ตอนที่ 3 กลับคืนสู่เหย้า
ณ ประเทศญี่ปุ่น ปี 2022...
รินโกะเดินลงจากเครื่องบินเจ็ทที่จอดนิ่งอยู่รันเวย์ทันทีที่เธอก้าวเท้าเหยียบลงบนผืนแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเสียงเอะอะของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นขณะที่เธอนั้นกำลังถอดแว่นสายตาออกแล้วหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมไว้แทน
“โอฮาโยะ โกไซอิมัส”
เสียงหวานใสจากหญิงสาวร่างสูงเพรียวดังขึ้นพร้อมกันนั้นหญิงสาวก็เดินตรงเข้ามาหา เธอเอียงคอมองด้วยความสงสัยแต่ไม่ถามอะไรออกไปด้านหลังของหญิงสาวบัดนี้มีบอดี้การ์ดหลายสิบนายยืนเรียงเเถวหย่างเป็นระเบียบ
“อะซึ่ย เดสเนะ!”
เธอบ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเช้าผ่านแว่นกันแดดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆในใจคิดถึงเพื่อนสาวขึ้นมาเสียแล้ว
“ฉันมีชื่อว่านากิสะ ทางครอบครัวของคุณหนูได้ส่งฉันมารับคุณหนูกลับบ้านค่ะ”นากิสะกล่าวพร้อมทั้งผายมือเชิญให้เธอเดินไปที่รถลีมูซีนสีดำที่จอดนิ่งรอเธออยู่ แต่เธอส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวตรงหน้าเสียงเรียบว่า
“เดี๋ยวจะตามไปทีหลังเอาแค่สัมพาระไปก่อน”
“รับทราบค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย เพราะฟังคำบอกเล่ามากจากนายจ้างสาวผู้สูงศักดิ์ที่บอกเอาไว้ว่าคนตรงหน้าในขณะนี้หากเจ้าตัวต้องการอะไรและอยากทำอะไรอย่าได้คิดขัดใจเป็นเด็ดขาดเพราะหากคนตรงหน้าเกิดความไม่พอใจขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง
ณ บ้านพักหรูตระกูลนากามูระ
นานะยืนนิ่งจับตามองรถคันหรูที่พึ่งส่งตรงมาจากโรงงานพอมองดูทีไรก็อดไม้ได้ที่จะคิดถึงคนตัวเล็กที่อดีตมักจะมายืนจ้องแป๋วมองรถทุกคันที่ส่งมาใหม่ด้วยความสนใจ แต่บ่อยครั้งก็งอแงอยากจะได้ทั้งๆที่รถในบ้านมีมากมายหลายสิบคันจนใช้แทบไม่หวาดไม่ไหว
“คิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงต่ำๆดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงกำยำในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาสวมกอดร่างระหงในชุดเดรสยาวสีขาวจากทางด้านหลัง
“อุ้ย! ทำไมคุณยังไม่ไปทำงานอีก” นานะหันขวับไปมองผู้เป็นสามีขณะยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นเพียงความเงียบและแววตาอันเลื่อนลอยและเยือกเย็นเหมือนกับแววตากลมโตของใครสักคนที่หญิงสาวกำลังเฝ้ารอ
ในขณะที่สายตากำลังจ้องมองอยู่นั้นวงแขนของหญิงสาวก็โอบล้อมลอบลำคอของชายหนุ่มผู้เป็นสามีก่อนที่ใบหน้าคมสันจะค่อยๆก้มลงมาจนเเนบชิดกับใบหน้าของหญิงสาว
คุโมริเอื้อมมือโอบรอบเอวคอดบางของภรรยาสาวของเขาจนร่างงามอ้อนแอ้นนั้นยืนแนบชิดสนิทกายเสียจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เขาสัมผัสได้ถึงความเร่าร้อนจากกายของผู้เป็นภรรยา
เขาหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะบรรเลงเพลงจูบอันเร่าร้อนป้อนให้กับริมฝีปากอวบอิ่มของผู้เป็นภรรยาที่บัดนี้ถูกริมฝีปากหนาของเขาขบกัดเบาๆด้วยความมันเขี้ยว เขาสอดแทรกลิ้นไปทั่วทั้งโพลงปากก่อนจะตวัดลิ้นพันเกี่ยวลิ้นบางของผู้เป็นภรรยาที่ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน
แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังไปได้สวยก็เป็นอันต้องจบสิ้นลงตรงนั้นเมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไกล้เข้ามาก่อนจะดังลั่นขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง
บรืน!! เอี้ยด!!
