บทย่อ
เธอโดนแฟนบอกเลิกในวันเกิด ซวยกว่านั้นคือคนที่เธอเคยชอบกลับเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น "มาทำให้ไอ้คนกระจอกคนนั้นคลั่งตายไปเลยดีไหม" แต่ใครจะรู้ว่ากัปตันเวย์จะกินดุ! ขนาดนี้ล่ะ “สุขสันต์วันเกิดนะครับฟาง…”
ตอนที่ 1 ขอให้รักกันนาน ๆ
เขา…คือคนที่เป็นรักครั้งแรก เธอแอบรักเขาอยู่เงียบ ๆ แต่ว่าไม่นาน….
เขา… ก็กลายเป็นแฟนของเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยเดียวกัน….
สามปีต่อมา / ร้านอาหารชื่อดัง
“อะไรนะคะ พี่ภูมิบอกว่า… อยากจะเลิกกับฟางงั้นเหรอคะ แต่ทำไมปีกว่าที่คบกับฟางมาไม่เคยพูดอะไรเลย”
“ฟางลองนึกย้อนกลับไปดูสิว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ทำตัวยังไงบ้าง มีเวลาให้พี่มากแค่ไหนและระหว่างเรามันเป็นยังไง”
“แต่ว่าฟาง…ก็ทำเพื่อ...”
“พอเถอะฟาง หนึ่งปีเจอกันไม่ถึงหกครั้งนี่มันน้อยกว่าพวกเรียนกันคนละประเทศเสียอีก พี่เป็นนักธุรกิจแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเวลา แต่เธอเป็นแค่นักเขียนนิยายทำงานไม่เป็นเวลาแต่ก็ไม่ได้ดูยุ่งมากขนาดนั้น อีกอย่างพี่ก็ไม่ชอบที่ฟางทำตัวเหมือนกับพวกตายด้าน ไม่มีเสน่ห์ไม่มีความรู้สึกแบบนี้”
“พี่ภูมิ! อย่ามาดูถูกกันนะ ถึงฟางจะเป็นแค่นักเขียนนิยายโนเนมแต่ฟางก็…”
“พี่อยากได้แฟน อยากได้เมียและอยากได้คนที่ นอนด้วยกันมีเซ็กส์กันได้ ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่แบบนี้เธอเข้าใจไหม”
“ซ่าส์….”
เครื่องดื่มในแก้วของ “ชนิตรา” สาดเข้าไปที่ใบหน้าของแฟนหนุ่มอย่างแรง ไม่สิ ตอนนี้เขามาบอกเลิกเธอแล้วเขาก็เป็นแค่ “แฟนเก่า” เท่านั้น
“ภาคภูมิ” เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวอายุยี่สิบสี่ตาสีน้ำตาลเข้มที่มีเสน่ห์แต่ตอนนี้เขาโกรธจนไม่เห็นความน่ารักของเธออีกแล้ว
“ฟางเราจบกันแค่นี้เถอะ คนที่แม้แต่แขนยังไม่ได้จับไม่เหมาะจะเป็นแฟนพี่หรอก”
“ที่แท้พี่ภูมิก็คิดแบบนี้มาตลอดสินะคะ คบกันเพื่อทำเรื่องแบบนี้”
“ฟาง! ตื่นได้แล้วมีใครที่ไหนคบกันแล้วเขาไม่นอนด้วยกันล่ะ”
“เพี๊ยะ!!”
“ไอ้บ้า!! ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกกันจะไปตายที่ไหนก็ไป”
“ภูมิคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกจอย ไปกันเถอะผมหมดธุระที่นี่แล้ว”
ฟางหันไปมองเลขาสาวที่ทำงานกับภาคภูมิมาสองปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็เข้าใจได้ทันที
“พี่จอย หึ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
“ไม่ใช่นะฟางนั่นเป็นเพราะ...”
“พอเถอะค่ะ ฟางเข้าใจแล้วว่าวันนี้ไม่ใช่อย่างที่คิด ลาก่อนค่ะ ขอให้คุณทั้งสองคนรักกันนาน ๆ นะคะ”
ฟางลุกและหยิบกระเป๋ารีบเดินออกไป เธอสะดุดตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นมาตลอดแต่เธอไม่ทันได้สังเกต เมื่อเดินออกไปจึงเห็นว่าเขาเองก็หันมามองเธออยู่เช่นกัน หัวใจของฟางหล่นวูบ ทำไมต้องมาเจอเขาในวันและเวลาที่น่าอับอายแบบนี้
“พี่เวย์”
ฟางแทบจะอยากหายตัวได้ในตอนนี้เลย เธอรีบก้มหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากร้านอาหารชื่อดังย่านกลางเมืองเพื่อมาสูดอากาศข้างนอก หัวใจของเธอยังเต้นแรงไม่หยุดแต่ไม่ใช่เพราะความเสียใจเรื่องของภาคภูมิและจอย
แต่เพราะใครบางคนที่เธอหลงลืมไปนานแล้ว บางคนที่เธอมีสิทธิ์เพียงแค่มองเขาแต่ไม่เคยแม้แต่จะกล้าคุยเพราะในตอนนั้นเขาคือ “แฟน” ของเพื่อนสนิทที่พักในห้องเดียวกันที่หอพักในมหาวิทยาลัย
“ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้…อ๋อ ฮ่า ๆ ฉันนี่โง่จัง นี่มันโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ สนามบินสินะ”
เมื่อเดินออกมาด้านนอกเพื่อจะเรียกรถกลับไปยังที่พัก เธอกลับหารถกลับได้ยากกว่าปกติ อีกอย่างช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้รถโดยสารประจำทางก็เริ่มแน่นจนเธอนึกท้อ ฟางเลือกที่จะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถว ๆ นั้นเพื่อฆ่าเวลา
“อุตส่าห์จองตั๋วหนังที่อยากดู จองบุฟเฟต์โรงแรมหรูเพื่อมาฉลองวันเกิดของฉันแท้ ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันที่นัดมาบอกเลิก เขาจำวันเกิดของฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ฟางกำตั๋วบุฟเฟต์โรงแรมหรูเอาไว้แน่น วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ ซึ่งกว่าฟางจะเคลียร์งานทุกอย่างเพื่อวันนี้ก็ใช้เวลาอยู่นาน เพราะต้นฉบับที่ต้องเร่งส่งสำนักพิมพ์ทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอน
“วันเกิดที่ถูกบอกเลิก ยอดเยี่ยมมากช่างเป็นวันที่น่าจดจำที่สุดยอดไปเลย!”
ฟางตะโกนไปยังสระน้ำตรงหน้าที่ไม่มีคนอยู่ มีแค่นกและปลาเท่านั้นที่จะได้ยินเธอ แม้ว่าจะอยากร้องไห้แต่เธอกลับร้องไม่ออกเลยสักนิด หรือว่าเธอตายด้านไปแล้วอย่างที่เขาว่าจริง ๆ
“ไอ้คนสารเลว มักมากไอ้โรคจิต! ไอ้โง่!!”
“ด่าได้ดีนี่”
ฟางตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินที่เธอตะโกนออกไป เมื่อหันมาก็แทบจะหมดแรงเพราะผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสแลคยืนล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังกำลังยืนยิ้มให้กับท่าทางตลกของเธอ
“เอ่อ… ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไม… ผมว่าเราน่าจะรู้จักกันนะ คุณชื่อ…”
เหมือนว่าเขาจะจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของเธอด้วยซ้ำไป ก็แน่ละสิเพราะว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขาคบกับเพื่อนของเธอ ในสายตาของ “วิชญะ” ที่เรียนวิศวะการบินสนใจแค่ “ยาหยี” เพื่อนสาวคณะมนุษยศาสตร์ของเธอเท่านั้น
“รุ่นพี่วิชญะ”
“โอ้โหเรียกเสียห่างเหินเชียว ผมจำคุณได้คุณน่าจะชื่อ… หวานใช่ไหม”
“ฟางค่ะ”
“อ้อ ใช่แล้วคุณชื่อฟางแต่ผมชอบจำว่าคุณว่าชื่อหวานเพราะหน้าตาคุณนี่เอง”
“คะ? หมายความว่ายังไงคะ”
“คุณไม่รู้เหรอว่าตอนสมัยเรียนเพื่อนผมพากันเรียกคุณว่าน้องหวาน เพราะหน้าตาคุณหวานยังไงล่ะ”
ฟางทำหน้าเหวอใส่เขาและกะพริบตาปริบ ๆ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกเขาสนใจเธอด้วย เพราะในตอนนั้นคนที่ฮอตที่สุดในกลุ่มของพวกเธอก็คือยาหยี อดีตแฟนสาวของวิชญะที่ตอนนี้เธอเป็นดาราสาวอยู่สังกัดทีวีช่องใหญ่นั่นเอง
“ขอโทษค่ะฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะว่าถูกพวกพี่ ๆ เรียกแบบนั้น”
วิชญะเดินมาใกล้ ๆ และหันไปมองตั๋วที่ถูกกำแน่นในมือเธอจนเกือบขาด
“ถืออะไรไว้ในมือน่ะ มันจะขาดหมดแล้ว”
“คือว่า…เอ่อ นี่มันก็แค่”
“เมื่อกี้นี้ ทำได้ดีมากเลย น่าประทับใจมากจริง ๆ”
“อะไรนะคะ! นี่รุ่นพี่…”
“เรียกว่าพี่เวย์เถอะ เรียกว่ารุ่นพี่ดูเหมือนห่างเหินเชียวนะน้องฟาง”
“ค่ะ พี่เวย์”
เขายิ้มให้เธออีกครั้ง ฟางอดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรงทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอนัดกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟนหนุ่มและคิดว่าจะไปดูหนังและทานข้าวด้วยกัน แต่เขากลับหักหลังเธอโดยการมาบอกเลิก ไม่คิดว่าการพบกับเวย์จะทำให้ฟางรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปในรั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“คนที่ทรยศกับความไว้ใจในความรัก ไม่สมควรจะมีที่ยืน ฟางทำถูกแล้ว ที่ทำไปนั่นน้อยไปด้วยซ้ำ”
แค่เขาเอ่ยปากชมเธอก็รู้สึกดีเหมือนกับได้ปลดปล่อย เธอที่อุตส่าห์ทำงานเก็บเงินเพื่อจะมาฉลองวันเกิดกับคนไม่รักดีคนนั้นในตอนนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเพียงเพราะคำพูดเดียวของเวย์
“วันนี้เป็นวันเกิดฟางเหรอ”
“ค่ะแต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว ตั๋วนี่ก็… ทิ้ง ๆ ไปดีกว่า”
“เดี๋ยวสิ ทำไมต้องทิ้งล่ะนี่มันตั๋วบุฟเฟต์ราคาแพงที่นาน ๆ จะจองได้เลยไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ แต่มันจะสำคัญอะไรไปคนเดียวก็ไม่สนุก”
“งั้นเหรอ แล้วถ้าไปกับพี่ล่ะ”
“อะไรนะคะ?!”
เวย์หันมายิ้มให้เธออีกครั้ง หน้าของเขาในตอนนี้แม้จะดูอายุมากกว่าที่เธอจำได้แต่ความหล่อไม่ได้ลดลงเลยแต่มันจะดีเหรอที่เธอจะไปกับเขาที่เคยเป็น “แฟนเก่า”ของเพื่อน
“แต่ว่า พี่เวย์ไม่กลัวแฟนจะว่าเหรอคะ”
“ล้อเล่นหรือเปล่าพี่ไม่มีแฟนหรอก โสดมาได้น่าจะเกือบสามปีแล้วมั้ง”
“พูดเป็นเล่น จริงเหรอคะอย่างพี่เวย์น่ะเหรอคะจะโสดนานขนาดนั้น”
“ใช่ก็… แต่ช่างเถอะเอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากนี้ดีกว่า ตกลงว่าให้พี่ไปด้วยดีไหมตั๋วนั่นไม่ใช้ก็น่าเสียดายออก”
“อืม… ถ้าพี่ไม่รังเกียจ…”
เวย์เดินมาและจับมือเธอเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ ดึงเข้ามา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เธอได้จากตัวเขาทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ที่พร้อมจะหวั่นไหวอยู่แล้วเริ่มสั่นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นเราไปสร้างความทรงจำใหม่กันเถอะ ทำให้ไอ้คนกระจอกที่ตาไม่ถึงคนนั้นคลั่งตายไปเลยดีไหม”