ตอนที่ 5 เดือดดาลใจกับยัยพี่สาว
สายฝนที่พึ่งจะขาดหายไปบัดนี้กลับเริ่มลงเม็ดหนามากยิ่งขึ้นจนกระทั่งโหมกระหน่ำจนถึงที่สุดท่ามกลางสายฝนแมคลาเรน 720s สีดำเงาวิ่งแว่นฝ่าสายฝนไปตามถนนด้วยความเร็วสูง
ภายในรถสองสาวไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียวอยู่นานจนกระทั่งอีกคนเริ่มรู้สึกอึดอัดใจจึงโพล่งขึ้นว่า
“นี่...นายน่ะสรุปแล้วเป็นใคร..ทำไมต้องมารับฉันกลับบ้านด้วย..แล้วทำไมคนขับรถถึงไม่มารับ”
“รินโกะชื่อนี้เธอคงจำได้”รินโกะตอบสั้นๆโดยที่สายตายังจับจ้องมองไปที่ถนนเบื้องหน้าโดยไม่ละไม่สายตา
“จะบ้าหรอ...รินโกะน้องฉันเป็นผู้หญิงย่ะ”
รินโกะไม่กล่าวอะไรอีกทำหน้าที่ขับรถของเธอแม้ว่าเอมิโกะจังถามนู่นถามนี่ไม่ยอมหยุดก็ตาม
ณ บ้านหรูตระกูลนากามูระ
รินโกะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเอมิโกะผู้เป็นพี่แต่ในระหว่างที่ทั้งสองเดินไปด้วยกันนั้นกลับไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนู” ร่างเพรียวเดินเข้าไปสวมกอดแม่บ้านพร้อมกับพูดออดอ้อนอยู่สองสามคำก็รีบเดินตามหลังรินโกะมา รินโกะมองดูกิริยาท่าทางของคนเป็นพี่ด้วยหางตา
แม้จะยอมรับว่าเป็นพี่แต่ก็เธอก็ไม่ได้สนิทใจด้วยเพราะเธอชินกับการอยู่ตัวคนเดียวมากกว่าที่จะมาคอยติดตามหรือเอาใจใส่ลำพังแค่เธอไม่ใช่ปัญหาอะไรนักแต่หากมีคนในบ้านมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและไม่อยากจะเอ่ยปากพูดคุยกับใครนัก
ทันทีที่เดินกลับขึ้นมาถึงห้องรินโกะกระโดยหยอยขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนุ่มของเธอน่าแปลกที่เธอพึ่งจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอบอวลภายในห้องซึ่งกลิ่นนั้นเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นตัวของเธอเอง
“ฉัน...คิดถึงเหลือเกิน..คิดถึงความทรงจำเดิมๆ”
มือเรียวชูขึ้นสูงเหนือศรีษะขณะนอนหงายแหงนหน้ามองเพดานความทรงจำในวัยเด็กจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางไปอังกฤษหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวของเธอกับสายน้ำ
ทุกคำพูดและสีหน้าของคนในบ้านหรือแม้กระทั่งสีหน้าของตัวเธอเองในวันที่จะต้องเดินทางไปอังกฤษนั้นยังเด่นชัดอยู่ในมโนจิต เธอจำได้ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างชัดเจนและไม่ลืมเลือน
“อ้าวว...เห้ย..นายมาทำอะไรที่ห้องของชั้น!!” เสียงร้องแหวดังแสบแก้วหูจนคนที่นอนอยู่บนเตียงต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสียเพราะกำลังนอนสบายและครุ่นคิดเพลินๆ
“พูดอะไรของเธอ...นี่มันห้องของรินโกะ” รินโกะแสร้งเอ่ยถึงอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของห้อง
“แล้วจะทำไมยะ!!...รินโกะก็เป็นน้องสาวชั้นนะแต่นายน่ะเป็นตัวอะไรกันแน่!”
“เฮ้อ....” รินโกะทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่ายกับคนตรงหน้าแต่จู่ๆมือเรียวของเอมิโกะก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของเธอพร้อมกับกระชากอย่างแรง
แต่ทว่าหญิงสาวต้องหน้าเจื่อนเมื่อร่างของเธอนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย แม่ว่าหญิงสาวจะพยายามออกแรงฉุดดึงสักเพียงใดก็ตาม
รินโกะยิ้มมุมปากและทันใดนั้นเองมือเรียวทั้งสองข้างก็คว้าหมับเข้าที่เอวคอดกิ่วของเอมิโกะเจ้าคนอารมณ์ก่อนจะเหนี่ยวรั้งร่างนั้นเข้ามานอนซุกอยู่แนบอกอย่างง่ายดาย
“ว้ายยย!! ปล่อยนะ!!”
