CHAPTER 4 มีอะไรให้กินไหม?
กลิ่นอาหารในหม้อหอมกรุ่น...แน่ล่ะฝีมือฉัน
ที่สำคัญฮิคารุมักจะฝากท้องของเขาไว้กับฉัน จะว่าไปเราก็มีแค่กันและกัน...เป็นแบบนี้มีหลายปีแล้ว
“หอมจัง” ฮิคารุสูดกลิ่นข้างเส้นผมของฉัน ก่อนจะชะโงกหน้าผ่านหัวไหล่ของฉันเพื่อมองซุปมิโซะในหม้อ “ขอบคุณนะที่ทำเผื่อฉัน”
“เลิกขอบคุณฉันเสียที จะมีนายหรือไม่ฉันก็ต้องหาของกินอยู่ดี ทำเผื่ออีกคนก็ไม่ได้เปลืองอะไร...” ฉันตักซุบลงถ้วยและยื่นใส่มือฮิคารุ หากแต่เขาเอามือไพล่หลังและไม่ยอมรับไป ตรงข้าม...ก้มลงและดื่มซุปจากถ้วยในมือของฉัน
“อร่อยจัง”
“แน่อยู่แล้ว”
ฮิคารุน่ะเป็นเด็กดี ปากหวาน ฉันถึงไม่เคยบ่นที่ต้องทำอาหารเผื่อเขาเกือบทุกวัน และที่จริงถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ชีวิตของฉันอาจรู้สึกขาดอะไรไปบ้างก็ได้ นานมาแล้วตั้งแต่เด็กฮิคารุเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน...
ฉันยกอาหารมาตั้งที่โต๊ะ ชุดหนึ่งสำหรับเขาและอีกชุดหนึ่งสำหรับฉัน แล้วเรานั่งลงพร้อมกัน ฉันอยู่ในชุดทำงาน และเขาอยู่ในชุดทำงานเช่นกัน...ในสูทสุดหรูสีดำสนิทแบบที่หนุ่มหล่อย่านอุเอโนะสุดเนี้ยบชอบใส่กัน แต่เรายังไม่ใช่คนวัยทำงานเต็มตัวหรอก เราสองคนเพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยได้สามเดือนเท่านั้น...
“กินนะครับ” แล้วคนตัวสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกินอย่างรวดเร็วต่อหน้าฉัน
แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็นิ่งไป “เมื่อคืน...ฮินะเห็นสินะ”
“เห็นแล้วไง” ฉันตอบหน้านิ่ง “อย่ากังวลไปเลย นายมีพ่อมีแม่ให้ฉันฟ้องได้ที่ไหนกัน”
“เธอก็เหมือนกันนั่นล่ะ”
“เอ๊ะ นี่เราจะล้อปมด้อยกันไปทำไม”
“ไม่ได้ล้อนะ”
“ช่างเหอะ” ฉันถอนหายใจ
“ต่อให้พ่อแม่อยู่ก็ไม่ว่าฉันหรอก ฉันโตแล้ว”
“ใช่ ฉันถึงไม่เดือดร้อนที่เห็นนาย...ไง”
และฉันไม่ได้โกหกเลย ฉันติดแบบนั้นจริงๆ ฮิคารุน่ะโตแล้ว สูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเห็นๆ ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป และเขามีหน้าที่การงานที่ดีมากด้วย เร็วๆ นี้อาจเลื่อนขึ้นเป็นระดับรองหัวหน้าก็ได้ เขารับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี...
และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร...
“แต่...” ฉันอดไม่ได้ “นายกับอาโออิรักกันก็ดีอยู่หรอก แต่...ยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงเขาจะคิดยังไง”
“อาโออิชอบ เธอสบายใจได้” ฮิคารุยืนยัน “แต่เธอน่ะฮินะ...ถือเรื่องแบบนี้สินะ”
“ก็แน่อยู่แล้ว จะทำอะไรลึกซึ้งก็ควรจะต้องแต่งงานกันก่อนและสาบานว่าจะรักกันตลอดไปไม่ใช่หรือไง”
“เหมือนในหนังที่แต่งงานกันในโบสถ์สินะ”
“ใช่”
“ถ้างั้น...ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสิ
เคร้ง...
ฉันทำช้อนหล่นเลย ฮิคารุนะฮิคารุ
แต่ก็นะ...ถึงจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่แต่อาจดีกับเขาก็ได้
“เธอจะดุฉันเหรอ...ฮินะ? ” เขาถาม การทำให้ฉันโกรธ ผิดหวัง หรือดุใส่เป็นฝันร้ายของเขาล่ะ ก็ฉันเป็นคนดูแลที่เขาแคร์มากนี่นะ
“เปล่า ฉันดีใจด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้นายดูร่าเริงขึ้น ไม่ได้ดูเหงาและน่าสงสารเหมือนตอนเด็กๆ แล้วรู้ไหม” ฉันยิ้มให้ฮิคารุ “ตั้งแต่นายมีความรักนายก็เลิกเหงา และนั่นก็ทำให้ฉันดีใจที่สุดเลยล่ะ”
มีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่าในหัวใจของฮิคารุเปล่าเปลี่ยวเพียงใด ตั้งแต่เด็กมาแล้ว...
“ฮินะ...ขอบใจ...”
“ยังไงก็อย่าให้เสียงานหรือเสียคนไปล่ะ” ฉันกินอาหารในจานคำสุดท้าย
“เตือนผิดคนแล้ว” ฮิคารุกินข้าวคำสุดท้ายก่อนวางตะเกียบลงเหมือนกัน “ฉันเป็นคนดีนะ”
“เดี๋ยว” ฉันเรียกก่อนที่เขาจะลุกไป “ลืมอะไรหรือเปล่า”
“ล้างจาน ไม่ได้ลืม”
“ขอบใจ”
แล้วเขาลุกขึ้น เก็บแก้วและจานของฉันไปล้างด้วย แต่ระหว่างล้างปากก็เอ่ยขมุบขมิบไป “ถ้าระแวงว่าฉันจะไม่ล้างจานให้อีกทีฉันจะงอนจริงๆ นะ”
“ค่า” ฉันยิ้มหวาน “แต่...ขออีกอย่างด้วยนะคะ”
“อะไร...?”
“ทิ้งขยะ”
ฮิคารุยิ้ม น่ารักที่สุดเลยล่ะ “ครับ...ครับ...”
เขาเป็นคนดีมากถึงมากที่สุด เพราะทุกครั้งที่ฉันเตรียมอาหารให้เขาเขาจะล้างจานให้ฉันเสมอ และถึงที่จริงเมื่อนานมาแล้วฉันเคยสัญญาว่าจะเป็นฝ่ายดูแลเขา แต่ว่าที่จริงแล้ว...เราสองคนดูแลกันและกันอยู่ต่างหากล่ะ
เสียงก๊อกน้ำเหนือซิ้งค์ที่เปิดยังทำให้ฉันนึกถึงวัยเด็กของเขา เรามักเปิดน้ำจากก๊อกและสาดใส่หน้ากัน และเสียงจานชามใต้มือของฮิคารุที่กระทบกันทำให้ฉันเพลิน ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่เราล้างจานด้วยกัน และนั่นก็เป็นภาพคืนวันเก่าๆ ที่ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้...
เสียงนั้นหมือนบทเพลงที่ร่าเริงสำหรับฉัน
ฮิคารุ...
ฉันรักนายมากนะ...