บทที่ยี่สิบสอง
จิตติพัฒน์ยอมรับว่าไม่ค่อยสบายใจนักที่เมื่อรู้ว่า ต้องทิ้งให้มงคลพัสอยู่กับพิมพ์พรรณพี่สาวของแพรววา แต่ความไม่สบายใจก็ดูจะอยู่ได้ไม่นานเพราะเวลาส่วนใหญ่ของทั้งสอง คือนั่งเล่นเครื่องเล่นด้วยกันซึ่งเขาสัมผัสได้ว่าแพรววาดูมีชีวิตชีวามาก เช่นเดียวกับจิตติพัฒน์ที่ทุกครั้งยามอยู่ใกล้กับเด็กสาว ความวิตกกังวลต่าง ๆ มันถูกหล่อละลายด้วยรอยยิ้มของแพรววา ประกอบกับเขาไม่เคยได้มาเที่ยวสวนสนุกมาเป็นเวลานาน จนหลงลืมไปแล้วว่าความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวแบบนี้เป็นแบบไหน ทว่าจู่ ๆ ในตอนที่เขากับเด็กสาวนั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์เพื่อดูวิวจากด้านบน ภาพในอดีตที่จิตติพัฒน์พยายามที่จะลืมก็ได้หวนคืนกลับมา เหตุการณ์บนชิงช้าสวรรค์ที่มีตัวจิตติพัฒน์ในวัยเด็กกำลังนั่งตักของจิดารันต์ เสียงหัวเราะอันชอบใจของเขาที่ได้เห็นวิวทั่วทั้งเมือง รวมทั้งเสียงของแม่ที่พูดกับเด็กน้อยว่า "ยืนอยู่ตักแม่อย่างเดียวนะ เจต" พริบตานั้นเขาก็มีอาการปวดหัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเหมือนมีคนเอาตะปูมาตอกสมองของเขา ทว่ามันก็น่าแปลกที่จิตติพัฒน์กลับไม่ร้องแม้แต่น้อย
แพรววาที่หันมาเห็นพอดีก็ตกใจมาก "เจต ! เธอเป็นอะไรหรือเปล่า" เด็กสาวรีบเข้ามาดูอาการของจิตติพัฒน์ทันที และพอมือของเธอสัมผัสเข้ากับผิวเนื้อแขนของอีกฝ่าย แพรววาถึงกับต้องชักมือกลับด้วยความตกใจเพราะตัวของจิตติพัฒน์ร้อนเหมือนไฟ
จิตติพัฒน์ที่เห็นสีหน้าไม่สบายใจของแพรววาก็รีบแก้ต่างให้กับอาการที่เป็นอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำใด ๆ ออกมาภาพในความทรงจำในอดีตก็รุกเข้าโจมตีใส่เด็กหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นภาพตอนที่จิตติพัฒน์ยังเป็นเด็กและเหมือนจะพึ่งตื่นนอน เด็กชายในตอนนั้นรู้สึกหิวขึ้นมาและเดินมาเปิดประตูห้องพร้อมกับร้องเรียกหาแม่ แต่เรียกเท่าไหร่แม่ก็ไม่ขานกลับมาซึ่งจิตติพัฒน์คิดว่าแม่คงออกไปข้างนอก พอดีกับที่เขาได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดออกจิตติพัฒน์คิดว่าเป็นแม่ จึงรีบวิ่งลงบันไดลงมาจากบ้านและเห็นร้อยเอกจตุพักต์ผู้เป็นพ่อ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นและด้วยความเป็นเด็ก เขาวิ่งเข้าไปกอดร้อยเอกจตุพักต์ด้วยความดีใจ "พ่อกลับมาแล้ว !" เด็กชายผู้ไร้เดียงสาที่ไม่รู้อะไรเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ มันจะกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนชีวิตของเขาตลอดกาล ครู่ต่อมาเสียงปืนก็ดังก้องมาพร้อมกับภาพร่างของพ่อนอนจมกองเลือด โดยมีเขาที่ยืนแข็งทื่อราวกับมีคนมาเทปูนให้เขากลายเป็นหุ่น
"เจต !"
เสียงตะโกนของแพรววาดึงสติจิตติพัฒน์กลับมาอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองยังคงอยู่บนชิงช้าสวรรค์และแพรววามีสีหน้าหวาดหวั่นมาก "เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ เมื่อกี้ตัวเธอร้อนมากเหมือนเตาถ่านเลย" เด็กหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบคำถามตรง ๆ "ถ้าลงจากตรงนี้แล้ว พาไปอะไรเย็น ๆ กินกันไหม" แน่นอนว่าแพรววารับรู้ได้ว่าจิตติพัฒน์ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงในการตอบคำถาม แต่แพรววาก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อเพราะตอนนี้มันถึงเวลาที่ทั้งสองต้องออกมาจากชิงช้าสวรรค์แล้ว เด็กสาวต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจึงลองชวนไปรับลมเย็น ๆ ตรงแถวสวนน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก แวบหนึ่งแพรววานึกเสียดายที่ไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมาด้วย ทว่าใจหนึ่งเธอก็ไม่กล้าอยู่ในชุดว่ายน้ำต่อหน้าจิตติพัฒน์เท่าไหร่ ทั้งสองตัดสินใจมานั่งบนริมหาดจำลองของสวนน้ำ ที่ได้ใช้เทคโนโลยี้ล้ำสมัยสร้างทุกอย่างให้ดูเหมือนชายหาดทะเล แถมยังมีเก้าอี้กับร่มกางสร้างให้ดูเหมือนว่ากำลังมาทะเลจริง ๆ ทันทีที่ได้เก้าอี้มาแพรววาสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาสองแก้ว
"ไง รู้สึกดีขึ้นไหม" แพรววาถามด้วยความเป็นห่วง
"อืม" จิตติพัฒน์พยักหน้าตอบ "ฉันดีขึ้นแล้ว ขอบคุณนะและก็ขอโทษด้วย"
แพรววาขมวดคิ้วกับประโยคหลัง "ขอโทษ... ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ"
"ทำให้เธอต้องลำบากและก็ต้องมาคอยเป็นห่วงฉันด้วย"
เพียะ !
เด็กสาวตีมือจิตติพัฒน์จนเด็กหนุ่มร้องครางออกมาแผ่วเบา "อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ รู้ไหม" เขาพยักหน้าเข้าใจและดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งเงียบ ๆ ลมเย็นพัดกระทบเข้ากับหน้าประกอบด้วยน้ำมะนาวเย็นชื่นใจด้วย ทำให้มันช่วยคลายร้อนในร่างกายของเขาอย่างมาก ทว่าถึงกระนั้นจิตติพัฒน์ก็ยังรู้สึกผิดต่อแพรววาที่ต้องทำให้เธอเป็นห่วง ใจจริงเขาอยากให้การเดตรอบที่สาม (ถ้าเขาจำไม่ผิด) เป็นการเดตที่น่าประทับใจ ซึ่งตอนนี้เด็กหนุ่มตระหนักแล้วว่ามันยากกว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนสิบคนเสียอีก แถมยังถูกกระตุ้นให้มานึกถึงเรื่องที่ไม่น่าจดจำเสียอีก และเขาไม่ต้องการให้แพรววารู้เรื่องนี้ด้วย เพราะจิตติพัฒน์ไม่ต้องการความสงสารหรือความเห็นใจ ยิ่งมันมาจากแพรววาด้วยมันมีแต่จะชวนให้สมเพชตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งสองยังไม่มีใครพูดอะไรนอกจากนั่งรับลมเย็น ๆ จากทะเลจำลอง
ทันใดนั้นเองที่จิตติพัฒน์กับแพรววาได้ยินเสียงคนโวยวายอยู่ไม่ไกลมากนัก "เกิดอะไรขึ้น" แพรววารู้สึกเหมือนจะคุ้นเสียงของใครสักคนที่เธอนึกไม่ค่อยออก จนกระทั่งเธอเห็นวัยรุ่นสองคนกำลังมีเรื่องชกต่อยกันอย่างดุเดือด โดยเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทรงเกรียนกำลังนั่งคร่อมกระหน่ำรัวกำปั้นไม่ยั้งใส่เด็กหนุ่มอีกคนที่ยังอยู่ในชุดว่ายน้ำ จากนั้นแพรววาก็ได้ยินเสียงคนที่เข้ามาห้ามปราม "คริสเตียน ! หยุดเดี๋ยวนี้ !" เมื่อเธอหันไปมองที่ต้นเสียงก็พบว่าเป็นเสียงของคริสติน่าอดีตเพื่อนในกลุ่มเบลล่า และมีเด็กสาวอีกคนยืนอยู่ข้างหลังอยู่ในอาการสั่นเทา คล้ายเหมือนคนช็อคกับอะไรบางอย่าง เบลล่า นั่นเอง ถัดจากเบลล่าก็คือเสมอแมนที่มีสีหน้าหวาดหวั่น แล้วเมื่อทั้งสองเห็นแพรววาก็พากันพร้อมใจกันหลบสายตา ทำเอาเด็กสาวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าฉงนใจ แต่เสียงของคริสติน่าได้ดึงสติแพรววากลับมาโฟกัสที่คนทะเลาะ ในขณะที่คนอื่น ๆ เอาแต่ยืนมุงดูแต่กลับไม่มีคนคิดจะเข้ามาห้ามปราม ซึ่งจิตติพัฒน์คิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่สถานการณ์จะปานปลายมากไปกว่านี้
ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่ทันจะก้าวเท้าเดินก็มีคนชิงตัดหน้าก่อน มงคลพัสนั่นเองซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาจากแต่เขาวิ่งตรงเข้ามาคว้าตัวคริสเตียน ออกห่างจากคู่กรณี ฝั่งคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกเล่นงานมาตลอดก็นึกอยากเอาคืนบ้าง จึงลุกขึ้นยืนและกำลังพุ่งตรงไปหามงคลพัสกับคริสเตียน ก่อนที่กำปั้นขวาของอีกฝ่ายจะมาถึงตัวเด็กหนุ่มทั้งสอง จิตติพัฒน์วิ่งเข้ามาจับล็อคข้อมือของคู่กรณีได้สำเร็จ สภาพใบหน้าอีกฝ่ายมีรอยฟกช้ำและรอยเลือดที่ริมฝีปาก บ่งบอกได้ว่ากำปั้นของอีกคนรุนแรงแค่ไหน "ปล่อย !" เด็กหนุ่มผู้มีรอยช้ำบนหน้าออกคำสั่งกับจิตติพัฒน์ด้วยความเดือดดาล แต่มันก็เหือดแห้งลงอย่างรวดเร็วเมื่อสบตากับดวงตาแข็งกร้าวของจิตติพัฒน์ "แค่นี้ยังเจ็บตัวไม่พออีกเหรอไง" เสียงเย็นของเขาทำให้อีกฝ่ายสงบปากโดยไม่ยากเย็น ส่วนคริสเตียนพี่ชายของคริสติน่าก็สลัดออกจากมงคลพัสได้ และหันมาทางเสมอแมนที่ยืนแข็งทื่อ
"แก !" คริสเตียนพุ่งตัวไปคว้าคอเสื้อของเสมอแมนด้วยความเจ็บแค้น "กล้าดียังไงมาหลอกใช้เธอ"
คริสติน่าที่รู้ว่าพี่ชายยังอารมณ์ร้อนอยู่จึงรีบวิ่งเข้ามาดึงหลังคอเสื้อคริสเตียน
"คริสเตียน สวอน ! หูแตกหรือไง ฉันบอกให้หยุดไง !"
คริสเตียนหยุดชะงักและยอมเลิกราปล่อยคอเสื้อเสมอแมน คริสติน่าเห็นว่าพี่ชายยอมฟังเธอแล้วทีเหลือก็คือ เบลล่าที่เหมือนยังอยู่ในอาการช็อคอยู่ซึ่งเด็กสาวมองว่าควรพาเบลล่าไปจากที่นี่ก่อน ทว่าก่อนที่จะไปเธอหันกลับมาหาเสมอแมนที่ยังมีสีหน้าตื่นตระหนกอยู่ "ส่าแก่ใจพี่แล้วนะที่ทำเพื่อนหนูเป็นแบบนี้" พูดจบก็ลากตัวคริสเตียนและจูงมือเบลล่าฝ่าฝูงชนไป โดยเบลล่าหันมาสบตากับเสมอแมนด้วยแววตาที่เหมือนต้องการคำตอบอะไรสักอย่าง ด้านเสมอแมนที่รู้สึกอับอายจนแทบอยากระเหยกลายเป็นไอเสียตรงนี้ เสมอแมนหันมาจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่พึ่งมีเรื่องวิวาทกับคริสเตียน เขาชี้หน้าใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้นและเดือดดาลมาก "ทั้งหมดเป็นเพราะนายคนเดียว อาลแบร์ !" พูดจบเสมอแมนก็กำลังจะเดินฝ่าฝูงชนหายไปอีกคน หลงเหลือแค่เพียงเด็กหนุ่มนามอาลแบร์ที่ภายหลังถูกหุ่นดรอยด์ของสวนน้ำ พาไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนและเมื่อไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้วฝูงชนก็พากันแยกย้ายไปคนละทิศละทาง เหลือแค่จิตติพัฒน์ แพรววา มงคลพัส และพิมพ์พรรณ
"มะยม... มันเกิดอะไรขึ้น" จิตติพัฒน์หันมาถามมงคลพัส
"นั้นสิ หนูนึกว่าพี่พิมกับมะยมอยู่แถวขบวนพาเหรดชะอีก" แพรววาก็สงสัยไม่แพ้กัน
มงคลพัสกับพิมพ์พรรณหันมามองหน้ากัน
"เรื่องมันยาวนะ"
+++++++++++++++++++++++++