ตอนที่ 10 มาเฟียเมียสุดเเซบ NC 25+
ณ บ้านพักสุดหรู
เป็นเวลาทุ่มครึ่งไวโอเลตเดินลงมาที่ชั้นใต้ดินของตัวบ้านหลังจากที่คอยดูแลแม่กวางน้อยของเธอจนเจ้าตัวหลับไป ตอนนี้เธอมีเรื่องสำคัญที่ยังค้างคาใจมาโดยตลอด ตอนนี้มันถึงเวลาที่เธอต้องจริงจังกับมัน
ครึก!!!
เสียงผนังห้องสีขาวถูกเปิดออกเธอเดินเข้าไปยังภายในห้องนั้น มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปนักแต่ภายในห้องนั้นไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากกำแพงสีขาว
“รายงานตัวV.o.L .01”
ทันทีที่เธอเปล่งเสียงออกไปท่ามกลางความว่างเปล่าจู่ๆเเสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นเป็นรายเส้นที่พนังมันเป็นเเสงที่เกิดจากคลื่นเสียงและจะขยับเป็นกราฟฟิตี้เมื่อมีการพูดคุยตามระดับน้ำเสียง
[ฉันเคยบอกเอาไว้เสมอว่าหากคิดจะปล่อยวางก็ควรจะปล่อยวางและไม่หันกลับมาเหลียวแลมันอีก...ทำไมเธอถึงมารายงานตัวไม่ทราบ]
เสียงนั้นดังกังวานเป็นเสียงของบุรุษที่มีน้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นยะเยือกแต่ก็ยังคงความเป็นเสียงของเทคโนโลยีไซเฟอร์เสียงนั้นเป็นเสียงจากสูญบัญชาการขององค์กรไซเฟอร์ ซึ่งเป็นAIที่เธอสร้างขึ้นเองกับมือ
เขาจะคอยชี้แนวทางและตรวจสอบข้อมูลต่างๆและจะทำตามที่เธอขอทุกอย่างแต่สำหรับคนอื่นAIตนนี้เป็นหัวหน้าสูงสุดที่จะคอยสั่งการทุกอย่างกับคนภายในองค์กร
“ฉันต้องการหาว่าไอ้คนที่เอาเทคโนโลยีสำคัญของฉันไปเมื่อหนึ่งปีก่อนมันเป็นใคร”
[เธอควรเอาเวลาที่เหลือไปพักร้อนหาความสุขใส่ตัวและตั้งใจเรียน เรื่องนี้ฉันจัดการได้]
ไวโอเลตถอนหายใจอย่างเซ็งๆในใจนึกอยากจะปิดระบบAIนี้ทิ้งไปเสียเพราะมันช่วยคนอื่นได้ทุกอย่างและน่ายำเกรงด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังแต่สำหรับเธอAIตนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากครูสอนพิเศษเลยแม้แต่น้อย
“ฉันจะกลับไปดูความเรียบร้อยที่องค์กรสั่งคนให้ทำหน้าที่ปฏิการให้เรียบร้อยอย่าขาดตกบกพร่องแล้วของนั่นฉันจะไปตามหาเอง...ใครหน้าไหนมันจะกล้าขวาง”
[หากเห็นสมควรก็จงทำไปเถอะ...แต่อย่าลืมว่าเธอเป็นมนุษย์ไม่ใช่จักรกล จำเอาไว้เธอคือมนุษย์]
คำพูดนั้นทำเอาร่างที่กำลังหันหลังเดินกลับออกไปจากห้องนั้นพลอยหยุดชะงักลงก่อนจะหันขวับกลับมามองที่เส้นกราฟฟิตี้ด้วยแววตาขุ่นเคือง แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้เพราะไม่อยากปากมากและต่อล้อต่อเถียงกับปัญญาประดิษฐ์
“ร่างกายของฉันมีนาโนเเล่นพล่านไปทั่ว แล้วแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าฉันเป็นมนุษย์อีกเหรอ นี่ยังไม่รวมกับที่ดวงตานาโนและสารเคมีที่รั่วไหลอยู่ในร่างกายอีกนะ”
[การทดลองเมื่อหลายปีก่อนส่งผลสำเร็จลุล่วงแต่เพราะความสะเพร่าจึงทำให้สารเคมีรั่วไหลและสะสมอยู่ในร่างกาย เธอไม่ต้องห่วงเมื่อไหร่ที่เธอกลับมาที่องค์กรเมื่อนั้นเราจะนำสารเคมีเหล่านั้นออกให้]
“แล้วไอ้นาโนที่แล่นอยู่ในร่างของฉันล่ะจะว่ายังไงฉันไม่ใช่เดอะฮักนะที่จะต่อยกำแพงได้สบายๆถึงแรงจะเยอะขึ้นแต่ดูฉันสิ...บอบบางตัวเล็กนี่เหรอผลการทดลองที่สมบูรณ์มิหนำซ้ำยังเสียความทรงจำในวัยเด็กไปอีก”
[รินโกะ...จำเอาไว้นั่นคือตัวตนของเธอหากไม่มีนาโนคอยช่วยเหลือตัวเธอในวัยเด็กก็ตายไปแล้วตายไปทั้งๆที่ยังไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำไป...จงดิ้นรนเพื่ออยู่รอดไม่ใช่เพื่อรนหาที่ตาย!!]
