ตอนที่ 11 เพื่อนคนนี้รักเท่าชีวิต
แต่แล้วความสุขที่กำลังจะได้รับและสวรรค์ที่ทั้งสองกำลังได้ไปยืนกลับต้องเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อเสียงร้องดังลั่นของผู้เป็นแม่บ้านดังขึ้นพร้อมกับร่างอวบวิ่งกระหืดกระหอบมายังห้องที่คนทั้งสองกำลังบรรเลงรักกันอยู่
คุโมริคว้าเสื้อโค้ทหนังตัวใหญ่ครุมร่างเปลือยเปล่าวของภรรยาสาวเอาไว้ ส่วนเขาเองรีบรูดซิบกางเกงแล้วหยิบเสื้อขึ้นมาสวมใส่อย่างว่องไวก็พอดีกับที่แม่บ้านวิ่งหยุดหอบหายใจออยู่หน้าประตูพลางพูดละล่ำละลักว่า
“น..นายหญิงคะ..คุณท่านติดต่อมาบอกว่าให้คุณหญิงกับคุณชายไปที่คฤหาสน์โดยด่วนค่ะท่านมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”
“เฮ้อ...กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วแท้ๆเอาเถอะจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ว่าแล้วร่างเปลือยที่ครุมก็ด้วยเสื้อโค้ทก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเผยให้เห็นต้นขาวเรียวยาวขาวผ่องล่อตาล่อใจบุรุษเพศเป็นอย่างมาก ทำเอาแม่บ้านสาวทอดถอนหายใจอย่างปลงๆกับนิสัยง่ายๆไม่สนใจใครอื่น
ณ บ้านพักหรู
“น...นายทำไมถึงมานอนที่นี่ล่ะ”
“........”
“ทำไมถึงต้องให้ฉันย้ายมาอยู่กับนายด้วย”
“............”
“ทำไม..นะ”ก่อนที่คนชั่งจ้อจะทันได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีกไวโอเลตพูดสวนขึ้นเสียก่อนว่า
“ฉันมีหน้าที่คอยดูแลเธอเพราะได้รับคำสั่งมากจากคุณเเม่ของเธอ อ้อ..พรุ่งนี้จะพาไปหาคุณแม่ของเธอ”
“ทำไม...ต้องทำขนาดนี้ด้วยล่ะทำไมฉันต้องอยู่กับนายทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยนะ”
“เหมยฮัว...สิ่งเดียวที่ฉันด้อยกว่าเธอก็คือการที่ฉันนั้นโกหกไม่เก่ง...ความจริงแล้ว..หากเธอมองสบตาฉันดีๆคำตอบมันอาจจะบ่งบอกเธอเอง”
ไวโอเลตนอนตะแคงกายจ้องมองคนที่กำลังนอนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกายเพราะยังไม่ชินกับการไกล้ชิดกับชายคนอื่นและยังเป็นชายแปลกหน้าสำหรับเจ้าตัวอีกด้วย
ในใจของเธอนึกอยากกลั่นแกล้งเจ้าตัวให้งอแงและเศร้าหมองถึงขั้นเสียใจไปเลยแต่เพราะได้เห็นใบหน้างามที่เปื้อนคราบน้ำตาในแต่ละวันแล้วมันทำให้เธอทำเช่นนั้นไม่ลง
เพราะเหมยฮัวต้องพบเจอกับอะไรมามากมายระหว่างที่เธอไม่อยู่ขืนเธอมาเพื่อซ้ำเติมเกิดวันข้างหน้าความลับของตัวเธอถูกเปิดเผยเข้ามีหวังเหมยฮัวเกรียดเธอยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
จู่ๆเธอต้องสะดุ้งเมื่อมืออันอบอุ่นของเหมยฮัวสัมผัสและจับเบาๆที่แก้มนุ่มของเธอ ดวงทับทิมสีดำคู่งามขณะนี้กำลังจดจ้องมองเธอตาเขม็ง
“สรุปแล้วนายเป็นใครกันแน่...ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันมาซะที่ล่ะ รู้มั้ยว่าฉันน่ะอึดอัดใจแค่ไหนที่นายมองฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆในอดีตแต่ความทรงจำเหล่านั้นฉันกลับไม่สามารถจดจำและสัมผัสมันได้ขอร้อง...โปรดบอกฉันทีเถอะ”
ไวโอเลตหลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจ ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่เพราะกลัวว่าบอกไปแล้วเจ้าตัวจะไม่ยอมพูดคุยหรือแม้แต่จะเข้าไกล้เพราะเกรียดเธอเข้าแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าตัวอ้อนวอนขนาดนี้แล้วเห็นทีคงต้องบอกออกไปตามตรง
“นี่...ขอกอดก่อนได้มั้ยแล้วจะบอก”
ฟุบ!!!
ทันใดนั้นผ้าห่มที่ครุมกายของเหมยฮัวก็ถูกสะบัดออกด้วยมือของเจ้าตัวเองก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆเขยิบเข้ามานอนซุกอยู่กับแผงอกของเธอราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อน กิริยานั้นทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูคนในอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น
เมือทั้งสองค่อยๆโอบกอดรอบเอวบางคอดกิ่วก่อนจะถอนหายใจพลางหลับตาลงช้าๆครุ่นคิดเหมือนจะลังเลแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้งพบว่ามีแววตาอ้อนวอนของอีกฝ่ายจับจ้องมองมาเธอจึงจำต้องพูดออกไปเป็นนัยว่า
“กลิ่นกายแบบนี้เธอคงนึกถึงใครขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง...หากนึกออกแล้ว..เธอคนนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ”
สิ้นเสียงของเธอแววตาคู่นั้นก็เหมือนจะหรี่วูบลงครู่ต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงสูดจมูกฟุดฟิดของคนในอ้อมกอด แล้วก็เงียบไปเธอคิดว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดจึงไม่ได้ก้มลงมองแต่จู่ๆร่างนั้นก็สั่นเทิ้มพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นเบาๆ
“ฮึก...ฮืออออ...คนขี้โกหก..”
“เหมยฮัว..ฉะ” เธอยั้งปากกกไว้ทันก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไป เธอค่อยๆลูบที่ศรีษะทุยนุ่มเบาๆเป็นการปลอบแต่แล้วคนในอ้อมกอดก็ขยับลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งน้ำตาทำท่าจะลุกลงจากเตียงเธอรู้ทันจึงฉุดร่างนั้นเข้ามานอนทาบทับอยู่บนร่างของเธอ
“ฉัน...ขอโทษ”
“ฮึก....ขอโทษเหรอ...ฮือออ..เธอมาพูดเอาเดี๋ยวนี้มันก็สายไปแล้ว..ทำไมถึงพึ่งมาพูดเอาเดี๋ยวนี้ทั้งๆที่มันผ่านมานานถึงหนึ่งปีเต็ม..ฮึก..เธอทิ้งฉันเอาไว้ให้ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้..เลวที่สุด!!”
“ฉันยอมทุกอย่างเพื่อกลับมาหาเธอแต่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยตัวตนให้เธอรู้...ฉันทำได้แค่อยู่เคียงข้างเธอเรื่อยมา”
เหมยฮัวซุกหน้าลงบนแผ่นอกของเพื่อนสาวร้องให้ปานใจจะขาดด้วยความอัดอั้นตันใจ ไวโอเลตทำได้แต่เพียงนอนหงอยเป็นหมอนข้างและเป็นที่ละบายอารมณ์ เธอสัมผัสได้ถึงเล็บแหลมคมที่จิกลึกลงบนไหล่แต่เธอไม่สนใจ
เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนี้มันไม่สาสมกับที่เธอทำกับเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่รักเธอมากเสียยิ่งกว่าคนในครอบครัว เพื่อนที่สามารถให้ได้แม้กระทั่งชีวิตและยอมสละทุกสิ่งไปเพียงเพื่อคำว่า “เพื่อน”เท่านั้น
**************
เหมยฮัวร้องให้จนผลอยหลับไป แต่จะหลับไปนานสักเท่าใดก็มิอาจทราบได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ภาพเเรกที่เธอเห็นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือ ใบหน้างามหมดจดที่อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงแค่ปลายจมูก
ดวงตากลมโตแวววาวบัดนี้ปิดสนิทริมฝีปากบางอมชมพูน่าจูบนั้นเรียบชิดสนิทกัน กลิ่นหอมจางๆจากกายสาวโชยปะทะจมูกมันทำให้เธอนึกย้อนถึงวันวานในอดีตที่เธอและเพื่อนสาวมักจะนอนกอดก่ายกันอยู่ใต้ต้นซากุระเมื่อยามที่มันเบ่งบาน
และเพื่อนสาวของเธอก็มักจะพูดถึงความหมายของซากุระให้เธอฟังและนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตอยู่เสมอ ภาพเหล่านั้นมันยังคงฝังลึกตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอไม่มีวันจางหายไป
มือเรียวซุกซนค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกับลอนผมสั้นสีดำเงาเมื่อยามต้องเเสงแต่แล้วก็ต้องอุทานลั่นเมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติ
“วิก!!!”
ทันทีที่เธอดึงวิกผมออกจากศรีษะของเพื่อนสาวเธอก็ต้องตกตะลึงตาเป็นประกายเพราะสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคืิอ
เส้นผมสีแดงเพลิงยาวสลวยอันเป็นเส้นผมแท้ดั้งเดิมของเพื่อนสาวมันยาวจนเกือบถึงเอวแต่เส้นผมนัั้นเบาบางราวกับแพรไหมมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะลูบไล้เส้นผมนั้นด้วยความหลงไหล
“สวยจัง...ไม่คิดเลยว่าเธอจะย้อมสีผมด้วย”
ว่าแล้วเหมยฮัวก็นอนกอดเพื่อนสาวจนหลับไปด้วยความสุขใจและวันนี้เป็นวันแรกในรอบปีที่กลับอย่างเป็นสุขและไม่ฝันร้ายเหมือนทุกวันที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะมีฮีโร่สาวสวยคนเดิมที่คอยปกป้องเธออยู่กระมังวันนี้ถึงได้สุขใจนัก หากนี่เป็นฝันเธอคงไม่ยอมหลับและจะไม่ยอมตื่นจากฝันไปโดยเด็ดขาด