รินโกะจ้องมองใบหน้างามของคนเป็นพี่ด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อเห็นแววตาที่ลุกโชนราวกับไฟที่มองมาจากดวงตาสีฟ้าคราม มันทำให้อารมณ์โกรธและเกรียดชังแล่นพล่านทวีความรุนเเรงขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว
“ถ้ายังไม่เลิกแหกปากฉันจะจับเธอทำเมียซะเลย”
“หนอย...ไอ้เวรเอ้ย!!นี่มันบ้านฉันนะ..ถ้ากล้าก็ลองดูสิพ่อฉันเอาแกตายแน่” เอมิโกะร้องลั่นอย่างท้าทาย แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใดมิหนำซ้ำยังทำท่าเหมือนจะเอาจริงดังที่พูดจนหญิงสาวหน้าจ๋อยลง มือไม้เริ่มสั่นเมื่อเห็นแววตาของคนตรงหน้า
“อ....เอ่อ..ฉ..ฉันยอมแล้วก็ได้”
“หึหึ..ต่อให้พ่อเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะถึงตอนนั้นเธอก็คงถูกฉันปู้ยี้ปู้ยำจนลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ”
เอมิโกะพูดไม่ออกแต่ภายในใจอยากจะตบฉาดเข้าที่ใบหน้าหวานนั้นสักครั้งด้วยความเดือดดาลใจ แต่ในตอนนี้กลับไม่สามารถทำได้ดั่งใจนึกเพราะร่างของหญิงสางยังคงนอนนิ่งอยู่บนร่างบางของคนตรงหน้า มือทั้งสองยังถูกกุมไว้แน่นด้วยมือเรียวเล็กจนไม่สามารถขัดขืนได้
“จริงสิ...นายชื่ออะไร” เอมิโกะถามเสียงอ๋อย
“ไวโอเลต” รินโกะตอบสั้นๆอ่อนจะขยับกายลุกขึ้นนั่งพร้อมกับขยับร่างของเอมิโกะให้นั่งคร่อมอยู่บนตักของเธอ หญิงสาวในตอนนี้หน้าแดงซ่านราวกับมะเขือเทศจนเธออดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อหญิงสาว “เห๋...ราชนิกุลสาวอย่างเธอคงไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนเลยสิท่า”
“เลิกพูดพล่ามเสียทีแล้วปล่อยฉันได้แล้ว”
“ทำไมต้องปล่อย..ถ้ากล้าเถียงฉันอีกฉันปล้ำเธอแน่” รินโกะพูดเสียงกระด้างพลางจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าท้าทายและเอาจริง
ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเอมิโกะเมื่อบานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของคุโมริเดินตรงเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทันทีที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ภายในห้องเขาสั่งเสียงเฉียบขาดด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า
“ปล่อยลูกสาวฉัน แล้วไสหัวออกไปจากบ้านนี้ซะ”
แทนที่รินโกะจะทำตามที่เธอพูดกับหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ลำคอของเอมิโกะแล้ว ออกเเรงบีบหญิงสาวร้องอู้อี้ท่ามกลางความตะลึงของผู้เป็นพ่อ
“นี่...ถ้าหากฉันบีบคอของสางน้อยคนนี้จนหักคามือพ่อของเธอจะหัวใจแตกสลายและเจ็บปวดสักเพียงใดกันนะ”
“แกกล้าดี..ยะ” ยังไม่ทันที่คุโมริจะได้พูดจบประโยคร่างของเอมิโกะก็ล้มกลิ้งลงไปนอนกองอยู่กับพื้นห้องอย่างแรง พร้อมกับเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของหนุ่มหน้าหวาน
“หึหึ..วันนี้แค่ทักทายวันหน้าเจอของจริงแน่”
ว่าแล้วรินโกะก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องของเธออย่างใจเย็นโดยที่ไม่สนใจกับสองพ่อลูกคู่นั้นอีก
เช้าตรู่ในวันถัดมา
“อะไรกัน..ก็ไหนบอกว่ารินโกะเดินทางมาถึงแล้วแต่ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลยล่ะ”
“เรื่องนั้นจะยังไงฉันก็ไม่ทราบแต่ฮันสงสัยว่าไอ้หน้าหวานนั้นมันเป็นใครถึงได้กล้าดีทำลูกสาวฉันเจ็บ”
“คุณนี่น้าา..ท่าจะห่วงแต่ลูกสาวอย่างเดียวจนลืมไปแล้วเหรอว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าคุณ”
เสียงพูดคุยระหว่างพ่อและแม่ดังชัดอยู่ในหูของเอมิโกะในขณะที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนไปโรงเรียนเหมือนดั่งเช่นทุกวัน แต่วันนี้หญิงสาวกลับรู้สึกว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเอาแต่ครุ่นคิดถึงใบหน้าของชายคนนั้น
หมอนั่นเป็นใครกันแน่..
แล้วทำไมต้องทำร้ายเธอด้วยล่ะ..
หรือจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในบ้านนี้งั้นเหรอ..
คำถามเหล่านั้นดังก้องอยู่ในหัวของตัวเองยิ่งทำให้เอมิโกะรู้สึกไม่สบายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนั้นโดยไม่หันไปสนใจกับพ่อแม่ที่กำลังพูดถึงหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนั้น
เอมิโกะกระชับเป้สะพายหลังก่อนจะเดินตรงไปยังรถคันหรูที่จอดรอเธออยู่แล้วก้าวเข้าไปนั่งอย่างใจเย็น ครู่หนึ่งรถคันนั้นก็แล่นออกไปจากบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว