สายฝนที่พร่างพรูในฤดูหนาว
ห้าทุ่มสี่สิบห้าคืนวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2024 ฮ่องกง
ติ๊ง!!!
เสียงลิฟต์เปิดออกในขณะที่เฉินไป่อี้วิ่งตามหลี่หลิงหลงไปยังทางหนีไฟเขาเห็นผมดำๆ ของเธอผ่านแต่ละชั้นไปอย่างรวดเร็ว จึงตัดสินใจวิ่งกลับไปยังลิฟต์ในขณะที่ผู้อยู่อาศัยสมาชิกคอนโดกำลังทยอยออกเขาก็ตะโกนบอกในทันที
“ช่วยกดเปิดค้างไว้ให้ผมทีครับพอดีผมบาดเจ็บจะรีบไปหาหมอ”
เฉินไป่อี้โกหกคำโตแต่ก็มีคนเชื่อทั้งเห็นใจและกดให้เขา ชายหนุ่มวิ่งเข้าลิฟต์ด้วยท่าทีหอบเหนื่อยกล่าวขอบคุณและรีบกดปิดโดยเร็วไม่ให้ใครเข้ามา
“เร็วๆ สิวะ”
เขาสูดอากาศเข้าปอดลึกมองเงาสะท้อนตัวเองบนแผ่นโลหะของผนังลิฟต์ก็รู้สึกตกใจเมื่อเลือดไหลอาบหน้าและเกือบเข้าตาจนต้องรีบปาดออก ริมฝีปากก็แตกจากลูกถีบของคนที่หมายจะรวบหัวรวบหางเอาเป็นเมีย
ติ๊ง!!
ลิฟต์ถึงจุดหมายคือชั้นหนึ่งเขาเห็นคนยืนออรอขึ้นลิฟต์อยู่ด้านหน้าทุกคนที่เห็นเขาต่างมีท่าทีงุนงงแล้วหลี่หลิงหลงก็วิ่งผ่านหน้าร่างที่เปรอะไปด้วยเลือดจนแทบมองไม่ทัน
“อะ หลิงหลง หลิงหลง”
เฉินไป่อี้วิ่งแหวกกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่หน้าลิฟต์เพื่อตามหญิงสาวไป มิหนำซ้ำเขาเห็นเธอกำลังยกโทรศัพท์แนบหู เฉินไป่อี้รีบเร่งตามเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งตะโกนเรียกเธอไม่หยุดปาก
“รับสิพ่อคะ รับสายสิ ช่วยหนูด้วย”
เสียงสั่นเครือของหญิงสาวแต่ก็ยังไม่สิ้นหวังพยายามกดต่อสายผู้เป็นพ่ออยู่หลายครั้งนับตั้งแต่ตอนวิ่งลงทางหนีไฟแต่พ่อเธอก็ไม่รับสักที หลี่หลิงหลงรู้ดีว่าพ่อมาช่วยไม่ทันแน่เพราะระยะทางนั้นห่างไกลกันหลายกิโลแต่หญิงสาวเพียงต้องการแจ้งข่าวว่าตนถูกมุ่งร้ายจากใคร ถ้าเกิดว่าคืนนี้เธอไม่รอดและอาจต้องจบชีวิตลงคนที่กำลังตามเธอคือผู้ร้าย
หลี่หลิงหลงวิ่งตรงไปยังฝั่งตรงข้ามที่รถเธอจอดอยู่อย่างไม่ลดละเพราะอีกฝ่ายก็ตามเธอมาไม่ไกลเหมือนกัน เขาคงไม่หยุดแน่หากไม่ได้ทำร้ายเธอในคืนนี้
“พ่อคะรับสักทีสิ”
“ฮัลโหล หลิงหลงว่าไงลูก พ่อหลับไปสักพักแล้วโทษทีที่ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ลูกน่ะ” ปลายสายบอกเหตุผลยังต้นสายถึงสาเหตุที่ตนรับช้า
“พ่อคะ” หญิงสาวดีใจดั่งได้ยินเสียงสวรรค์แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเธอก็หันไปมองบางอย่างซะก่อน
“อ๊าาาาาาา!!!!”
ดวงไฟคู่ใหญ่สาดแสงสว่างจ้าเข้าในตาเธอเมื่อมัจจุราชวิ่งฝ่าความมืดมาพร้อมกับมันอย่างรวดเร็วขณะที่หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาและมันปลิวไปติดที่โหนกแก้มของเธอ
เอี๊ยด!!!!! โครม!!!
“หลิงหลง หลิงหลงลูกพ่อเกิดอะไรขึ้นหลิงหลงฮัลโหลๆ ลูก”
หลี่หลิงหลงได้ยินเสียงพ่อเรียกชื่อตนอยู่หลายครั้งในขณะที่ตัวเธอกำลังลอยลิ่วอยู่กลางอากาศแต่ในมือก็ยังกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นดั่งนิ้วล็อก
พลั๊ก!! อั๊ก คลั๊ก แคกๆ แฮกๆ
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันชาไปหมด แต่หญิงสาวก็ขยับตัวไม่ได้หลังจากที่ร่างของเธอร่วงลงกระแทกพื้นคอนกรีตแข็งอย่างแรงทั้งยังกลิ้งหลุนๆ ไปอีกหลายตลบ
“หลิงหลง หลิงหลง ลูกพ่อเกิดอะไรขึ้น” ฝั่งผู้เป็นพ่อร้องเรียกลูกสาวหน้าตาตื่นจนภรรยาที่หลับอยู่ลุกขึ้นมาถามในขณะที่เขาดีดตัวออกจากเตียงนอน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”
“ผมไม่รู้แต่แบบนี้ไม่ดีแน่” เขาหันไปตอบซือเหนียงแล้วเรียกลูกไม่หยุดปากเดินวกไปวนมาจนภรรยาพลอยกระสับกระส่ายไปด้วยร่างอวบนั่งบิดมือตัวเองเมื่อความเครียดเริ่มก่อตัว
“หลิงหลงได้ยินพ่อหรือเปล่า ลูกพ่อตอบพ่อสิ”
หลี่หลิงหลงได้ยินเสียงพ่อของตนตะโกนเรียกอยู่ในสาย หญิงสาวทำได้เพียงเอียงคอกลอกตามองมันเล็กน้อย โทรศัพท์ในมือมีรอยร้าวแต่ก็ยังใช้ได้อยู่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อาจยกมาแนบหูหรือเอามันไว้ใกล้ปากได้
“พ่อคะ”
เสียงเรียกที่แสนแผ่วเบาฟังดูไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวนั้นมันส่งไปไม่ถึงผู้เป็นบิดา เธอกลอกสายตาไปโดยรอบก็เห็นเฉินไป่อี้ยืนมองอยู่ไกลๆ เขาทำทีท่าเหมือนจะก้าวเข้ามาหาเธอแต่ก็ต้องถอยและดูลังเล
“ยะ อย่า เข้ามานะ เฮือก”
หลี่หลิงหลงพูดอย่างติดขัดทั้งหายใจลำบาก อาการของเธอนั้นสาหัสสากรรจ์แต่หญิงสาวกลับยอมตายเสียดีกว่าจะให้คนแบบนั้นเข้ามาแตะเนื้อต้องตัวตนเองได้อีก
เสียงเปิดปิดประตูรถยนต์ของใครสักคนที่ชนเธอ เสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงเข้ามาหา เสียงคนรอบข้างเริ่มออกจากบ้านมาดู เสียงพ่อและเพิ่มเข้ามาคือแม่ที่ร่ำไห้แทรกเข้ามาผ่านปลายสายและโสตประสาทที่กำลังพร่าเลือน หญิงสาวมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้ดาวและสายฝนกำลังโปรยปรายดูบรรยากาศช่างมืดมน
“คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายคนนั้นตะโกนถามมาแต่ไกลวิ่งหอบหายใจปล่อยไออุ่นของชีวิตพวยพุ่งฝ่าลมหนาวออกมา
“ฝนตกเหรอ อะ อะไรกัน ท้องฟ้า ร้องไห้ ให้ฉันเหรอ เพราะสงสารฉันเหรอ เมื่อกี้ หิมะ ยังตกอยู่ ล่ะ เลยนะ จริงสิฮ่องกง ไม่เคยมีหิมะตก นี่นา เป็นไปได้ยังไง” เธอเค้นเสียงพูดพึมพำอย่างยากลำบากฟังดูกระท่อนกระแท่น
“คุณครับ ทำใจดีๆ ไว้ คุณครับ” หลี่หลิงหลงกลอกตามองเขาอย่างเลื่อนลอย รูปร่างหน้าตาผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าช่างเลือนราง
“มะ ไม่เป็นไร แคกๆ” เธอไอเอาของเหลวสีแดงออก
“ทำใจดีๆ ไว้ครับรถพยาบาลกำลังมา ชายหนุ่มที่ขับรถชนเธอไม่กล้าแตะร่างกายหลี่หลิงหลงเพราะเขาไม่ใช่แพทย์สนามเกรงว่าหากกระดูกเธอแตกหักหลายจุดจะกลายเป็นว่าไปซ้ำให้เกิดความเสียหายในร่างกายเพิ่มขึ้นอีก
“มะ ไม่เป็นไร วันนี้ ฉัน เจอเรื่องหนัก มามากพอแล้ว แค่นี้เอง ขี้ปะติ๋ว แฮกๆๆ”
หลี่หลิงหลงยังคงพึมพำอย่างกระท่อนกระแท่นทั้งแสยะยิ้มด้วยหัวใจที่ปวดร้าวดวงตาคู่สวยเหม่อมองขึ้นบนท้องฟ้า เธอรู้สึกเดียวดายเมื่อความเยือกเย็นแล่นเข้าจับจิต น้ำตาเริ่มไหลเอ่อ ละอองฝนเม็ดเล็กๆ ร่วงหล่นลงบนร่างกายของเธอเสื้อผ้าเริ่มเปียกชุ่ม
‘ฉันไม่อยากตายแบบนี้ ฉันยังไม่อยากตาย’ เสียงสะท้อนดังก้องในห้วงสำนึก
‘อยากแก้แค้นคนที่นอกใจฉัน คนที่หักหลังฉัน ทำไมกันการหวงแหนพรหมจรรย์มันผิดเหรอพระเจ้าถึงได้ลงโทษกันแบบนี้’
อึก แคกๆ
เธอไอสำลักเอาของเหลวสีแดงข้นออกมาอีกครั้ง ทั้งได้กลิ่นคาวเลือดของตนลอยคละคลุ้ง
“คุณครับทำใจดีๆ ไว้”
เสียงจอแจถามกันว่าทำไมรถพยาบาลยังมาไม่ถึงสักที
“จะเที่ยงคืนแล้วนะ”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่หญิงสาวได้ยินและเหมือนหูของเธอจะดับไปแล้ว ดวงตาที่มองเม็ดฝนโปรยกำลังดับลง แว่วยินเสียงคนรอบข้างถามกันอีกครั้งพอให้เธอได้รู้เวลา
‘เที่ยงคืนแล้วสินะ’