ตอนที่ 17 เงินที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อ
ณ โรงเรียนหรู
เช้าวันจันทร์อันสดใจแต่อีกคนกลับหม่นหมองเพราะครุ่นคิดวิตกอยู่กับอดีตจนอีกคนต้องคอยเอ่ยเรียกให้มีสติและไม่เหม่อลอยจนเกินไป เนื่องจากบางครั้งเจ้าตัวก็ไม่สนใจกับอะไรทั้งสิ้น
“นี่..ไวโอ..อย่าเอาแต่นั่งเหม่อสิรีบจดงานให้เสร็จเร็วเข้า”
คนถูกเรียกไม่หันมามองหรือสนใจคนเรียกแม้แต่น้อยเพียงแต่หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วหยิบสมุดที่จดข้อความเอาไว้เต็มหน้ากระดาษยื่นส่งไปให้เพื่อนสาว
เหมยฮัวรับมาถือไว้ในมือแล้วเปิดดู ทันทีที่เห็นก็ถึงกับอ้าปากหวอทำตาโตเพราะเมื่อครู่ครูผู้สอนได้สั่งให้เขียนบทความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆในประวัติศาสตร์ให้ครบหนึ่งหน้ากระดาษ
คนอื่นคงกำลังนั่งเขียนกันอย่างขมักเขม้นแต่กลับไม่มีใครทำเสร็จทว่าคนที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยกลับเขียนจนเสร็จเต็มหน้ากระดาษ ตัดกลับมาที่เหมยฮัวเธอกลับเพียงเขียนได้เเค่ไม่กี่บรรทัดเท่านั้น
“เธอเขียนตอนไหนเนี่ย”
“ฉันเขียนครู่เดียวก็เสร็จอย่าเอาจักรกลอย่างฉันไปเทียบกับมนุษย์อย่างพวกเธอสิ”
“แหะ แหะ คือว่านะมันเร็วไปมั้ย”
“จะลอกหรือจะพูด” เมื่อนั้นเหมยฮัวจึงยอมเงียบและรีบคัดลอกบทความที่เธอเขียนจนเสร็จลงไปในกระดาษของตน เมื่อครู่เพื่อนสาวดูจะไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเธอเพราะเจ้าตัวนั้นใสซื่อเสมอในเรื่องอ่านใจและคำพูดของบุคคลคนอื่น
ณ บ้านพักหรู
เหมยฮัวนั่งมองดูเพื่อนสาวขณะทำงานด้วยสีหน้าและเเววตาหม่นหมองแม้จะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเพื่อนสาวคนนี้นักแต่ก็พอจะรู้ได้จากสีหน้าและอาการของคนเป็นเพื่อนที่แสดงออกมาเมื่อยามที่ตกอยู่ในอาการเหม่อลอยหรือกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ภายในใจเพียงลำพังอย่างเช่นขณะนี้
ตั้งแต่ที่กลับมาจากโรงเรียนไวโอเลตก็เอาแต่นั่งเซ็นเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องทำงานอันเป็นจุดที่เจ้าตัวใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมัน
อายุพึ่งจะสิบเจ็ดเรียนก็ยังไม่จบกลับต้องแบกรับภาระมากมายทั้งการงานที่ล้นหลามไหนจะปัญหาครอบครัวไหนจะปัญหาชีวิตที่มีแต่กลุ่มคนหมายหัวที่จะเอาชีวิต หากเป็นฉันคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้แน่....
