ตอนที่ 4 น้องสาวในร่างน้องชาย
เสียงฝนดังซู่ซ่าพร้อมกับสายลมเย็นในยามบ่ายพัดพาเอาละอองฝนให้ปลิวว่อนมากระทบร่างงามที่ยืนอยู่ริมระเบียงห้อง ร่างงามนั้นไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับยังคงยืงนิ่งไม่ไหวติงส่วนสายตานั้นจ้องมองออกไปไกลอย่างไร้จุดหมายด้วยอาการเลื่อนลอย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังเเข่งกับเสียงซู่ซ่าของฝนเจ้าของร่างงามยังคงยืนเอนกายพิงผนังกระจกแหมนหน้ามองออกไปไกลอย่างไร้จุดหมาย ครู่ต่อมาได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำเบาๆเข้ามาในห้อง
“คุณคะ....เอ๊ะ...ตายจริงพ่อคุณ..ออกไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไมเล่า..เข้ามาเร็วประเดี๋ยวก็เป็นหวัดซะหรอก”
ร่างงามขยับกายออกห่างจากริมระเบียงอย่างว่าง่ายก่อนจะเอื้อมมือเรียวเล็กไปปิดบานกระจกทางเข้าออกริมระเบียงแล้วจึงหันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียงนั้น และแล้วใบหน้าหวานก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
คนๆนั้นก็คือป้าเซียวผู้เป็นทั้งแม่บ้านและแม่นมของเธอที่คอยดูแลเอาใจใส่เธอจนกระทั่งเติบใหญ่และบัดนี้เธอได้กลับมาเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกครั้งแล้วหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานนับปี
“ว้ายยย!!”
ป้าเซียวร้องเสียงหลงเมื่อรินโกะเดินเข้าไปสวมกอดนางไว้แน่น แน่ล่ะไม่มีทางที่นางจะจำเธอได้เพราะเธอนั้นอยู่ในคราบของบุรุษเธอสวมวิกผมสีดำและสวมชุดทัคซิโด้ในแบบผู้ชาย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นหากเธอไม่แปลงเป็นบุรุษชายก็น้อยนักที่คนๆนี้หรือแม้กระทั่งนานะและสามีคนนั้นของหญิงสาวจะจดจำใบหน้านี้ของเธอได้ เพราะมันเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน
“ป้าเซียว...รินคิดถึงป้าเซียวจังเลย..ฮึก..เกือบหนึ่งปีรินต้องดิ้นรนอยู่อังกฤษโดยที่ไม่ได้ยินเสียงกำลังใจจากป้า..”
ร่างงามในคราบบุรุษสั่นเทิ้มพูดพร้อมสะอื้น ป้าเซียวเบิกตาโพลงเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“ป้าเซียว..วันนี้ยัยหนูของป้าน่าจะมาถึงแล้วล่ะแต่เมื่อครู่นี้มีเด็กวัยรุ่นคนนึงมาที่บ้านเราป้าช่วยดูแลเขาแทนฉันทีนะ วันนี้จะออกไปบริษัทน่ะ”
นั่นเป็นคำพูดนานะผู้เป็นนายจ้างสาวและเป็นคุนนายบ้านนี้ได้กล่าวเอาไว้ ป้าเซียวรู้แล้วว่าทำไมวันนี้ถึงยังไม่เห็นหน้าคุณที่คุ้นเคยโผล่มาให้เห็นจนกระทั่งบ่าย
“น...นี่เป็นคุณหนูจริงๆเหรอคะทำไม..”
