ตอนที่ 15 อดีตที่เเสนเจ็บปวด
หลังจากที่แม่กวางน้อยของเธอหลับ เธอเดินทางออกจากคฤหาสน์ด้วยลัมโบร์กินีสีดำคันหรูซึ่งเป็นอีกคันของเธอที่เคยนำมันมาเก็บไว้ที่คฤหาสน์แห่งนี้และตอนนี้เธอเกิดอยากขับมันขึ้นมาเพราะเกียจคร้านจะขับม้าเร็วอย่างเฟอร์รารี่แต่อยากจะขับเจ้ากระทิงดำอย่างลัมโบร์กินีแทนเพราะขับมันสะใจเมื่อยามที่แล่นอยู่บนถนน
บรืนนนน!! บรืนนนน!!!
เสียงเครื่องยนต์ขนาดv12ดังกระหึ่มไปทั่วท้องถนนเมื่อยามที่มันวิ่งแล่นไปตามถนนอย่างล้าคลั่ง ก็มักจะตามมาด้วยกลุ่มควัญและลอยล้อเสียดสีกับถนนขณะดริฟท์จนกระทั่งเข้าสู่ใจกลางเมืองเจ้ากระทิงดำจึงค่อยๆชลอความเร็วลงก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ริมทาง
ปึก!!!
ร่างบางงามได้รูปในชุดทักซิโด้สีดำดุดันและน่าเกรงขาม ค่อยๆก้าวท้าวเดินลงจากรถ ใบหน้าของผู้สวมชุดนั้นกลับหวานในไร้ความน่าสะพรึงแต่สายตากลับไม่หวานฉ่ำหรือใสซื่ิอ เพราะขณะนี้กำลังหรี่มองออกไปรอบๆเพราะสังเกตุเห็นสิ่งต่างๆที่ผิดปกติด้วยนิสัยระวังภัย
หลังจากที่สั่งกาแฟเข้มๆและนั่งจิบไปเพียงครู่ ก็ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวเดินตรงมาจากอีกฟากของถนนไวโอเลตที่เหลือบมองผ่านกระจกกั้นหน้าร้านไปเห็นเข้าก็รู้ได้ว่าใครคนนั้นกำลังคิดการใดอยู่
มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมไปกดที่นาฬิกาดิจิตอลสีดำฉับพลันตัวเลขที่บ่งบอกเวลาก็เปลี่ยนเป็นเรดาร์และจีพีเอสชี้พิกัดของตัวเองและเผยพิกัดรอบด้านในรัศมีสามร้อยเมตร
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยหนุ่มน้อย” ร่างระหงในชุดสูทสีดำทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับไวโอเลตพร้อมกับช้อนตามองด้วยความขี้เล่นและแฝงแววเจ้าเล่ห์
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับบุคลระดับเชื้อพระวงศ์นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
“หืม...รู้แล้วก็ทำตัวดีๆเข้าไว้อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดเอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า..”
ไวโอเลตแสยะยิ้มมุมปากมือข้างหนึ่งที่วางอยู่บนตักค่อยๆล้วงเข้าไปที่ข้างเข็มขัดแล้วหยิบเอาเจ้าเเท่งโลหะขนาดเท่าดินสอมาวางลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าของหญิงสาว ก่อนจะมองสบตาคู่งามด้วยสีหน้าราบเรียบและอยู่ในอาการนิ่งเงียบและวางมาด
“รีบเข้าเรื่องก่อนที่เจ้ามฤตยูขนาดจิ๋วที่ทำคนล้มทั้งยืนได้จะเเล่นเข้าใส่อกสะบึ้มของคุณ”
หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าวิตกแม้จะรู้ตัวว่าพลาดท่าและเสียเปรียบแต่มีหรืิอที่นักล่าจะเผยจุดอ่อนให้เหยื่อเห็น เพราะแค่เหยื่อก็อาจกลับกลายเป็นมฤตยูที่ปลิดชีพผู้ล่าได้เช่นกัน
“เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องของยัยผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อรินโกะหล่อนเป็นหลานสาวของฉัน..แต่ตอนนี้หนีหายเข้ากลีบเมฆและพึ่งจะลงจากฟากฟ้าได้ไม่นานแล้วมุดหายลงใต้ดินอีก”
“ก็แล้วทำไมถึงไม่ขุดหรือแจ้งชั่งขุดเจาะซะล่ะ”
“หึหึ...ตบมุขสวยเดี๋ยวแม่ก็ตบหน้าเข้าให้เอาล่ะ...ทีนี้ตาฉันบ้างแล้วนะ” พร้อมกับกล่าวหญิงสาวควักปืนสั้นออกมาวางไว้บนโต๊ะกระจกข้างๆเเท่งโลหะของเธอก่อนจะพูดต่อไปว่า
“สรุปแล้วเธออยู่ไหนและกำลังคิดการใด..บอกมาให้ตรงตามความเป็นจริงแล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”
ไวโอเลตแสยะยิ้มแยกเขี้ยวจนเห็นเขี้ยวงามสองซี่ราวกับเขี้ยวของแวมไพร์ เธอหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกร้านแล้วมองขึ้นสูงไปบนชั้นดาดฟ้าของอาคารฝั่งตรงข้าม
ซึ่งจุดนั้นคือจุดที่สไนเปอร์กำลังซุ่มซ่อนตัวโดยเล็งปลายกระบอกปืนมาที่เธอเธอรู้ได้แม้กระทั่งตำแหน่งเป้าที่มือสไนเปอร์คนนั้นเล็งมาซึ่งก็คือบริเวณไหล่ขวาของเธอนั่นเอง
“ไม่ต้องเล็งให้เมื่อยหรอกกระสุนนั่นเจาะเกราะไม่ได้”
“โอ๋...นายนี่สุดยอดจริงรู้ทุกการกระทำชนิดทุกย่างก้าวเอาล่ะๆรีบๆพูดมาได้แล้ว”
“ขอถามอีกอย่าง...หากฉันบอกและพบตัวเธอแล้วคุณจะทำยังไง”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่จึงตอบออกมาว่า
“ฉันได้รับข้อมูลจากทางแพทย์แล้วพวกเขายืนยันว่ารินโกะเป็นลูกของน้องสาวฉันซึ่งรินโกะคือเด็กที่พวกเราคิดว่าตายไปแล้วและเราต้องการตัวเธอกลับมาอยู่ในอ้อมอกอีกครั้ง”
“ตรวจดีเอนเองั้นเหรอ” เธอถามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกและตกใจกับสิ่งที่ได้รับฟังจากคำบอกเล่าของอีกฝ่าย มันทำเอาหัวใจของเธอแทบหยุดเต้นเมื่อได้รับรู้ถึงความเป็นจริงที่ว่า นานะคือแม่ของเธอ
“ใช่...เมื่อปีก่อนเราได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยัยหนูของเราเดินตามหมากที่วางไว้แต่เจ้าตัวกลับเลืิอกที่จะไม่เล่นด้วยและยอมแพ้ก่อนจะหนีไปที่อังกฤษ”
“ม...ไม่จริงใช่มั้ย” เธอพูดทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกที่เหมือนใครเอาเข็มมาทิ่มแทงหัวใจ มันเจ็บปวดมากกว่าที่จะดีใจที่ได้รู้ว่าใครคือแม่ของเธอ เพราะสิ่งที่ได้รับจากการกระทำของนานะเมื่อหนึ่งปีก่อนมันยังทำให้เธอจำแน่นฝังใจ
“ฮึก...พูดมาสิ...คุณล้อเล่นใช่มั้ย..คุณป้า”
นากามูระ นามิยะ ถึงกับอึ้งไปกับคำที่เด็กสาวตรงหน้าใช้เรียก หญิงสาวเหมือนจะพูดไม่ออกเพราะจู่ๆก็พึ่งจะรู้สึกเอะใจในความผิดปกติของคนตรงหน้า
“นายร้องให้ทำไม”
“ฮึก...ไม่ต้องหงต้องหามันแล้ว..ฉันนี่แหละรินโกะฉันก็แค่ไม่อยากกลับไปเป็นส่วนเกินของครอบครัวและไม่อยากเห็นหน้านานะอีกแล้ว ฮือ...”
“อ....อะไรกัน..ที่นานะสงสัยมาโดยตลอดคือความจริงงั้นเหรอ..งั้นมานี่เดี๋ยวนี้” พร้อมกับกล่าวนามิยะลุกขึ้นยืนพลางเอื้อมมือมาฉุดแขนไวโอเลตให้เดินตามออกมานอกร้าน
ไวโอเลตเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยหลังมืออีกข้าง เธอรู้สึกว่าวันนี้ชั่งเป็นวันที่เธอโชคร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดมา ในหัวของเธอมีแต่เรื่องวุ่นวายมาโดยตลอดแต่บัดนี้มันกลับมึนตื้อเหมือนกับลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปชั่วขณะ
และแล้วเธอก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่คาดคิดว่าจะทำเมื่อเดินมาถึงริมถนนและเหลือบไปเห็นรถเบนซ์คันหนึ่งกำลังวิ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูง วินาทีนั้นเธอสะบัดข้อมือที่ถูกเกาะกุมสุดแรงเกิดพร้อมกันนั้นก็เอื้อมมือทั้งสองผลักร่างของหญิงสาวให้เซถลาไปที่ถนนเบื้องหน้า หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงแต่ก็สายไปเสียแล้ว
กรี้ด!!! โครม!!!
รถเบนซ์คันนั้นวิ่งชนปะทะเข้ากับร่างระหงของหญิงสาวจนร่างนั้นกระเด็นไปนอนฟุบอยู่ข้างทางเลือดสีแดงค่อยๆไหลนองไปทั่วพื้น แต่แล้วก่อนที่เธอจะได้คิดการฆ่าหญิงสาวเสียงร้องลั่นของชายอีกคนก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืน
คุณหญิง!!!! ปัง!!
กระสุนขนาด9 มม.วิ่งแล่นปะทะเข้าที่แผ่นหลังของเธอจนเธอถึงกับเซถลาเพราะเเรงกระแทกของหัวกระสุนที่กระแทกเข้ากับเสื้อกันกระสุนของเธอ
แต่แล้วราวกับโชคชะตาจะเล่นตลกกับเธอเมื่อเธอหันกลับไปมองตามต้นเสียงและทิศทางกระสุนก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสันทัดใบหน้าหล่อเหลานั้นทำเอาเธอยืนนิ่งเบิกตาโพลง
“พ...พี่ชาย” เธอเผลอเรียกคนตรงหน้าว่าพี่ชายเพราะเขาคนนั้นคือคนที่เธอรักและเคารพดั่งพี่ชายแท้ๆของเธอ และวันสุดท้ายที่เธอจะจากเขาไปเธอจำได้ว่าเธอช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ก่อนที่รถพยาบาลจะมารับเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล
ใครจะไปคิดได้กันล่ะว่าเธอจะมาพบเขาใยสถานะการเช่นนี้แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือเขาจำเธอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังลั่นพร้อมกับกระสุนที่วิ่งกระทบร่างของไวโอเลตจนผงะสะท้านไปตามแรงกระแทก ถึงแม้หัวประสุนจะเจาะไม่เข้าแต่เพราะแรงกระแทกก็ทำเอาเธอเจ็บและจุก
ขืนอยู่ต่อมีหวังเป็นศพเธอหันหลังโกยแนบไปที่รถก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมกับห่ากระสุนที่ยิงมากจากทุกทิศทางทันทีที่บานประตูปิดลง เธอเหยียบคันเร่งแล่นทะยานออกไปจากบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิตเพราะรู้ว่าสู้กับพวกเดียวกันมันลำบากยิ่งกว่าสู้กับศัตรู
เอี้ยด!!! บรืน!!!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเสียดสีของล้อดังผสานเสียงไปกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของผู้คนในบริเวณนั้นและเสียงปืนที่ดังถี่ยิบราวกับว่าบริเวณนั้นกำลังเกิดสงครามกลางเมือง
ไวโอเลตหักพวกมาลัยเลี้ยวเข้าเส้นทางแคบๆริมตึกก่อนจะใช้เส้นทางนั้นเพื่อหลบหนีและมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่แต่แล้วภาพเรดาร์ก็ปรากฏจุดสีแดงขึ้นบริเวณด้านหน้านับสิบจุดและจุดตำแหน่งเหล่านั้นอยู่ห่างเพียงแค่ร้อยเมตรเท่านั้น