บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 16 ความทรงจำที่ลืมเลือน

ณ กรุงโตเกียว เวลา 12:00

ลัมโบร์กินีสีเขียวอ่อนสุดหรูวิ่งแล่นไปตามถนนด้วยความเร็วสูงเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มคำรามดังกึกก้องเป็นเอกลักษณ์ ก่อนที่รถหรูคันนั้นจะค่อยๆชลอความเร็วลงแล้วเลี้ยวไปจอดนิ่งอยู่ที่ริมถนนอันเป็นเส้นทางโค้งก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงเพรียวในชุดสูทก้าวเท้าเดินลงจากรถพร้อมปืนในมือ

บรืน!! บรืน!! เอี้ยด!!!

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงปืนและเสียงเสียดสีของล้อขณะดริฟท์ดังไกล้เข้ามาแต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงของไซเรนตำรวจหรือรถวิ่งตามบ่งบอกว่างานนี้ตำรวจไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอาจเป็นเพราะอีกสองฝ่ายต่างเป็นบุคลสำคัญจึงไม่มีการยุ่งเกี่ยวด้วยแม้กฏหมายจะร้ายแรงและเคร่งขัดสักเพียงใด

“มือระดับพระกาฬสินะ”

นานะเอ่ยพึมพัมเบาๆกับตนเองก่อนจะหยิบหัวกระสุนระเบิดขนาดจิ๋วยัดลงไปในช่องยิงระเบิดที่ปลายปืนเอ็ม 4 คาร์บินหญิงสาวจะปิดช่องลงเสียงดังปึกแล้วหันปลายกระบอกปืนไปยังเส้นทางเบื้องหน้าในขณะที่เสียงรถและเสียงปืนดังใกล้เข้ามา

และแล้วในที่สุดก็ปรากฏรถลัมโบร์กินีสีดำวิ่งแล่นตรงมายังเส้นทางที่หญิงสาวดักรออยู่พร้อมกับรถเก๋งสีดำหลายสิบคันวิ่งแล่นตามหลังอยู่ห่างๆทันทีที่รถหรูดริฟท์เข้าโค้งหญิงสาวกดเหนี่ยวไกในทันที

ป๊อก!!!

เอี้ยด!!! บรืน! บรืน!!!

บึ้มมมม!!!!

นานะยืนงงกับภาพที่เห็นเมื่อหัวระเบิดถูกยิงออกไปในระยะเผาขนซึ่งอยู่ห่างจากรถหรูเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตรแต่รถคันนั้นกลับเบรคและหันหัวหลบกระสุนระเบิดไปได้อย่างง่ายดาย

ก่อนที่กระสุนนั้นจะตกกระทบพื้นแล้วเกิดระเบิดขึ้นห่างออกมาทางด้านหลังของรถคั้นนั้นราวๆหกถึงเจ็ดเมตรแต่พอหญิงสาวมารู้สึกตัวอีกทีรถหรูก็แล่นผ่านไปไกลลิบส่วนเสียงปืนและเสียงรถที่ตามมาก็ดังห่างออกไปไกลเช่นกัน

“นี่ห้อยพระอะไร...ถึงได้เหนียวขนาดนี้”

ร่างสูงเพียวได้แต่ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเก็บปืนเดินกลับเข้าไปในรถแล้วขับออกไปจากบริเวณนั้นทำราวกับว่าเหตุการเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ณ คฤหาสน์

“ริน....เป็นอะไรน่ะทำไมเธอถึง....”

เสียงหวานต่ำดังขึ้นจากทางด้านหลัง ไวโอเลตหันไปมองเพียงแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าลงตามเดิมด้วยสีหน้าที่ไร้สีเลือดและขาวซีดราวกับศพ

“ไม่จริง....ฉันแค่ฝันไป..มันไม่ใช่ความจริง”

เธอเอ่ยพึมพัมอย่างเสียสติและแทบคลั่งกับสิ่งที่ได้รับรู้และพบเห็นเมื่อไม่นานมานี้ และยิ่งไปกว่านั้นคนที่เธอรักหนักหนาเกือบจะฆ่าเธอให้ตายไปแล้ว แต่โชคดีที่เธอไหวตัวทันและรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

“เหมย...ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

“ไม่เอาสิ...ก็ไหนเราบอกจะอยู่ที่นี่ด้วยกันไงล่ะ”

“ไม่เอาแล้ว...ไม่เอา..ฉันรับรู้เรื่องแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว...ฉัน..ฉัน..”ไวโอเลตนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเพื่อนสาวรั้งร่างของเธอเข้าไปกอดไว้แน่นแนบอกจนเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากกายของคนเป็นเพื่อน

“ไม่เป็นไรนะอย่าคิดมาก” ว่าแล้วเหมยฮัวก็เอื้อมมือมาลูบเบาๆที่ศรีษะของเธอและเธอก็เหนื่อยจนไม่อยากจะลุกออกไปไหนทั้งสิ้นจึงทำได้แต่เพียงเอนกายซุกอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสาวจนกระทั่งผลอยหลับไปในที่สุด..

“รัน....รันริโกะ..”

“ตื่นได้แล้ว...นังตัวดี!!”

ไวโอเลตค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงเอ่ยเรียกนามเดิมของเธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท สายตาคู่งามค่อยๆหฃกวาดตามองไปรอบๆด้วยความพิศวงเพราะรอบด้านมันเป็นบรรยากาศที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย

ห้องนอนสีขาวซีดดูเก่าและเขรอะไปด้วยฝุ่นแลดูสกปรกแต่ทว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับยิ่งทำให้เธอประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะคนตรงหน้าคือคนที่เธอเกือบจะลืมเลือนไปแล้ว

เขาคือพ่อเลี้ยงของเธอเขากำลังยืนถือไม้เเส้ในมือในขณะที่สายตากลับจ้องมองไปยังอีกร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเก่าๆห่างจากตรงหน้าของเธอไปเพียงเล็กน้อย ร่างนั้นนอนขดกายสั่นเทิ้มราวกับเจ้าเข้า

แต่สิ่งที่เห็นแล้วทำให้เธอยืนนิ่งตัวเเข็งทื่อราวกับถูกสาบก็คือใบหน้าหวานงามของเด็กสาวคนนั้นมันเป็นใบหน้าแบบฉบับเดียวกันกับเธอราวกับว่าจะเป็นคนเดียวกัน

“คุณคะ..ทำไมนังนี่ถึงไม่ยอมตื่นล่ะดูมันสินอนสั่นงกๆประเดี๋ยวก็ตายคาบ้านเราเสียหรอก”

เสียงนั้นดังมาจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างพ่อเลี้ยงของเธอหญิงสาวมีใบหน้าที่งดงามแต่ทว่าสายตาที่มองไปยังร่างของคนตัวเล็กที่นอนสั่นอยู่บนเตียงกลับเต็มไปด้วยความสมเพชและรังเกียจ

เพี้ยะ!!!

เสียงเเส้ฟาดกระทบเรียวขาของคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องแคบๆ พร้อมกันนั้นร่างที่นอนไม่ได้สติก็กระตุกวูบแต่ไม่มีเสียบร้องออกมาถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจของเด็กสาวคนนั้น

จู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับสายน้ำเมื่อเธอเข้าใจอะไรกระจ่างแจ้งกับสิ่งที่เห็นเธอค่อยๆทรุดกายลงนั่งกับพื้นพร้อมกับภาพรอบด้านค่อยๆมืดสนิทลง นี่เป็นความฝันเป็นความฝันที่เกิดจากความทรงจำในวัยเด็กของเธอ

กว่าเธอจะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่เเท้ๆของเธอ ชีวิตของเธอก็เเปรเเปลี่ยนไปมากมายมีทั้งดีร้ายปะปน แต่สุดท้ายแล้วมันก็มักจะวกวนกลับมาที่เรื่องร้ายๆอยู่เสมอ

เรื่องราวต่างๆในวันเด็กของเธอเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับภาพวาดหรือฉากต่างๆในภาพยนต์ที่ปรากฏอยู่ในหัวสมองให้เธอได้เห็น ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างกายราวกับว่าร่างของเธอถูกทิ่มด้วยเข็มนับร้อยนับพัน

ไม่มีแม้แต่เสียงร้องที่หลุดออกมาจากปากที่พยายามอ้าและร้องออกมาสุดเสียง เพราะแม้จะอ้าปากร้องสักเพียงใดสิ่งที่ออกมาก็เป็นเพียงแค่ลม วินาทีสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบลงเธอได้เห็นภาพๆหนึ่งและภาพนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล...