“ป้าจำกลิ่นรินไม่ได้เหรอ..หรือว่ารินหล่อเกินไปจนไม่เหลือความเป็นผู้หญิงแล้ว..ฮึก..ป้าลืมรินแล้ว”คนขี้แยสะอื้นให้พูดกระเส่าขณะยืนซุกหน้าลงบนไหลกว้างของผู้เป็นแม่บ้าน
ไม่มีอะไรที่จะต้องสงสัยหรือสอบถามเพิ่มอีกป้าเซียวมั่นใจได้เต็มร้อยเลยว่าหนุ่มน้อยน่าหวานตรงหน้าคนนี้คือคุณหนูของนาง เพราะกลิ่นที่โชยเข้าจมูกมันเป็นกลิ่นอายจากกายสาวที่หอมละมุลและคุ้นเคยแม้จะมีกลิ่นกายเหมือนกับกลิ่นกายของรุรุษปะปนอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม
“โถ่...คุณหนูทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้.ป้าก็รอคุณหนูทั้งวันว่าเมื่อไหร่จะมาที่บ้านนี้...ที่แท้ก็มาหลับปุ๋ยอยู่ที่ห้องตั้งนานแน่ะ”
“รินคิดถึงป้าที่สุด”
“จ้าๆพ่อคุณ..ปล่อยป้าได้แล้วคนอื่นมาเห็นแบบนี้มันดูไม่ดี..เอาล่ะรีบไปอาบน้ำเเต่งตัวเสียใหม่แล้วลงไปรอทานมื้อเย็น”
“นี่รินหลับไปนานจนเกือบค่ำเลยงั้นเหรอ” ร่างงามขยับผละออกพร้อมเอ่ยถาม แต่ผู้ถูกถามไม่ได้ตอบเพียงแต่ยิ้มแล้วเอื้อมมือมาลูบเบาๆที่ศรีษะด้วยความเอ็นดู
ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี..คนขี้แยและนิสัยเหมือนเด็กคนนี้ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน...
ป้าเซียวคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูและขบขันก่อนจะหันหลังเดินกลับออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวอะไรอีก
“หวา...เผลอทำนิสัยขี้แงอีกแล้วถ้าคริสมาเห็นเข้าคงไม่ปลื้มแน่เลย..เเถมยังอยู่ในร่างผู้ชายอีก”
รินโกะบุ่นอุบอิบอยู่คนเดียวเพียงครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปลื้อค้นหาชุดที่คนของเธอได้จัดเตรียมเอาไว้ให้เมื่อได้ตามที่ต้องการจึงเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่เร่งรีบอะไรนัก...
************
เอมิโกะในชุดนักเรียนมัธยมปลายก้าวเดินช้าๆออกมาที่หน้าโรงเรียน ด้วยสีหน้าไม่รับบุญเพราะช่วงนี้ทั้งงานเยอะและผู้ชายที่เข้ามารุมตอมเธอได้ไม่เว้นในแต่ละวันทุกๆสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนหรูแห่งนี้ เพราะหวังจะได้อยู่ดูแลน้องสาวที่เธอนั้นแทบจะไม่เคยเห็นหน้า
แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ย้ายไปเรียนต่างประเทศและปล่อยให้เธอต้องเรียนอยู่ที่นี่ตามลำพังแต่ยังโชคดีที่ตีสนิทกับเหมย ฮัวที่เป็นเพื่อนรักของน้องสาวได้แต่ดูเหมือนเหมยฮัวจะไม่อยากเรียกน้องสาวของเธอว่าเพื่อนเสียแล้ว ส่วนจะเป็นเพราะอะไรนั้นเธอเองก็ไม่อาจบอกได้
“เวลาเดินเขาไม่ใจลอยครุ่นคิดหรอกนะแม่ราชสกุลสาว”
เสียงนั้นทำเอาสดุ้งด้วยความตกใจเพราะกำลังเหม่อลอยแต่ครั้นพอหันไปมองตามต้นเสียงที่ดังมาค่อนข้างจะไกลก็พบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งใบหน้าหวานนั้นทำเอาใจเธอเต้นไม่เป็นจะหวังเขายืนเอนกายพิงรถหรูแมคลาเรนสีดำมันวิบวับ
มือก็ล้วงหยิบขนมในซองยื่นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆส่วนสายตาจับจ้องมองมาที่เธอไม่กระพริบทำเอาเธอทำอะไรไม่ถูกรับรู้ถึงความรู้สึกร้อนผ่านที่ใบหน้าและเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไร
หนุ่มหน้าหวานก็หัวเราะหึหึออกมาเบาๆในตอนนี้เธอเดินไกล้เข้าไปอย่างไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เธอยืนเพียงสามเมตร แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยถามอะไรกับหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนั้น เสียงต่ำๆของชายคนหนึ่งก็พลันดังขึ้น
