอ้ท็อป จะไปด้วยหรือเปล่า”
“ผมอยู่นี่ดีกว่า จะได้ดูมอไซค์พี่ด้วย”
“เค” ผมตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูยังฝั่งคนขับ
[จบบันทึกพิเศษ: แบล็ค]
[บันทึกพิเศษ: ข้าวหอม]
เดินออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงชั่วโมงฉันก็ต้องกลับเข้ามาอีกครั้ง เพราะระหว่างทางที่กำลังนั่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้านดันมีคนขอความช่วยเหลือพอดี
ถึงจะนอกเหนือเวลางานแล้ว แต่ถ้าเจอคนกำลังเดือดร้อนฉันก็ยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มใจ
“พี่หิวข้าว ไปกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ยกเว้นแค่คนนี้คนเดียว
“พี่ต้องเอารถไปคืนผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ ก็ไปกินกับเขาสิ” ฉันกับพี่แบล็คส่งตัวน้องผู้ชายถึงมือหมอแล้ว พอเรียบร้อยเขาก็เลยเดินติดสอยห้อยตามฉันมาด้วย
“พี่โทรให้ไอซ์ขับไปคืนแล้ว” พี่แบล็คคงจะอาศัยจังหวะที่ฉันคุยกับคุณหมอจัดการเรื่องนี้แน่ๆ
ทีแบบนี้ล่ะไวเชียวนะ!
“แต่ฉันไม่หิว นี่ก็เลยเวลากลับบ้านมานานแล้วด้วย” ครั้นพอคิดมาถึงตรงนี้ฉันสามารถคาดเดาได้เลยว่าถ้ามีใครปากโป้งไปฟ้องพ่อ ก็คงไม่แคล้วโดนดุอีกแน่
ถึงจะบอกว่าช่วยพาคนมาส่งโรงพยาบาล ยังไงพ่อก็คงไม่ฟังคำอธิบายของฉันอยู่ดี เพราะเหตุการณ์นี้มีพี่แบล็คร่วมอยู่ด้วย
“วันนี้ทั้งวันพี่ก็ไม่ได้มากวนใจข้าวหอมเลยนะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันแป๊บเดียวเอง...นะครับ”
ฉันจำต้องเบนหน้าหนีสายตาของเขาที่มองมา ยอมรับเลยว่าแวบหนึ่งฉันหวั่นไหว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขากำลังทำให้ฉันใจอ่อน
“แป๊บเดียวนะ” ถามย้ำอีกรอบหนึ่งเพื่อความแน่ใจ ถือซะว่าให้รางวัลตอบแทนที่เขาช่วยขับรถพาน้องผู้ชายคนนั้นมาหาหมอก็แล้วกัน
“ครับ” รอยยิ้มกว้างเผยเต็มใบหน้า เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากเมื่อกี้ไปอย่างลิบลับ
เห็นแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้จริงๆ ไม่ไปแล้วได้ไหม?...
ทว่าถึงจะคิดอย่างนั้น แต่พอร่างสูงเดินนำไปที่รถฉันก็เดินตามเขาต้อยๆ ราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่
“รถพี่มาจอดอยู่นี่ได้ไง” ฉันโพล่งถามออกไปเมื่อเกิดความสงสัย เท่าที่จำได้ล่าสุดรถมอเตอร์ไซค์ของเขาจอดอยู่ตรงที่เกิดเหตุไม่ใช่เหรอ
“อ๋อ ไอซ์มันขับมาให้น่ะ”
จัดการได้รวดเร็วทันใจจริงๆ กับเรื่องอื่นกระตือรือร้นกันขนาดนี้ไหมนะ
“ทีแบบนี้ล่ะไว” น้ำเสียงฉันติดประชดประชันเล็กน้อย
พี่แบล็คเดินไปขยับรถออกมาสตาร์ท ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ เขย่งตัวขึ้นไปนั่งไขว้ กระโปรงทรงเอนี่ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ใส่แล้วลำบากในการนั่งรถมอเตอร์ไซค์สุดๆ เกิดเป็นผู้หญิงนี่มักจะมีอุปสรรคทุกเรื่องเลยหรือยังไงกัน
“ถ้ากลัวตกก็กอดเอวพี่ได้นะ” ใบหน้าหล่อเอี้ยวหันกลับมาบอก ซึ่งฉันก็ไม่ได้ตอบรับอะไร กลับกันก็เอื้อมมือไปจับตรงส่วนที่ยื่นออกมาบริเวณท้ายเบาะเพื่อเซฟตัวเอง
ให้กอดเอวเขาน่ะเหรอ? กลัวว่าอย่างอื่นของตัวเองจะไปสัมผัสแผ่นหลังกว้างแทนน่ะสิ...