ทั้งสองผละออกจากกันพร้อมกันนั้นก็หันขวับไปมองตามต้นเสียง แต่พอเห็นทั้งสองก็มองหน้ากันเหมือนจะถามด้วยความงุนงงเพราะจู่ๆดันมีชายร่างงามขับรถมอเตอร์ไซค์ไทร อัมพ์สปีดทริปเปิลซึ่งมันเป็นคันเดียวกันกับของรินโกะ
ทันทีที่ร่างบางก้าวท้าวลงจากรถแล้วถอดหมวดนิรภัยออกคนทั้งสองก็ยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่เพราะใบหน้านั้นไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อยร่างนั้นค่อยๆเดินเข้ามายังตำแหน่งที่คนทั้งสองยืนอยู่
พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่เอื้อมไปหยิบซองขนมขึ้นมาแกะใส่ปากเคี้ยวไปพลางเดินไปพลางแววตาภายใต้ดวงตากลมโตดูสดใสแต่เฉียบคมเต็มไปด้วยความสุขุมและเยือกเย็นนั้นทำให้นานะครุ่นคิดไปถึงใบหน้างามของเด็กสาวอีกคน
“ตระกูลนากามูระงั้นเหรอ...เหอะวันเวลาเปลี่ยนไปคนก็ย่อมเปลี่ยนไปตามเวลางั้นสินะ”
หนุ่มหน้าหวานผู้มาใหม่กล่าวเสียงต่ำๆกับคนทั้งสองก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองแล้วหยิบขนมในซองยื่นส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“แกเป็นใคร..แล้วมีธุระอะไร” คุโมริถามเสียงกระด้าง หนุ่มหน้าหวานเหลือบมองสบตาเขาอย่างไม่สะทกสะท้านแต่วินาทีนั้นเองเขาก็ถึงกับยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะราวกับถูกสาบ
เมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองสบตาเขาคุโมริแทบช็อคเพราะดวงตาคู่งามนั้นมันเป็นแบบเดียวกับเขาเขามีสีนัยน์ตาฟ้าเข้มเปล่งประกายส่วนหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าของเขาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
และเหมือนเด็กหนุ่มจะสังเกตุเห็นอาการนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากแม้จะกำลังเคี้ยวขนมอยู่ตุ้ยๆก็ตามเขารู้สึกได้ถึงอาการเหยียดและสมเพชของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“เป็นใครงั้นเหรอคงเป็นผู้ร้ายล่ะมั้ง”
“แล้วมาที่นี่เพื่ออะไร”นานะถามบ้าง
หนุ่มหน้าหวานหัวเราะหึหึไม่ตอบแต่เดินเฉียดผ่านคนทั้งสองไปยังด้านในสุดพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์สปีด ทริปเปิลที่ยังคงวิ่งเเล่นตามไปติดๆต่อมาเสียงเปิดช่องเก็บรถก็ดังขึ้น รถสุดล้ำวิ่งแล่นขึ้นไปจอดนิ่งอยู่บนแท่นเก็บแล้วดับเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติ
“เพื่ออะไรงั้นเหรอ...ก็คงจะเป็นเพราะมีคนให้มาที่นี่เพราะมีปัญหาให้ช่วย”
“ช่วยอะไรไม่ทราบ เรายังไม่ได้ติดต่อไปหานายเลยด้วยซ้ำไอหนู แล้วเราก็ไม่รู้จักกันด้วย”
“งั้นเหรอ...เดี๋ยวได้รู้จักแน่” หนุ่มหน้าหวานพูดพลางแสยะยิ้มหัวเราะหึหึในลำคอ ทำเอาคนทั้งสองทำตัวไม่ถูก เพราะคนตรงหน้าดูเหมือนจะมาร้ายก็ไม่ใช่เหมือนจะมาดีก็เชิงตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอหาโอกาส
“เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่ามีปัญหาอะไรงั้นเหรอถึงขั้นต้องเรียกตัวลูกสาวของพวกคุณมาถึงที่ญี่ปุ่น”
“หืม...งั้นลูกสาวของฉันอยู่ไหนล่ะแล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นลูกสาวของฉัน”
“เฮ้อ...พูดไปใครจะเชื่อรินโกะคนนั้นก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้วนี่”
“........”
นานะเหมือนจะไม่อยากเชื่อ ในคำพูดของคนตรงหน้าแต่เพราะกิริยาอาการหลายๆอย่างมันชั่งคล้ายคลึงกับเธอคนนั้นเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำรถสุดล้ำคันเมื่อครู่ก็มีเพียงไม่กี่คนและไม่กี่คันที่จะสามารถขับไปไหนมาไหนได้
“ไม่เชื่องั้นเหรอ.…..แต่ก็เอาเถอะวันนี้อย่าพึ่งพูดคุยธุรงธุระอะไรเลย..ขอขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า..เหนื่อยชะมัด”
ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านทำเอาสองสามีภรรยายืนงงทำอะไรไม่ถูกครั้นจะเอ่ยถามอะไรอีกเจ้าตัวก็เดินหายลับไปเสียแล้ว ทั้งสองจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะพากันเดินออกจากบ้านไปแต่ยังมิวายโทรสั่งกำชับกับคนในบ้านให้ดูแลแขกแปลกหน้าที่มาใหม่