เหมยฮัวครุ่นคิดอยู่ภายในใจกับตนเองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาราวกับคนมีเรื่องกลุ้มใจทั้งๆที่คนกลุ้มควรจะเป็นอีกคนที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับงาน
“ถ้าเหนื่อยใจแทนฉันเธอจะมาช่วยแบ่งภาระมั้ยล่ะหรือถ้าอยากจะใช้ชีวิตตามประสาวันรุ่นไปวันๆก็ตามใจเพราะถึงยังไงฉันคนนี้ก็จะดูแลเธอไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
ไวโอเลตพูดเสียงเนือยๆตามนิสัยไร้อารมณ์โดยที่ไม่ได้หันไปมองคนตัวเล็ก มือที่จับปากปาก็เซ็นยุกยิกอยู่ที่แผ่นกระดาษอันเป็นเอกสารสำคัญ แต่เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นมันจะกระทบคนฟังถึงขั้นนั่งน้ำตาคลอมองมาที่เธอตาแป๋ว
“ฉัน...ก็อยากช่วยและอยากจะเป็นแบบเธอบ้างแต่ฉันคงทำได้แค่มองเท่านั้น...เพราะลูกคุณหนูอย่างฉันจะไรทำอะไรได้”เหมยฮัวพูดเสียงอ่อยทั้งน้ำตาขณะนั่งจ้องมองคนเป็นเพื่อน
“เก็บน้ำตาของเธอเอาไว้ให้คนอื่นเชยชมเถอะสำหรับฉันดูแล้วมันน่าสมเพชมากกว่าน่าสงสารเพราะสำหรับฉันน้ำตาหมายถึงความอ่อนแอมากกว่าจะเป็นความปิติหรือซาบซึ้ง”
เหมยฮัวใช้หลังมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มพยายามข่มสะอื้นที่แน่นตีบอยู่ที่ลำคอ บ่อยครั้งที่มักจะเสียน้ำตาให้กับเพื่อนคนนี้แต่บ่อยครั้งก็มักจะทำให้เพื่อนคนนี้ต้องเสียน้ำตาเช่นกัน เหมยฮัวจึงพยายามไม่ทำอะไรให้เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของคนเป็นเพื่อน
“ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียน”
ไวโอเลตสั่งเสียงเรียบโดยไม่หันไปมองในขณะที่มือก็ยังไม่วางปากกาเล่มโปรดและเช็นเอกสารต่างๆไปเรื่อยส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นการอนุมัติเรื่องต่างๆ
เพราะถ้าหากเธอไม่ทำก็จะไม่มีใครทำและถ้าหากไม่มีใครทำหรือถ้าหากเธอไม่ทำก็จะไม่มีเงินใช้และชีวิตก็คงต้องอยู่อย่างอดๆหยากๆในความเป็นจริงแล้วคนอื่นอาจจะมองว่าเธอเป็นเศรษฐีพันล้าน
แต่ในความเป็นจริงตัวเธอเองก็ไม่ต่างจากขอทานที่ไม่มีแม้กระทั้งบ้านจะซุกหัวนอนเพราะความจริงแล้วทั้งบริษัท บ้าน รถ หรือแม้แต่สิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ
ก็ล้วนมากจากเงินของคนอื่นทั้งนั้นที่ช่วยซื้อหามาให้สิ่งของนอกตัวเหล่านี้จึงหาใช่ของเธอเพราะลำพังเด็กนักเรียนมัธยมปลายอย่างเธอจะไปหาเงินมากมายมาได้ซะที่ไหน
นอกเสียจากจะไปเล่นพนันและนำเงินเหล่านั้นมาเลี้ยงชีพซึ่งเธอก็ทำเช่นนั้นมาโดยตลอด เงินที่เธอถือหาใช่เงินที่บริสุทธิ์ไม่ เพราะมันเป็นเงินที่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียหรืออาจต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้คน
แต่เงินเหล่านั้นก็เเลกมาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดของเธอเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นเงินที่ได้มาแบบสกปรกแต่เธอก็ไม่แคร์อะไรทั้งนั้นเพราะคนที่มีเงินเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้บนโลกใบนี้ที่มีทั้งดีและร้ายสวยงามและเน่าเฟะ
“ทำไมถึงดื้อนักนะเหมย..พรุ่งนี้มีเรียนแต่..ชะ” ไวโอเลตทำท่าจะหันไปต่อว่าคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้างุดอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของเธอแต่แล้วก็ต้องนิ่งงันไปชั่วขณะเพราะเห็นว่าเจ้าตัวดันผลอยหลับไปเสียแล้ว
“เพราะมีเธอฉันถึงมีทุกวันนี้..ไม่เอาแล้วแม่หรือครอบครัวที่อบอุ่น..ขอเพียงแค่มีเธอร่วมอยู่เคียงข้างฉันก็เป็นสุขแล้วล่ะ..ขอบคุณนะเหมยฮัว”
“.........”
เธอเอ่ยกับคนตัวเล็กที่ก้มหน้าหลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นน้ำเสียงแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่พูดแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง
มือเรียววางปากกาลงช้าๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนบิดกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื่องมาจากการทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆด้วยความงุนง่วง
เธอเดินเข้าไปอุ้มช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนโดยที่ยังแบกร่างของคนตัวเล็กไว้ในอ้อมอกเจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้สึกตัว
ภาพเหล่านี้มันทำให้เธอนึกถึงนานะขึ้นมาแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นคิดเรื่องอื่นเพราะไม่อยากนึกถึงคนใจร้ายและขี้โกหกคนนั้นอีกแล้ว
ฟุ่บ!!
เธอวางร่างเล็กในชุดนอนสุดเซ็กซี่ลงบนเตียงก่อนจะห่มผ้าให้แล้วก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากเนียนใส แล้วจึงเดินกลับออกมาจากห้องนั้นเพื่อทำงานของเธอต่อจนโต้รุ่ง
เช้าตรูในวันถัดมาไวโอเลตเเต่งตัวอยู่ในชุดสูทสีดำกางเกงขายาวสีดำเข้ากับโทนสีเสื้อรองเท้าหุ้มข้อสีดำแต่ภายในซ่อนคมเขี้ยวเล็บเอาไว้โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย
ใบหน้างามบัดนี้กลับกลายเป็นใบหน้าคมสันดูหล่อเหลาแบบฉบับหนุ่มน้อยหน้าหวาน แต่เป็นตรงกันข้ามกับแววตาเย็นชา
เธอหันไปมองคนตัวเล็กในชุดนักเรียนก่อนจะค่อยๆมองต่ำลงไปที่ประโปงสีดำแดงแต่แล้วก็ต้องกุมขมับเพราะมันสั้นเสียจนเธอเห็นแล้วรู้สึกใจหวิว และไม่ต้องคิดเลยว่าบุรุษชายเห็นแล้วจะรู้สึกยังไง ไม่มากก็น้อยคงหันมองจนคอเคล็ด
“เห...ที่รักคะ...อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นสิ..นี่เป็นเพศกำเนิดของตัวเองไปแล้วเหรอ”
คนตัวเล็กหันมาพูดด้วยรอยยิ้มทำเอาคนฟังหัวใจพองโตด้วยความสุขใจคนตัวเล็กแม้ขณะนี้จะอยู่ในชุดนักเรียนและสวมทับด้วยเสื้อครุมสีชมพูดูหวานแหววเข้ากับนิสัยแต่ก็แลดูมีมนต์เสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไปเปลี่ยนกระโปงไม่ได้เหรอเห็นแล้วอยากพรากผู้เยาว์”
“เห...หึงเหรอ...ที่แท้ก็หึงเป็นด้วยนี่นา..ทีเมื่อก่อนไม่เคยว่าเลยนี่”
“ก็เมื่อก่อนฉัน..เอ่อช่างเถอะไม่เปลี่ยนก็ตามมาได้แล้วยัยคุณหนู”
“จ้า...ยอดรักของคะ...โอ้ย!!” คนตัวเล็กครางอู้เมื่อกำปั้นหนักๆกระทบลงบนศรีษะแม้จะไม่แรงมากนักแต่ใจนึกอยากจะแสร้งทำเป็นงอแงใส่หวังจะให้เพื่อนสาวง้องอนแต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะสายตาคมกริบจับจ้องมองมาอย่างเอาเรื่องนั่นทำเอาไม่กล้าแม้แต่จะซุกซน