“ไง...คุณนางฟ้า” กล่าวพลางมันก็เดินเข้ามาใช้แขนโอบรอบบริเวณไหล่ของเธออย่างถือตัวผู้คนในบริเวณนั้นเริ่มจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียวบ้างก็รวมกลุ่มกันเหมือนจะมีเรื่องสนุกให้ดู
“ปล่อยนะ!! กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน”
“โอ้...กะอีแค่ผู้หญิงอย่างเธอมีอะไรที่ฉันจะทำไม่ได้..จะบอกอะไรให้นะฉันน่ะเป็นคนที่เธอควรจะเคารพรักและยำเกรงไม่ใช่มาทำกร่างใส่แบบนี้”
“แล้วทำไม..แกไม่รู้จักฉันเสียด้วยซ้ำว่าเป็นใครคิดว่าตัวเองรวยหน่อยแล้วถูกใจใครจะฉุดไปนอนด้วยก็ได้เหรอ”
“เหอะ...ปากดีนักอีนี่” มันสบทด้วยโทสะ
**************
รินโกะนั่งเคี้ยวขนมอยู่ข้างรถไปตาก็จ้องมองคนทั้งสองตรงหน้าไป แต่เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือที่มีราคาเฉียดๆเกือบเเสนของเธอก็ต้องถอนหายใจอกกมาเบาๆแล้วหันไปบอกกับหญิงสาวตรงหน้าว่า “นี่...อย่าให้ฉันต้องเสียเวลาฉันมารับเธอกลับบ้าน..ป้าเซียวบอกให้รีบๆกลับก่อนท่านแม่ท่านแม่จะมาถึง”
ชายหนุ่มในชุดนักเรียนหันมามองที่รินโกะตาขวางก่อนที่มันจะค่อยๆเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ โดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับร้องถามเสียงดังลั่นว่า “เห้ย!!มึงอะไอ้หน้าหวาน เก่งมาแต่ไหนวะสั่งผู้หญิง แล้วนี่อะไรคิดจะแย่งของกูเหรอ”
“เหอะ..ของแกงั้นเหรอสีใจด้วยเพราะยังไงเธอก็ไม่สนใจไอ้หน้าปลากระป๋องอย่างแกอยู่แล้ว..หัดดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง”
มันขบกรามแน่นจนเป็นนูนสันรินโกะยิ้มมุมปากแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง 165 ของเธอแม้ว่าตอนนี้จะสวมรองเท้าหุ้มข้อแบบทรงสูงแล้วก็ตาม
รินโกะมองนักเรียนหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าเหยียดๆใบหน้านั้นดูเพียงแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนเอเชียด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างบึกบึนแต่สำหรับเธอแล้วดูยังไงก็เหมือนเด็กประถมทั่วไปที่ชอบหาเรื่องชาวบ้านและทำกร่างเพราะบ้านรวย
รินโกะหัวเราะหึหึแล้วเดินเข้าไปยื่นหน้ากระซิบข้างหูของนักเรียนหนุ่มแล้วกระซิบที่ข้างหูว่า
“หึหึ..ไอ้ไกจินอย่างแกคงไม่เคยเห็นหน้าเสือแห่งโตเกียวคนนี้สินะ...บอกไว้ก่อนถ้าแกยังไม่เลิกตามรังควานพี่สาวฉันล่ะก็..อย่าวหวังว่าแกและครอบครัวแกจะได้ตายดี”
ว่าแล้วเธอก็เดินไปคว้าข้อมือของเอมิโกะที่กำลังยืนเหม่อมองมาที่เธอ หญิงสาวสดุ้งเพราะกำลังเหม่อลอย แต่เธอไม่สนใจเเละเมื่อเห็นเจ้าตัวเดินเตาะเเตะเหมือนจะไม่เต็มใจจึงตัดสินใจอุ้มร่างนั้นขึ้นแล้วโยนเข้าไปในรถเหมือนสิ่งของ ทำเอาเจ้าตัวร้องแหวดังลั่น
“โอ้ย!!เจ็บนะ แล้วทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย”
ปึก!!
เสียงปิดประตูดังเบาๆพร้อมกับเสียงโว๊กว๊ากโวยวายของหญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในรถก็พลอยเงียบลงไปด้วย เธอเดินอ้อมไปฝั่งคนขับท่ามกลางสายตาเดือดดาลของนักเรียนหนุ่มคนนั้นที่ยังไม่ยอมเดินจากไปไหน
รินโกะเข้าไปนั่งภายในรถแล้วดึงประตูปิดลงก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่พูดอะไรกันคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย