EP 07 | เริ่มเป็นห่วง
“อ๊ะ”
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหนักอึ้งในหัว กะพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับโฟกัสก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้อง
มะ...ไม่ใช่ห้องของฉันนี่!
ฉันอยู่ที่ไหนเนี้ย!
แถมยังใส่เสื้อเชิ้ตของใครอยู่ก็ไม่รู้ ความทรงจำสุดท้ายฉันทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ
ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยวะเนี้ย TOT
เสียงเปิดประตูพร้อมเสียงเท้าของใครบางคนทำให้ฉันรีบล้มตัวลงนอนแล้วแกล้งหลับตาทันที เผื่อว่ามันเป็นโจรจะได้ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกตัวแล้ว
เพื่ออะไรวะ?
เออๆ แกล้งหลับไปก่อนนี่แหละ
ฉันรู้สึกเหมือนฟูกข้างๆ ตัวยุบลงและมือของใครบางคนก็แตะลงที่หน้าผากแต่ฉันก็ยังไม่กล้าเปิดตาดูอยู่ดี
ไอร้อนค่อยๆ เป่ารดอยู่ที่พวงแก้มก่อนจะเลื่อนไปที่ใบหู กลิ่นหอมๆ จากตัวของคนที่โน้มลงมาหาทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ใกล้กันมากๆ
“หลับก็ดี จะได้ทำอะไรสะดวก”
“อย่านะ! O_O”
เคเดน!
ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่แล้วฉันมาอยู่กับเขาได้ยังไง คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองแต่ฉันทำได้แค่นอนมองหน้าเขาตาค้าง
“เงียบทำไม”
เราสบตากันอยู่นานแล้วสุดท้ายเขาก็เป็นคนทำลายความเงียบนั้นลง
“เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ”
“บ้านผม”
“บ้าน! คุณพาฉันมาที่บ้านทำไมแล้วพาฉันมาได้ยังไง ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ”
ฉันถามออกไปรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน
“คุณเป็นลมที่หน้าร้านตัวเอง ผมไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหนก็เลยพากลับมาพักที่บ้าน”
เป็นลม?
ใช่! ฉันอดหลับอดนอนไปเกือบสามวัน เมื่อวานฉันเดินออกจากร้านเพราะกำลังจะกลับบ้าน เขาคงจะผ่านมาเจอพอดี
แบบนี้ก็แปลว่า...
“คุณเริ่มเป็นห่วงฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
ฉันถามพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่มมองหน้าเขา ถ้าเขาไม่สนใจไม่เป็นห่วงฉันแล้วจะมาช่วยฉันไว้ทำไมจริงไหม
“ผมไม่อยากให้มีข่าวคนตายในห้าง”
แรงมากกก!
เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังพูดความจริงไม่ได้มีอะไรอย่างที่ฉันคิดเลยสักนิด
“แต่คุณไม่ได้ทำอะไรฉันใช่มั้ยคะ”
ถามพร้อมกับก้มหน้าลงมองที่เสื้อของตัวเองเพื่อให้เขาเข้าใจความหมายว่าทำไมฉันถึงเปลี่ยนชุด
“ไม่”
“ไม่ทำอะไรสักนิดนึงเลยเหรอ”
“หึ อยากให้ทำอะไร”
“ก็...อะไรแบบที่....”
ฉันแกล้งลากเสียงยาวพลางช้อนตามองหน้าเขา สายตาของเขาฉายแววความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันทีก่อนจะขยับตัวเข้ามาหาฉัน
“ที่อะไร”
น้ำเสียงกระซิบถามแผ่วเบาพร้อมกับระยะห่างของใบหน้าที่สั้นลงเรื่อยๆ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
แกล้งอ่อยเขาแต่หัวใจเจ้ากรรมมันไม่รักดีเอาเสียเลยค่ะ แทนที่เขาจะหวั่นไหวทำไมถึงเป็นฉันละเนี้ย
แบบนี้มันอาการของเข้าตัวชัดๆ
“ว่าไง”
“ก็เผื่อว่าคุณจะคิดถึงจูบหวานๆ ของฉัน^^”
ถึงจะใจสั่นก็แต่สั่นสู้นะเว้ย ฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอเขาพร้อมส่งรอยยิ้มหวานหยดย้อยไปให้
เคเดนจ้องเข้ามาในตาของฉัน สายตาของเขาเหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร
แต่สายตาของเขาราวกับมีมนต์สะกดให้ฉันหยุดนิ่ง นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเข้มอ่อนแสงลงแปรเปลี่ยนเป็นความโหยหา...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้เราสองคนสะดุ้ง เคเดนผละออกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปที่หน้าห้องแล้วเดินกลับเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่มีถ้วยข้าวต้มกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
“กินข้าวจะได้กินยา คุณยังไม่หายดี”
เขาพูดพร้อมกลับวางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างเตียงแต่มีเหรอที่ฉันจะกินเอง ถึงจะป่วยแต่ก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า
“ป้อนหน่อยสิคะ^^”
“กินเอง”
น้ำเสียงตึงพอๆ กับหน้าของเขาตอนนี้เลย เย็นชาไปเถอะฉันจะอ้อนให้ละลายเลย
“แต่เทียร์ยังปวดหัวอยู่เลยนะคะ รู้สึกเหมือนไม่มีแรงเลยด้วย”
พูดพร้อมสบตาเขาด้วยสีหน้าออดอ้อนประหนึ่งตัวเองเป็นเจ้าแมวตัวน้อยน่ารัก
เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเพิ่มความน่ารักไประดับสิบ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบเหมือนเดิม
“นะคะ”
“...”
“นะนะ”
“...”
“นะคะ นะคะ นะคะ”
“พอ”
เคเดนยกมือขึ้นห้ามก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมยกถ้วยข้าวต้มขึ้นไปถือเอาไว้ในมือ
“น่ารักจัง^^”
อ่อยไปอีกเทียร์ มารยาที่มีของแกต้องงัดออกมาให้หมด ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า
เคเดนค่อยๆ ตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนจะยื่นมาตรงหน้าฉัน แม้สีหน้าเขาจะดูไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ฉันกลับรู้สึกใจฟูสุดๆ เลยล่ะ
“แค่กๆ”
สำลักความหล่อ!
“ใจเย็นๆ สิ”
เคเดนรีบวางถ้วยโจ๊กก่อนจะหยิบแก้วน้ำมายื่นให้ฉันแทน มืออีกข้างของเขาก็ยื่นมาช่วยลูบหลังของฉันเบาๆ
อาการเป็นห่วงของเขาทำเอาฉันเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวส่วนเจ้าตัวเมื่อเห็นสีหน้าของฉันก็รีบกลับไปนั่งปกติทันที
“พอแล้วได้มั้ย”
มันรู้สึกขมๆ ปากยังไงไม่รู้ถ้ากินเข้าไปอีกฉันกลัวว่าจะอาเจียนออกมาแทน
“กินไปแค่นิดเดียว”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาตำหนิ นี่ฉันมีพ่อเพิ่มหรือเปล่าเนี้ย
“มันขมปาก ไม่อยากกินแล้ว”
พูดพลางทำหน้าหงอยพร้อมเสียงงอแงนิดหน่อย เคเดนมองหน้าฉันสลับกับถ้วยข้าวต้ม
“อีกสามคำ”
“แลกกับอะไร”
ฉันรีบถามขึ้นทันที เมื่อก่อนเวลาเขาอยากให้ฉันทำอะไรฉันมักจะมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ
“ไม่แลกกับอะไร”
“ใจร้าย”
ฉันบ่นอุบอิบ นึกว่าเขาจะใจดีให้ข้อแลกเปลี่ยนเหมือนเมื่อก่อนเสียอีก
“กิน”
เคเดนตักข้าวต้มมาจ่อที่ปากแต่ฉันเม้มปากแน่นไม่ยอมกินข้าวแถมยังกอดอกแล้วเชิดหน้าไปทางอื่น
“กิน”
น้ำเสียงของเขาเริ่มเข้มขึ้นแต่ฉันก็ยังเชิดหน้าหนีเหมือนเดิม จนบรรยากาศในห้องเงียบสนิทฉันจึงค่อยๆ เบนหน้ากลับมามองหน้าเขา
สายตาคมเข้มคู่นั้นกำลังจ้องฉันด้วยแววตาตำหนิ แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำแต่กลับทำให้ฉันรู้สึกกดดันไม่น้อย
อ้ำ!
ค่ะ! ฉันแพ้
เพราะทนความกดดันจากสายตาคู่นั้นไม่ไหวฉันก็เลยยอมอ้าปากกินข้าวต้มที่เขาป้อนต่ออีกสามคำแล้วก็คว้าแก้วยาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงกินเองเสร็จสรรพก่อนจะล้มตัวลงนอน
เอาจริงๆ ก็ยังปวดหัวมากอยู่เหมือนกันนะ ขอนอนเติมพลังหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยตื่นขึ้นมาอ่อยใหม่นะ
Special Part
เทียร์นอนหลับไปสักพักเคเดนถึงลุกขึ้นถือถาดอาหารเดินลงบันไดมาข้างล่าง แม่บ้านรีบวิ่งมารับถาดอาหารจากมือเขาทันที
บ้านหลังนี้เขาอยู่คนเดียวเพราะพ่อกับแม่ของเขาอยู่บ้านหลังใหญ่ที่เมืองเลออน ส่วนพี่ชายก็ไปๆ มาๆ ระหว่างเลออนกับเปโดรแต่ถ้ามาพักที่เปโดรพี่ชายเขาก็จะนอนที่เพนท์เฮ้าส์ของตัวเอง
เคเดนเลือกที่จะอยู่บ้านเพราะเขาชอบความเป็นส่วนตัว แบบส่วนตัวมากๆ ถึงจะมีเพนท์เฮ้าส์แต่ก็รู้สึกเหมือนมีคนอื่นเดินอยู่ข้างล่างเต็มไปหมด
“คุณเคเดนครับ”
ฮาร์มมือขวาคนสนิทของเขาเดินเข้ามาหาก่อนจะโค้งคำนับ
“ว่าไง”
“มีแก๊งอันธพาลส่งนัดส่งยาผ่านช่องทางของเราครับ”
“เมื่อไหร่”
“คืนนี้ครับ”
“เตรียมคนให้พร้อม”
“ได้ครับ”
กล้ามากนะที่มาขนส่งยาผ่านช่องทางขนส่งของเขา คิดว่าเขาคุมเมืองเลออนแล้วจะไม่กล้าทำอะไรในเปโดรเลยงั้นเหรอ
ร่างสูงเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงาน ถึงแม้ตอนนี้เขาอายุเพียงยี่สิบหกปีและมีพี่ชายช่วยดูแลทุกอย่างให้อยู่
แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มโดโนแวนอย่างเต็มตัวตอนนี้เขาจึงเริ่มเรียนรู้ธุรกิจทั้งหมดของครอบครัวเพื่อเตรียมรับช่วงต่อ