*************

ณ กรุงโตเกียว 7:00 pm

กรี๊ด!!!

ไวโอเลตกรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งเธอตกใจกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหงื่อแตกพลั่กไหลอาบไปตามแก้มงาม

หัวใจเต้นรัวเร็วจนแทบจะระเบิดออกมาเธอหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจตายเสียให้ได้ความตื่นเต้นละคนตกใจค่อยๆเลือนหายไปแต่กลับถูกแทนที่ด้วยความเคียดแค้นเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพตายทั้งเป็นมันเป็นเพราะใคร

“นานะ...เธอเป็นแม่ของฉันหรือเป็นนางมารร้ายกันแน่..ที่แท้เด็กคนนั้นก็คือฉันสินะ..และก็เธอที่เป็นคนทำให้ฉันต้องตาย..”

“ริน....เธอละเมออะไรกัน...คิดถึงนานะเหรอ”

เสียงนั้นทำเอาเธอสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ในห้องด้วยเมื่อเธอเหลือบหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบเข้ากับใบหน้าป๋อหล่อจ้องมองมาที่เธอตาใสเเป๋วครู่หนึ่งเจ้าของแววตาก็เอ่ยถามขึ้นอีก “ฝันร้ายเหรอ”

ไวโอเลตแสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ฉันมีเรื่องต้องสะสางพรุ่งนี้เธอพักอยู่ที่นี่ก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะไปทำธุระสำคัญ”

“เอ...วันนี้วันอาทิตย์นะที่รัก..เธอสลบไปสองวันเต็ม..แล้วนี่พึ่งตื่นมายังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอว่าตัวเองเป็นอะไร”

“ห...หาสองวันเลยเหรอนี่ฉันแค่งีบหลับบนตักเธอไม่ใช่เหรอ”

“ใช่เธองีบหลับ...แต่หลับยาวจนไม่นึกว่าจะตื่นจับไข้หนาวสั่นเป็นลูกนกวุ่นวายกันทั้งบ้าน”

ไวโอเลตถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วสำรวจดูตัวเองกลับพบว่าตอนนี้เธอสวมชุดนอนวาวหวิวสีขาวตัวบางซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของแม่กวางน้อยของเธอเพราะกลิ่นหอมจางๆโชยเข้าจมูกเหมือนเจ้าของชุดจะอ่านใจออกจึงพูดว่า

“คือว่า...ฉันพึ่งจะรู้ตัวว่าเธอสูงขึ้นตั้งเยอะเมื่อก่อนเธอสวมเสื้อของฉันได้สบายมากเพราะเธอตัวเล็กกว่าฉัน”

“เห..ฉันสูงแค่ร้อยหกสิบห้าเองนะ”

“แต่ว่าเธอดูอวบอิ่มขึ้นเยอะขาก็เรียวยาวขาวผ่องเป็นหยวกกล้วยน่าเจี๊ยะมากจนฉันอยากจะลักหลับเธอเลยล่ะ..แต่ว่านะเมื่อคืนฉันเเอบขย้ำแตงโมลูกโตของเธอด้วยล่ะ”

ไวโอเลตถึงกับหน้าแดงแจ๋ไม่คิดว่าเเม่เพื่อนสาวตัวดีจะกล้าพูดเรื่องพรรค์นี้ออกมาและเธอก็เชื่อว่าสิ่งที่เพื่อนสาวพูดมาเป็นความจริงเพราะดูจากสายตาหวานเยิ้มและสีหน้าทะเล้นนั้นมันฟ้องเธออยู่ชัดเจน

ยัยนี่มันร้ายอุส่าไว้ใจไม่ทำอะไรแท้ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel