EP : 11
“ไหวไหม” เวลาผ่านมาพักหนึ่งที่เขาปล่อยให้ฉันตั้งสติพี่ลุคก็เอ่ยถามขึ้น
“...ไหวค่ะ”
“จะนอนหลับต่อรึเปล่าเอย”
“หลับค่ะ”
“แน่นะ” พี่ลุคมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ค่ะ ผ่านมันมาได้ทุกคืน คืนนี้ก็เหมือนกัน ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ” ฉันตอบเขาแล้วขยับตัวไปที่กลางเตียงจะได้นอนได้สะดวก
“พี่ห่วง”
“ขอบคุณนะคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ลุคต้องมาเจอเหตุการณ์นี้ทั้งที่เอยก็รู้ตัวว่าตัวเองต้องฝันร้าย”
“ไม่เป็นไรเลยเอย ไม่เป็นไร”
“ค่ะ พี่ลุคไปนอนเถอะค่ะเอยอยากนอนต่อแล้ว” ฉันฝืนยิ้มให้เขาก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเขา
“...อื้ม” พี่ลุคยอมตกลงก่อนที่เขาจะเดินไปที่โซฟาจากนั้นเขาก็ยังมองมาที่ฉันอยู่พักหนึ่งถึงได้ปิดโคมไฟ
ฉันนอนนิ่งท่ามกลางความเงียบก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาเพียงลำพัง
คืนนี้เป็นคืนที่...ดีจังเลยนะขวัญเอย
-วันต่อมา-
ฉันตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้าแต่พี่ลุคยังไม่ตื่นเลย ดูเหมือนเขาจะนอนหลับลึกฉันไม่อยากกวนเลยแต่งตัวเงียบ ๆ ก่อนจะออกมาจากห้องเพื่อไปเรียนแต่ก็ไม่ลืมเขียนโน๊ตบอกเขาว่าฝากล็อกห้อง
“เอยจ๋า”
“ว่าไงจ้ะมิ้งค์จ๋า” ฉันรีบเดินไปตามเสียงเรียกชื่อแล้วทักทายเพื่อนในกลุ่มที่โบกไม้โบกมือเรียกฉันตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงอาหารและฉันยังมองไม่เห็นเพื่อนด้วยซ้ำ
“คิดถึง~”
“คิดถึงอะไรไม่เจอกันสองวันเอง”
“คิดถึงเหมือนเดิมนั่นแหละ อิอิ”
“จ้า~ แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะยังไม่มากันเหรอ”
“กล้าถามนะจ้ะยัยเอย เช้าขนาดนี้เพื่อนแกไม่มาสักคนหรอก”
“ฮ่า ๆๆ แต่แปดโมงเช้าก็ไม่เช้าเท่าไหร่แล้วนะ” ฉันหัวเราะนิดหน่อยแล้วเถียงเพื่อน
“เช้าสำหรับเพื่อนคนอื่นอยู่ดีสิบโมงโน่นถึงจะเรียกว่าเวลาน่าตื่น”
“เม้าท์เพื่อน” ฉันแกล้งมองค้อนมิ้งค์แต่ก็แค่เล่น ๆ ก่อนที่เราจะนั่งคุยกันเพื่อรอเพื่อนคนอื่นมาแล้วไม่นานหรือนานก็ไม่แน่ใจเพราะเกือบแปดโมงครึ่งเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มอย่างลลินกับเอลล่าก็เดินเข้ามา
“ไงจ้ะสาว ๆ ไม่สายมาไม่ถึงเลยนะ” มิ้งค์ทักทายเพื่อนแต่อีกสองคนกลับไม่ได้สนใจตอบนอกจากมองมาที่ฉันชนิทที่ตาแทบไม่กระพริบ
...เกิดอะไรขึ้น?
ฉันกับมิ้งค์มองหน้ากันทันทีที่ลลินกับเอลล่ามีแต่สีหน้าเครียดแล้วก็เอาแต่มองฉัน
“มี...อะไร” ฉันถามเพื่อนออกไปช้า ๆ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
“แก...เอาใครไปนอนที่ห้องยัยเอยเอย!” เอลล่าพูดขขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังเลย...ไม่ดังน้อย
“คือ...”
“สารภาพมาเลยนะยัยเอย! แกเอาเวอร์จิ้นของแกไปให้ใคร!”
“...” เวอร์จิ้นเหรอ ใช่สิเพื่อน ๆ และใครต่อใครก็คิดว่าฉันยังเวอร์จิ้นกันทั้งนั้นเพราะฉันไม่เคยมีแฟนเลยทั้งชีวิต มีแค่คนที่อยากรอให้ถึงเวลาที่พร้อมแล้วเราค่อยจับมือก้าวเดินไปด้วยกันแต่มันก็เป็นแค่เรื่องของอดีตเท่านั้นล่ะ
“เอย”
“...”
“เอย”
“เอย!”
“ฮะ!” ฉันสะดุ้งหลังจากที่โดนเพื่อนทั้งสายคนเรียก เอาล่ะจากสายตาสองคู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสามคู่เรียบร้อยแล้ว
“ตกลงว่า?” ฉันโดนจ้องด้วยสายตากดดัน
“คือ...รู้ได้ไง” ก่อนตอบขอถามก่อนเพราะเอลล่ากับลลินพักอยู่คนละที่กับฉันเพราะฉะนั้นเพื่อนฉันไม่มีทางรู้ได้ด้วยตัวเองแน่นอน
“เด็กในคณะเม้าท์มา ไปเที่ยวผับกลับมาเจอแกควงผู้ชายขึ้นห้องพอดี”
“ก็...”
“แอสตัน มาร์ติน” ลลินเอ่ยชื่อยี่ห้อรถที่จอดอยู่ที่หอฉันตั้งแต่เมื่อคืนออกมาช้า รู้แล้วว่าเป็นใครยังจะถามอีกนะยัยพวกนี้ พอเพื่อนพูดออกมาแค่นี้มิ้งค์ก็รู้แล้วล่ะฉันเลยไม่ได้คิดจะตอบอะไร
“ไหนบอกแค่พี่ชายข้างบ้านติดรถกลับบ้านทุกวันศุกร์เฉย ๆ ไงจ๊ะ แล้วนี่อะไรเอ่ยเอยเอย”
“ก็ไม่มีอะไร พี่เขานอนที่โซฟา”
“แน่~” ลลินพูดขึ้นมาสั้น ๆ แต่ลากยาวเหมือนไม่ค่อยเชื่อฉันเท่าไหร่ฉันเลยรีบเชิดหน้าขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง
“แน่”
“ไม่อยากเชื่อ” ลลินพูดขึ้นมาซึ่งฉันก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
“ใช่ไม่อยากเชื่อ สารภาพมาเลยนะยัยเอย” มิ้งค์พูดต่อจากลลินแล้วจ้องฉันเขม็ง
“สารภาพอะไร”
“พี่ลุคแซ่บไหม”
“เวอร์จิ้นฉันยังอยู่ดีมีความสุข” เจอคำถามทะลึ่งของยัยมิ้งค์เข้าไปฉันก็รีบตอบทันทีถึงแม้คำตอบมันจะเป็นคำโกหกคำโตก็ตาม แต่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อคืนเราไม่ได้ทำอะไรกันจริง ๆ
“ไม่กล้าเชื่อเลยเอยจ๋า”
“พูดจริง ๆ เมื่อคืนกลับดึกคืนก่อนพี่ลุคดูบอลไม่ได้นอนตอนแรกเขางีบบนรถฉันเลยเรียกให้ขึ้นไปนอนข้างบน พี่เขานอนบนโซฟาสาบานได้”
“พี่เขางีบบนรถ?” เอลลาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อแต่ฉันก็พยักหน้ารับทันที
“อื้อ ไปพัทยากันมากลับดึกมากพี่เขาเลยขับรถต่อไม่ไหว”
“แหม ไปพัทยา~”
“ไม่มีอะไรเลยมิ้งค์เมื่อวานเซ็ง ๆ กันนิดหน่อยเลยชวนกันไปนั่งเล่นริมทะเลแค่นั้น”
“อ่อ แต่ไม่ใช่ว่าพี่เขาแค่แกล้งง่วงเพื่อหาทางขึ้นห้องสาวน้อยเอยเอยหรอกนะจ้ะ” เอลล่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียนฉันเลยส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่หรอกพี่ลุคง่วงจริง ๆ เขาไม่ได้นอนแต่ดันตามใจพาฉันไปพัทยาเลยขับรถไม่ไหว ไม่มีอะไรเกินเลยพวกแกต้องเชื่อฉันสิฉันเป็นเพื่อนแกนะ”
“โอเค ๆ ยอมเชื่อเอยเอยก็ได้ แต่พี่ลุคน่ารักนะตามดูแลแกตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะเอย”
“ก็พี่น้องดูแลกันไง”
“พี่น้องที่ไม่ใช่ญาติแท้ ๆ ไม่จำเป็นไม่ต้องเน้นคำว่าพี่น้องบ่อย ๆ หรอกนะจ๊ะขวัญเอยเพราะถ้าวันไหนท้องชนกันขึ้นมาเดี๋ยวจะเขินคำพูดตัวเองเปล่า ๆ”
“เดี๋ยวเถอะยัยมิ้งค์ พอ ๆ ไม่คุยเรื่องทะลึ่งแล้ว”
“โอ๊ย~ ทะลึ่งอะไรพูดนิด ๆ หน่อย ๆ เอง แต่พี่ลุคก็ดีนะ ไม่สิใช้คำว่าก็ดีไม่ได้ต้องใช้คำว่า...โคตรดี~”
“อื้ม...โคตรดี” ฉันพยักหน้ารับตามคำพูดของมิ้งค์ พี่ลุคดีมาก ดีมากจริง ๆ
“ถ้างั้นก็รีบคบกันซะจะได้เป็นผู้หญิงที่มีความสุขมาก ๆ หล่อรวยล่ำโปรไฟล์ดีมากขนาดนั้นพลาดไปก็ไม่รู้จะหาใครมาแทนที่แล้วนะจ้ะสาวน้อย”
“จ้า~ รู้แล้วน่า” ฉันหันไปยิ้มใส่มิ้งค์แล้วก็พูดออกมา ฉันรู้ว่าพี่ลุคดีมากและฉันตัดสินใจแล้วว่าฉัน...ไม่พลาดหรอก
-เวลาต่อมา-
กริ๊ก!
ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปในตอนสี่โมงเย็นโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าข้างในห้องมีใครบางคนอยู่
แอด~
“ว่าไงคะทำไมยังไม่กะ...กรี๊ด!!!” ฉันกำลังจะทักทายเพราะบางทีพี่ลุคอาจจะกำลังนอนเล่นอยู่ก็ได้แต่ที่ไหนได้พี่เขากลับกำลังแก้ผ้าอยู่!
“เฮ๊ย! ใจเย็น ๆ ก่อนเอย” พี่ลุคร้องด้วยความตกใจไม่ต่างกัน
“ก็ใส่เสื้อผ้าสิคะ!” ฉันร้องตะโกนใส่เขาเพราะพี่ลุคยังเอาแต่ยืนอึ้งที่ฉันเปิดประตูเข้ามาส่วนฉันก็...ก็เอาแต่ยืนมองเขาที่ยืนเปลือยกลางห้องตัวเองด้วยความช็อกอยู่เหมือนเดิม!
“เราก็หยุดจ้องลูกชายพี่สิ”
“พี่ก็ใส่เสื้อผ้าสิคะ! ไม่ก็หาผ้ามาพันสักที!” ฉันตะโกนใส่เขาแต่ก็เหมือนเดิมถึงฉันจะโดนเขาบอกให้หยุดจ้องลูกชายของเขาแต่ฉันก็ยังเอาแต่จ้องด้วยความตกใจอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นอะไรแบบนี้นะคะ มัน...มันน่ากลัว น่ากลัวมากจนทำฉันช็อกแล้วก็ถอนสายตาจากมันไม่ได้ทั้งที่ไม่ได้อยากมองเลยให้ตายเถอะ!
พี่ลุคตัวใหญ่แต่ฉันไม่คิดว่าไอ้นั่นของเขาจะใหญ่ทั้งที่มันยังไม่ตื่น ไม่น่าล่ะถึงได้... ไม่ ๆ อย่าคิดสิเอย
“พะ พี่ลุค! พี่ลุคจะเดินมาทำไม ยะ อย่าเข้ามานะไปใส่เสื้อผ้า” อยู่ ๆ พี่ลุคก็เดินมาทางฉัน เดินมาหาทั้งที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าจนอะไรของเขาที่อยู่ในสายตาฉันตลอดเวลามันแกว่งไปมาตามจังหวะการเดิน
ฉันใจเต้นแรงขึ้นมาด้วยความกลัวแต่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย ฉันควรจะกรี๊ดเพราะเคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายออกมาต่อหน้าเขาที่กำลังโป๊ในตอนนี้แต่เปล่าเลยฉันไม่ได้กรี๊ดฉันแค่ยืนนิ่งตัวสั่นส่วนพี่ลุคก็มาหยุดตรงหน้าแล้วก็มองหน้าฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกจากนั้นเขาก็โน้มตัวมาใกล้ ๆ รู้ไหมคะว่าทุกวินาทีที่เขาเข้าใกล้ฉันหายใจไม่ออกขึ้นมาทุกที
“พะ พี่ลุคคะ”
“หืม~ มีอะไรครับ” ใบหน้าหล่อของพี่ลุคขยับเข้ามาใกล้ ใกล้มากซะจนอีกแค่นิดเดียวเขาก็จูบฉันได้ก่อนที่มือเขาจะขยับ อย่าบอกนะว่าเขาจะคว้าฉันไปกอดแล้วก็ทำอะไรฉันอย่างที่เขาอยากทำซะ
กรี๊ดสิขวัญเอย กรี๊ดซะก่อนที่จะโดนทำในสิ่งที่กลัวมาเสมอ กรี๊ดสิทำไมไม่กรี๊ดล่ะปากพี่ลุคใกล้เข้ามาแล้วนะไม่เห็นรึไง
“ว่าไงครับขวัญเอย เรียกพี่ทำไม” เสียงเขาถามออกมาแผ่วเบา ริมฝีปากเราแทบจะติดกันฉันที่ควรจะกรี๊ดหรือโวยวายอะไรบ้างกลับทำแบบที่ต้องการไม่ได้เลย
“คือ...” ใจฉันเต้นแรงตัวฉันก็แข็งขึ้นมาทุกทีที่เขาจ้องตาฉันลึกเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปากของเราสองคนห่างกันไม่ถึงนิ้ว
“คืออะไรครับ~”
“คือ...” ทำไมฉันทำอะไรไม่ได้เลย พูดอะไรไม่ออกเลยนอกจากยืนนิ่งเงียบในขณะที่พี่ลุคขยับมาใกล้แต่เขาไม่ได้จูบใบหน้ากับริมฝีปากอย่างที่ฉันแอบคิดแต่เขาขยับไปด้านข้างแล้วก้มลงนิดหน่อย
คอเหรอ พี่ลุคกำลังจะ...ไซร้คอฉันใช่ไหม
“เอย~” เสียงพี่ลุคพร่ามากซะจนฉันรู้สึกเหมือนโดนสะกด
“...” เขากำลังดูว่าฉันจะมีปฏิกิริยายังไงอยู่สินะ
กริ๊ก~
“เอยไม่ยอมปิดประตูสักที เดี๋ยวคนอื่นเดินผ่านมาก็เห็นพี่โป๊หรอก”
“...คะ?” ฉันนึกว่าพี่ลุคแค่ช้าเพราะกำลังรอดูปฏิกิริยาของฉันว่าจะหวาดกลัวรึเปล่าแต่ที่ไหนได้เขาแค่เดินเข้ามาปิดประตูงั้นเหรอ?
ฉันพูดแล้วมองหน้าเขาที่ขยับตัวนิดหน่อยจากการขยับไปปิดประตูทำให้เราเห็นหน้ากันชัดเจนในระยะที่ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว
“เอยลืมปิดประตู ถ้ามีคนผ่านมาเขาคงเห็นพี่โป๊แล้วก็เห็นพี่...จูบเอย ~”
หมับ~
เขาคว้าเอวฉันไปกอดแล้วขยับมาใกล้จนปากเราจะแตะกันแต่ฉันเอนหลังออกห่างก่อนแล้วเรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยใจที่สั่นมาก ๆ
“พะ พี่ลุคคะ”
“จะเสียงสั่นก็ได้นะแต่พี่ว่าเอย...ไม่ค่อยกลัวการมีเซ็กส์แล้วนะครับ~”
“อื้อ~”