ไวโอเลตหมดคำจะพูดในใจนึกสาบแช่งไอ้เสียงนั้นต่างๆนาๆแต่ที่พูดมามันก็ถูกเพราะเธอมีชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้ก็เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์สุดล้ำจากองค์กรไซเฟอร์นั่นเอง
เธอเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยอาการเซื่องซึมแน่ล่ะเธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางมารร้ายเหมือนในนิยายหรือละครแต่มันจำเป็นต้องบีบบังคับให้เธอเป็นไปตามบทบาทนั้น
เธอไม่ใช่คนดีอะไรนักภายนอกเป็นเด็กนักเรียนติ๋มๆนิสัยนิ่งๆสุภาพเรียบร้อย แต่เมื่อเวลาปลดปล่อยมาถึงหรือมีคนมาตอแยก็มักจะพลาดพลั้งฆ่าบุคคลเหล่านั้นไปเสียแทบทุกราย
มือที่เปื้อนเลือดไม่ได้แปลว่าจะต้องเปื้อนเลือดเพื่อปกป้อง แต่มันคือการไฝ่หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็คือการเข่นฆ่าที่เป็นงานถนัดของเธอ
“อีกไม่นานฉันก็จะหายแล้ว...หายไปจากโลกนี้เสียที...โลกที่มันวุ่นวายและน่ารังเกียจ”
กล่าวจบเธอเดินขึ้นจากห้องลับนั้นทันทีเพื่อกลับไปนอนกอดแม่กวางน้อยของเธอที่ขณะนี้คงหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงภายในห้องของเธอ
ณ บ้านพักหรูตระกูลนากามูระ
“มันจะเป็นยังงั้นได้ยังไงรินน่ะเหรอเป็นผู้ชายคนนั้น...ดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
นากามูระ นานะ พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานให้ทราบ แต่พอลองเปรียบเทียบใบหน้าของคนทั้งสองที่ปรากฏอยู่บนภาพถ่ายสองใบในมือแล้วมันก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก
“คุณไม่สงสัยในน้ำเสียงและเเววตาของเขาบ้างเลยหรือที่เขามองมานั้นเหมือนจะอ่านใจคุณทะลุปรุโปร่ง...แต่พอกับผมแล้วเขามองมาด้วยความเกรียดชังคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องของคุณกับผมเมื่อหนึ่งปีก่อน”
นากามุระ คุโมริออกความคิดเห็นขณะนั่งจิบชาอยู่บนโซฟาเคียงข้างผู้เป็นภรรยาด้วยสีหน้าเข่งขรึม หากผู้ชายคนนั้นที่เขาไล่ไปเป็นลูกสาวของนานะและเขา
เขาเองจะรู้สึกเช่นไรมันก็สุดจะบรรยาย แต่เขายังทำใจไม่ได้เกี่ยวกับลูกสาวคนเล็กที่จากไปโดยที่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นหน้าของคนเป็นลูก
“รินมาที่นี่ในร่างบุรุษแค่นั้นยังไม่พอยังทำราวกับว่าตัวเองเป็นบุรุษชายเสียอีกทั้งท่าทางและน้ำเสียงหรือแม้แต่การแต่งกาย”
มือเรียวประสานกันไว้มั่นขณะสายตาหรี่มองไปที่รูปทั้งสองที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกสลับไปมา ซึ่งรูปนั้นเป็นรูปของรินโกะในวัย16ปีขณะเดินทางไปเรียนเด็กสาวสวมชุดนักเรียนดูน่ารักน่าชัง
แต่อีกภาพกลับเป็นชายหนุ่มหน้าหวานรูปร่างโปร่งบางน่าถนุถนอมใบแต่แววตาดูเยือกเย็นและสีหน้าที่เรียบเฉยนั้นมันใช่ต่างกันคนละขั้วมอหนำซ้ำชุดสูทสีดำมันวับช่างเพิ่มดีกรีความสง่าและดุดันเข้าไปอีก
แต่แล้วจู่ๆในขณะที่กำลังนั่งครุ่นคิดและตกอยู่ในห้วงภวังค์นั้นนานะก็ต้องสดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาคลึงเคล้นเกาะกุมอยู่ที่ทรวงอกของเธอ
“อุ้ย!!..โมริ..ค...คุณจะทำอะไรน่ะ”
คุโมริยิ้มก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของภรรยาสาว“ผลิตเจ้าตัวน้อยอีกคนไงล่ะ”
ว่าแล้วเขาก็กดร่างงามในชุดสูทสีดำของผู้เป็นภรรยาลงกับโซฟานุ่ม นานะครางอู้อี้ก่อนจะมองไปรอบๆแต่กลับไม่พบว่ามีใครอยู่อีกนอกเสียจากสามีผู้ที่ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงคนนี้
“ค...คุณคะฉันยังไม่อาบน้ำ”
“แต่กลิ่นคุณหอมเหลือเกินที่รัก”
“อ...อ๊ะ..เดี๋ยวสิคะ” เสียงกระเซ่าที่เปล่งออกมานั้นหาได้ทำให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเป็นการกระตุ้นให้เขาอยากจะครอบครองร่างกายของภรรยาสาวเสียตอนนี้
มือสากสางค่อยๆลูบไล้ไปตามผิวเนื้อขาวผ่องเป็นยองใย ริมฝีปากหนาค่อยๆพรมจูบไปตามซอกคอและเนินอกอวบอิ่มอย่างเร่าร้อนจนเจ้าของร่างดิ้นพล่านพร้อมกับครวญครางด้วยความสุขสม
ร่างงามบิดกายเร่าด้วยความเสียวซ่านเมื่อลิ้นสากสางของผู้เป็นสามีสัมผัสและลากไล้ไปกับหน้าท้องแบนราบมันทำให้หญิงสาวรู้สึกเร่าร้อนไปทั่วทั้งกาย เรียวขาคู่งามเหยียดยาวด้วยอาการเกร็งแต่แล้วก็ถูกมือหนาจับแยกออกห่างจากกัน
“ม...โมริคะ...ไม่เอาค่ะเดี๋ยวลูกมาเห็นเอานะ”
“ยัยตัวเล็กนอนไปแล้ว..เหลือเพียงเราเท่านั้นอย่าอายสิครับที่รัก...หรือคุณกลัวเจ็บ”
“ค....ค่ะฉันกลัว” นานะตอบออกไปตามตรงสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นสามีอย่างมากเขายิ้มหวานก่อนจะค่อยๆขยับกายขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจูบบนเนินอกอวบอิ่มที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“อ้าาาา...โมริคะฉัน..อื้อ”
ริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังอ้าปากเอ่ยกลับถูกริมฝีปากหนาทาบทับและบดขยี้เบาๆหญิงสาวครางอู้อี้ในลำคอแต่แล้วก็กลับกลายเป็นครางกระเส่าเมื่อลิ้นสากสางควานหารสหวานฉ่ำจากโพรงปากอย่างไม่รู้จักอิ่ม
ในขณะที่หญิงสาวกำลังใจหวิวล่องลอยไปกับรสจูบของผู้เป็นสามีชั้นในตัวจิ๋วและบราลูกไม้สีขาวก็ถูกปลดออกจากร่างไปอย่างไม่รู้สึกตัว แต่หญิงสาวพึ่งจะมารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อนิ้วยาวของเขาสอดใส่เข้าไปในรักอับคับแคบจนหญิงสาวครางเสียงหลงด้วยความเสียวซ่านและร้อนผ่าวราวกับขี้ผึ้งรนไฟ
“อ๊าาาา...โมริคะ...บ...เบา” ในขณะที่ปากพูดร่างนั้นก็ขยับร่อนเอวตามจังหวะนิ้วด้วยความเสียวกระสั่นอาการและสีหน้าที่กำลังบ่งบอกว่าต้องการให้เขาทำให้เสร็จโดยเร็วนั้นยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้พลุ่งพล่าน
บัดนี้แก่นกายชายของเขาขยายใหญ่จนปวดหนึบและพร้อมที่จะบรรเลงเพลงรักไปกับร่องรักอันน่าค้นหาเขาค่อยๆรูดซิบกางเกงยีนออกก่อนจะขยับขาเรียวอันขาวผ่องของภรรยาสาวแยกออกห่างจากกัน
นานะช้อนตามองสบตาผู้เป็นสามีด้วยแววตาหวานฉ่ำแต่แฝงแววเซ็กซี่และซกซนอยู่ภายในแต่เมื่อมองต่ำลงไปถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอฟืดๆเพราะเจ้าลูกชายของเขามันผงาดชูชันและใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก