บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 สายสัมพันธ์ของเราสอง

“คิดไงถึงได้กลับมา”

น้ำเสียงนั้นดังมาจากทางด้านหลังไวโอเลตไม่ได้หันกลับไปมองแต่เเหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยอาการเซื่องซึมตามนิสัยที่เป็นคนนิ่งๆซึนๆ

“ข้อความลับถูกส่งมา..คล้ายจะบอกให้กลับมาก่อนที่จะสายเกินไป” ไวโอเลตตอบเสียงเรียบ

“แล้วคิดไงถึงได้มาช่วยลูกสาวฉันล่ะ” คำถามนั้นดังมาอีกไวโอเลตจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยแววตาเลื่อนลอยในหัวกลับคิดไปต่างๆนาๆ

“เพราะความรักมักทำให้คนตาบอด...ยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อคนที่ตนรัก..แต่บ่อยครั้งก็อดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง..ว่าแท้จริงแล้วรักที่ว่ามันคือแบบไหน”

“ยัยหนู...ฉันไม่ขัดใจอะไรหรอกนะหากพวกเธอสองรักกันจริงแม้คนอื่นจะมองดูไม่ดีแต่ฉันไม่แคร์คำพูดเหล่านั้นหรอก..แต่ใจแคร์ความรู้สึกของคนเป็นลูกมากว่า หากเจ้าตัวรักเพศเดียวกันมิหนำซ้ำคนๆนั้นยังเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กฉันก็ไม่ว่าอะไรหากทำแล้วมีความสุขก็ทำไปฉันคิดอย่างนั้นแล้วยัยหนูล่ะยังไง”

ท้ายประโยค ดีแลน ลุค เอ่ยถามกับไวโอเลต แต่ไวโอเลตลังเลที่จะเอ่ยออกมาตรงๆเพราะถึงยังไงเธอก็ไม่อยากจะทำให้ความเป็นเพื่อนของเธอและเหมยฮัวต้องหม่นหมอง แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

“เมื่อตอนยังเป็นเด็กเรามักจะกันอยู่ตลอดมาว่าใครคือสามีและใครคือภรรยาแต่เมื่อไม่ได้คำตอบเราสองก็มักพิสูจให้ฝ่ายได้เห็นว่าแท้จริงแล้วใครสมควรที่จะเป็นอะไร”

สิ้นเสียงของเธอ เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายก็ดังกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ ก่อนที่ทั้งสองจะเงียบงันไปชั่วอึดใจ

ไวโอเลตหลับตาลงช้าๆแล้วนึกถึงใบหน้างามของผู้เป็นเพื่อนสาวภาพของใบหน้านั้นเด่นชัดอยู่ในมโนจิตของเธอ มันเป็นภาพที่มีหลายภาพและหลากหลายอารมณ์

บ้างก็ก็ปรากกฏภาพใบหน้างามที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาบ้างก็กำลังยิ้ม บ้างก็กำลังหัวเราะ แต่ส่วนใหญ่มักจะเห็นภาพของใบหน้างามที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาแบะใบหน้าที่มอมแมมจากการโดนกลั่นแกล้ง

ภาพเหล่านั้นเป็นเหมือนดั่งตราบาปในจิตใจของเธอ เพราะต้นเหตุมันก็มาจากตัวเธอเองที่ทำให้ใบหน้างามนั้นต้องพบเจอกับอารมณ์ที่หลากหลายแต่สุดท้ายก็มักจะจบลงตรงที่อารมณ์เศร้าหมองและโหยหา

“คือว่า....ถ้าเกิด..รินอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอในฐานะคู่ชีวิตล่ะคะ” เธอตัดสินใจถามออกไปในที่สุดและคำถามนั้นก็เหมือนกับคำตอบที่บอกออกเป็นนัยๆว่าเธอพร้อมที่จะแบกรับทุกสิ่งและพร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปกับเพื่อนสาวคนนี้ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

“ริน...ถ้าคิดจะทำก็ทำจริงๆไม่ใช่มัวแต่ลังเลจนอีกฝ่ายเกิดไขว้เขวเอาเถอะฉันจะให้เธอแต่งงานกันตอนนี้ก็ยังได้ใครมันจะกล้าดูถูกพวกเธอ”

“คุณน้าเองก็ขี้เล่นไม่ใช่ย่อยนะคะ”เธอแสร้งเย้าด้วยอารมณ์ขันและอีกฝ่ายก็ขันด้วยเพราะรู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี

เธอพูดคุยอยู่กับพ่อของเพื่อนสาวอยู่สักพักก็ขอตัวกลับเพราะอยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนแต่คนเป็นพ่อของเพื่อนสาวกลับไม่ยอมให้กลับและบอกให้พักอยู่ที่นี่เสียก่อนเพื่อร่วมทานอาหารมื้อเย็นแล้วค่อยกลับซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดใจแต่อย่างใด

*************

เหมยฮัวนั่งอยู่บนเตียงนุ่มสีขาวภายในห้องนอนของเธอ ในมือทั้งสองประคองกรอบรูปที่มีภายถ่ายของเด็กสาวสองคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวขจี

โดยคนทั้งสองกอดกันเเนบชิดใบหน้าของทั้งสองเข้าหากัน ปลายจมูกโด่งงามนั้นแตะสัมผัสถึงกันและกันและไม่ต้องบอกเลยว่าคนทั้งสองที่กำลังหลับอยู่ในขณะนั้นจะเป็นสุขแค่ไหน

เพราะตอนนี้เดี๋ยวนี้ความรู้สึกนั้นยังตราตรึงอยู่ในส่วนลึกของความรู้สึกและฝังลึกอยู่ในความทรงจำที่ไม่มีวันเลือนหายไป ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไปนานสักกี่สิบปีก็ตาม

“ถ้าฉันบอกว่ารักเธอ...เธอจะทำหน้ายังไงกันนะ..แล้วถ้าเธอบอกว่าเป็นเเค่เพื่อนฉันเองจะมีสีหน้าและรู้สึกยังไงกันนะทำไงดี...ก็ฉันรักไปแล้วนี่..รักมาโดยตลอดรักมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก”

แต่แล้วในขณะที่กำลังเอ่ยลำพึงอยู่นั่นเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างของเธอถูกมือเรียวอันเเข็งแรงของใครสักคนฉุดดึงให้เธอนอนหงายไปตามแรงนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและตั้งใจ

แต่เมื่อเธอเงยหน้ามองก็ต้องนิ่งงัน เพราะใบหน้าที่ก้มลงมองเธอนั้นก็คือใบหน้าเดียวกันกับใบหน้าของคนที่อยู่ในภาพถ่ายใบนั้น ตะแตกต่างก็แต่เพียงสีผมที่เปลี่ยนไป

จู่ๆน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มทั้งสองอย่างไม่รู้สึกตัว มันรู้สึกจุกแน่นอยู่ในอกและอยากจะร้องออกมาให้สุดเสียงแต่ก็ไม่กล้าและพยายามข่มอารมณ์นั้นเอาไว้

แต่แล้วจู่ๆมือเรียวเล็กของเจ้าของใบหน้างามก็เอื้อมลงมาสัมผัสเบาๆที่แก้มทั้งสองก่อนจะค่อยๆบรรจงเช็ดคราบหยาดน้ำตาเม็ดใสที่ไหลอย่างไม่ขาดสายด้วยความอ่อนโยน

เธอสัมผัสได้ถึงความอบอ่นที่แผ่ซ่านจากฝ่ามือเรียวเล็กนั้นอย่างชัดเจนมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นทั้งกายและใจ อยากจะให้เจ้าของมือนั้นไม่ลุกหนีไปไหนเธอจึงค่อยๆหลับตาลงหนุนตักนุ่มและสูดหายใจเข้าเต็มปอดจนได้กลิ่นหอมจางๆจากกายสาวโชยเข้าจมูกแล้วถอนหายใจออกมายาว

“ริน...เค้าอยากนอนหนุนตักเธอ”

เธอได้ยินเสียงหังเราะเบาๆดังมาจากลำคอของเพื่อนสาวที่นั่งนิ่งเป็นหมอนให้เธอหนุน ครู่หนึ่งเสียงนั้นก็ดังตอบกลับมาเบาๆด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนที่เคยได้ยิน

“หลับเถอะยัยกวางน้อยของฉัน...หลับให้สมกับที่เธอเหนื่อยมานานนับปีแล้วไม่ต้องกลัวอีกว่าฉันจะหนีไปไหนเพราะตอนนี้เรามีสายสัมพันธ์บางอย่างที่ยึดเหนี่ยวเราสองเอาไว้แล้ว”

“รักที่สุดเลย...ยัยเพื่อนรักของฉัน” เธอพูดเสียงแผ่วเบาแต่ในใจอยากจะบอกออกไปมากกว่าคำว่าเพื่อนแต่เพราะไม่กล้าเธอจึงพูดออกไปเพียงแค่นั้นและไม่นานเธอก็ผลอยหลับไปอย่างเป็นสุข

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel