ตอนที่ 5 อยู่ที่นี่ไม่ได้คุยแน่
กว่าฟางจะรู้สึกตัวอีกทีก็เกือบจะตอนเย็นอีกครั้ง เมื่อเธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและหันดูรอบ ๆ ห้องและไม่เห็นเวย์เธอจึงค่อย ๆ หยิบชุดคลุมมาสวม ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้ แม้ว่าจะยังคุยกันไม่จบแต่เหมือนว่าวิชญะจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ สินะ
“ตื่นแล้วเหรอ”
เธอสะดุ้งเมื่อเห็นเวย์ในชุดลำลองเดินเข้ามาหาเธอ
“คือว่า…”
“รีบไปอาบน้ำเถอะพี่พึ่งไปรับชุดที่ร้านซักรีดมาส่งให้น่ะ”
“พี่เวย์ส่งชุดของฟางไปซักเหรอคะ”
“อืม พอดีว่ามีชุดนักบินของพี่ด้วยก็เลยส่งซักทีเดียว ลุกไหวหรือเปล่า”
“ไหวค่ะ”
แต่เวย์ก็เดินเข้ามาและพยุงเธอลุกจากเตียง เธอไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาเพราะมัวแต่ใจสั่น คนอะไรแค่สวมชุดอยู่บ้านธรรมดาก็หล่อจนใจละลายแบบนี้
“พี่เอาชุดไปแขวนให้เดี๋ยวออกมาจะได้ใส่ได้สะดวก”
“ขอบคุณค่ะ”
“รีบอาบน้ำเถอะ”
เขาเดินมานั่งรอเธอที่โซฟาห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับโซนครัวและเครื่องดื่ม เมื่อหันมามองมือถือที่สั่นของฟางก็เห็นเบอร์ที่เธอบันทึกเอาไว้โทรเข้ามา
“ที่รัก”
“หึ ที่รักเหรอ แค่เห็นก็จะอ้วกแล้ว”
เวย์เอื้อมไปหยิบมือถือและตัดสายทิ้งทันที แต่ไม่นานเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีกครั้งจนเขารำคาญจนต้องตัดสายทิ้งไปเสียดื้อ ๆ โดยปกติแล้วเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเพราะมันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่น
แต่ว่าครั้งนี้เขาคงยอมไม่ได้เพราะตอนนี้ชนิตราถือว่าเป็นคนของเขาแล้วอย่างเต็มตัว ไม่ใช่ชนิตราที่ถูกผู้ชายเฮงซวยที่กำลังกระหน่ำโทรหาเธอทิ้งโดยไม่สนความรู้สึกเมื่อวานนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“พี่เวย์คะ คือว่าชุดนี้…”
เธอเดินถือชุดแบรนด์เนมสีขาวครีมสุดหรูออกมาเพราะมันเป็นชุดเดียวที่อยู่ในห้องแต่งตัว
“ทางร้านซักรีดน่าจะหยิบชุดมาให้ผิดหรือเปล่าคะ ชุดของฟางเป็นสีเดียวกันแต่ไม่ได้หรูแบบนี้ฟางว่า...”
“ไม่ใช่หรอก ชุดนั้นถูกแล้วล่ะชุดเมื่อคืนพี่เอาไปทิ้งแล้ว”
“ทิ้ง!!”
“ใช่ ทิ้งไปแล้วพี่เห็นว่ามันขาดน่าจะใส่ไม่ได้แล้วก็เลยสั่งชุดใหม่มาให้ ซักรีดด่วนให้แล้วลองใส่ดูสิ”
“แต่ว่าชุดนั้นราคาแพง อุตส่าห์ตัดใจตั้งนานกว่าจะซื้อได้”
เมื่อได้ยินเธอบ่นเขาก็เริ่มนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง นี่เธอตั้งใจเลือกชุดสวย ๆ ทั้งแต่งหน้าทำผมเพื่อจะมาพบไอ้คนเฮงซวยที่บอกเลิกเธองั้นเหรอ
“ฟาง จะใส่เองหรือจะให้พี่ช่วยใส่ให้”
“ฟางใส่เองได้ค่ะพี่เวย์ออกไปก่อนเถอะค่ะ”
“เอ่อ ชุดชั้นในนั่นก็… ลองดูนะ พี่ก็กะเอาตอนที่จับ”
เวย์เดินออกไปแล้วฟางจึงรีบปิดประตูทันทีเพราะความอาย เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะซื้อแม้กระทั่งชุดชั้นในและบราเข้าชุดราคาแพงขนาดนี้ให้เธอ แต่ก็นั่นแหละเขาเป็นกัปตันและเงินเดือนคงจะสูงมากกว่าเธอถึงได้มาพักโรงแรมระดับนี้ได้หลายวัน
“เสร็จแล้วค่ะ”
เมื่อฟางเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เวย์ก็ต้องยิ้มอย่างพอใจเพราะชุดที่เตรียมให้เธอสวมได้พอดีและยังดูดีมาก ๆ อีกด้วย ไม่สิ มันดีกว่าที่คิดเสียอีก
“พี่จินนี่ยังใช้ได้อยู่”
“อะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไร รีบไปทำผมสักหน่อยเถอะ”
“ค่ะ”
เธอไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะยังไม่อยากถูกวิชญะลากขึ้นเตียงอีกรอบ ดูเหมือนว่าเขาเองก็ยังพูดไม่จบแต่ความทรงจำสุดท้ายเหมือนกับว่าเขาจะขอคบกับเธอแล้วยังต่อว่าเรื่องที่เธอจะ “กินแล้วทิ้ง” ด้วย
“เสร็จแล้วค่ะ”
“อืม ยังสวยอยู่เลย ไปซื้อของกันก่อนแล้วแวะทานข้าวเย็นแล้วพี่จะส่งกลับบ้าน”
“ซื้ออของเหรอคะ แต่ว่าตอนนี้ฟางต้องรีบทานยา”
“ยา อ่อหมายถึงยาคุมฉุกเฉินน่ะเหรออ นี่ไง พี่สั่งให้คนซื้อมาเรียบร้อยแล้วแต่ต้องกินหลังอาหาร ไปกันเถอะ”
“เอ่อ ทำไมพี่เวย์ต้องพาฟางไปซื้อของด้วยละคะ”
“ก็ พี่คิดว่าถ้าเรายังคุยอยู่ในห้องนี้คงจะคุยไม่รู้เรื่องน่ะสิ"
วิชญะมองไปที่เตียงซึ่งผ่านศึกรักมาทั้งวันทั้งคืน ฟางรีบคว้ากระเป๋ามาสะพายและหันมาค้อนเขาด้วยหน้าแดงก่ำ
“เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ ไปกันเถอะ”
“เอ่อ แล้วห้อง…”
"ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ไม่ได้ค้างที่นี่ เปิดเอาไว้แค่นอนเพื่อปรับเวลาเฉย ๆ วันนี้พี่จะกลับคอนโดตัวเองแล้ว"
“แบบนี้นี่เอง กัปตันก็มีช่วงเวลามึนงงกับช่วงเวลาที่ต่างกันสินะคะ”
“เขาเรียกเจ็ทแลค แต่พี่ไม่ค่อยเป็นหรอกชินแล้ว”
วิชญะพาเธอเดินออกมาจากโรงแรมหรู เมื่อมาถึงลานจอดรถเธอพบว่าเขาทิ้งรถหรูเอาไว้ที่นี่ ซึ่งก็ดูสมฐานะกัปตันรายได้เฉียดครึ่งล้านอย่างเขา เมื่อเดินมาถึงและเขาเป็นคนเปิดประตูให้เธอด้วยตัวเองซึ่งก่อนหน้านี้ภาคภูมิไม่เคยทำให้เธอแม้แต่ครั้งเดียว
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาปิดประตูและรีบเดินไปที่นั่งคนขับ ไม่นานรถยุโรปสุดหรูของเวย์ก็ถูกขับออกมา แต่ช่วงเวลานี้รถค่อนข้างติดเขาจึงได้เริ่มชวนเธอคุย
“ฟางเป็นนักเขียนเหรอ”
“ค่ะ”
“ชอบแนวนี้สินะ ก็ดีนะอิสระดีไม่ต้องมีเจ้านาย ควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง เก่งมาก”
“จริงเหรอคะ พี่เวย์เป็นคนแรกเลยนะคะที่พูดกับฟางแบบนี้ คนรอบข้าง เพื่อน ๆ และครอบครัวไม่ค่อยสนับสนุนฟางเท่าไหร่หรอกค่ะเพราะคิดว่ามันทำเงินไม่ได้”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นนักเขียนชื่อดังอย่างเจ เค โรลลิ่งทำไมถึงได้โด่งดังจนหนังสือถูกนำไปทำภาพยนตร์ล่ะ”
“นั่นสิคะแต่ก็นั่นแหละค่ะ น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ”
“แค่ชอบก็ดีแล้วนี่ ว่าแต่เรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้ฟางลองคิดดูนะ ก่อนกลับบ้านพี่ต้องการคำตอบ”
“เรื่อง…ที่คุยกันเหรอคะ”
เวย์หันมามองเธอและยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เอียงเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้ง
“ใช่ เรื่องที่คุยกันก่อนจะถูกพี่กินจนหมดแรงอยู่บนเตียงไงล่ะ”
“พี่เวย์!”
“อยู่นี่ ๆ เสียงดังทำไมล่ะ”
“พูดอะไรคะเนี่ย”
“ทำเป็นอายไปได้”
รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปจนถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เวย์พาเธอเดินซื้อของทั้งเสื้อผ้าของเขาและยังพาเธอบังคับให้เลือกซื้ออีกหลายชุด ฟางทั้งเพลียและเหนื่อยเพราะเขาสั่งให้เธอเปลี่ยนชุดและลองอยู่นาน
“พี่เวย์ฟางเหนื่อยแล้วก็หิวด้วย ไม่ลองแล้วได้ไหมคะ"
“ก็ได้ ผมเอาทั้งหมดนั่นแล้วก็… ช่วยส่งไปที่นี่นะครับ”
“ค่ะคุณผู้ชาย”
พนักงานขายมองหน้าทั้งคู่และหันมายิ้มให้ฟางด้วยความอิจฉาสุด ๆ เมื่อฟางนั่งลงที่โซฟาระหว่างรอเวย์เดินไปจ่ายเงินด้วยการ์ดดำสุดหรู ไม่นานเขาก็เดินมาหาเธอพร้อมกับถุงอีกสองสามถุงและพาไปที่ร้านอาหารชั้นบนที่เขามักจะมาทานเป็นประจำ
“นึกว่าเป็นกัปตันจะสบายเสียอีก ฟัง ๆ ดูแล้วก็ลำบากไม่น้อยเลยนะคะ เวลาพักผ่อนกับวันทำงานก็ไม่แน่นอน มิน่าล่ะตอนนั้น… เอ่อ”
“หึ ทำไมเหรอ หรือว่าเมื่อก่อนหยีคงไประบายอะไรเกี่ยวกับพี่ให้ฟังเยอะสินะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพื่อน ๆ ก็พากันปลอบว่าเพราะพี่เวย์พึ่งจะเริ่มทำงาน อีกอย่างงานแบบนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนคนทั่วไปก็เลยอาจจะไม่ค่อยว่าง”
“แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นใช่ไหม ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าพวกผู้หญิงเวลามีปัญหากับแฟนจะคุยกันมากขนาดนี้”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ หยีก็แค่เหงา”
“หึ แค่เหงาเหรอ ไม่ใช่ว่าอยากหาเรื่องอยู่แล้วเหรอ”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าหรอกไม่มีอะไร ตอนนี้ตารางการใช้ชีวิตของพี่ค่อนข้างปกติแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกฟางวางใจได้”
“คะ?”
“ทำไมทำหน้างงแบบนั้นอีกแล้วล่ะ หรือว่าคิดจะปฏิเสธพี่เหรอ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนี้เป็นฝ่ายขอเองเลยนะ หรือว่าเรื่องนี้ก็จำไม่ได้”
“จำ ไม่เห็นได้เลยว่าพูด”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นพี่จะทบทวนให้เอาไหม ทบทวนตั้งแต่แรกเลยจะได้จำได้”