บท
ตั้งค่า

ตื่นมาท่ามกลางสาวงามกับร่างกายเปลือยเปล่า

ยามโฉ่ว แคว้นฝูเจี้ยน เมืองฝูโจว 273 ปี ก่อนคริสตกาล

ครืน!!! เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ฝูโจว องครักษ์มือขวาและคนสนิทของอ๋องซีฮันถึงกับสะดุ้งตื่นจากหลับฝัน

“โอย ข้าฝันไปหรอกเหรอฟ้าจะมาร้องทำไมกันตอนนี้ นี่มันฤดูหนาวนะ ว่าแต่เมื่อครู่ข้าฝันประหลาดจริงๆ สตรีผู้นั้นแต่งตัวไม่คุ้นตา โดนอะไรสักอย่างสีดำพุ่งปะทะจนร่างกระเด็นเลือดไหลนองพื้นดำดูแข็งทื่อมีเส้นสีขาวขีดกลางใต้ลำตัวช่างน่าเห็นใจ” ฝูโจวพึมพำอยู่คนเดียวพลางลุกออกจากเตียงไปเปิดประตูดูด้านนอก

“เอ๊ะ!! นี่มัน นี่ฝนตกจริงๆ เหรอ” ฝูโจวนึกสงสัยพลางปิดประตูเข้าแล้วเดินกลับไปนอน

“ในฝันก็ฝนตกแปลกจริงจะเกิดเหตุร้ายขึ้นหรือเปล่านะ”

เวลานั้น ณ จวนอ๋องซีฮัน....

“อืม ซี๊ด อา”

‘เสียงอะไรกัน ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้นะ’

“อืม อา”

‘นี่ฉันตายไปแล้วเหรอหรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน ทำไมเสียงที่ได้ยินอยู่เวลานี้มันเหมือนตอนฉันเห็นสองคนนั้นกำลังร่วมรักกันจังเลยล่ะทั้งยังรู้สึก

อะ อา ซี๊ด ระ หรือว่าฉันกำลังโดน เฉินไป่อี้ล่วงเกินร่างกายฉันอยู่ ไม่นะ อา ทำไมฉันมีอารมณ์ร่วมล่ะ ฉัน ฉันควรขัดขืนสิ ไม่อย่าเป็นแบบนี้ ไม่เอาแบบนี้ อา’ หลี่หลิงหลงได้แต่นึกทว่าไม่อาจฝืนร่างกายที่รู้สึกเสียวซ่านทั้งหนักอึ้งไปหมด

“ลืมตาสิหลิงหลงอย่างน้อยลืมตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังดี” หญิงสาวพร่ำบอกกับตัวเอง

“บ่นอะไรหรือเจ้าคะท่านอ๋อง อ๊า ใครคือหลิงหลงหรือเจ้าคะ สตรีผู้นั้นที่ท่านอ๋องกำลังพร่ำเพ้อหาเป็นสาวงามจากแห่งหนใด อะ อา ตอนนี้ท่านมีพวกเราอยู่แล้วนะเจ้าคะ อา อืม”

“เสียงผู้หญิงเหรอท่านอ๋องเหรอใครกันคือท่านอ๋อง อา ทำไมฉันหน่วงช่วงล่างจัง ตะตา ตา ทำไมฉันลืมตาไม่ขึ้น อา”

“แหมจะเป็นใครซะอีกล่ะ ก็ท่านเองนั่นไงเจ้าคะ ที่เป็นท่านอ๋องซีฮัน ผู้ปกครองเมืองฝูโจวมีอำนาจเหลือล้นแห่งแคว้นฝูเจี้ยน”

เสียงของหญิงสาวกล่าวกระซิบข้างใบหูของหลี่หลิงหลง พลางลูบไล้และซุกไซ้ใบหน้าอยู่ซอกคอของเธอ

“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านอ๋อง คืนนี้ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะเห็นแน่นิ่งอยู่พักใหญ่แล้วปล่อยให้พวกเราสนุกกันเอง มือท่านไม่ซุกซนเหมือนเมื่อคืนก่อนๆ เลยนะเจ้าคะ”

หลี่หลิงหลงยังคงได้ยินเสียงหญิงสาวอีกคนพูดกรอกหูอยู่อีกด้านและเสียงไม่ใช่คนเดิมทั้งยังหายใจรดข้างหูแล้วก็มีเสียงอีกคนพูดขึ้น

“นั่นสิเจ้าคะ คืนนี้ท่านไม่โต้ตอบเลยปล่อยให้ชิงชิวขย่มเองตั้งนานเลยนะเจ้าคะ อา อา”

“ชะ ชิงชิวงั้นเหรอ พะ พวกเธอทำอะไรกับฉัน”

หลี่หลิงหลงยังคงหลับหูหลับตาพูดพึมพำ เธอยังคงรู้สึกว่าตนเองควบคุมร่างกายหนักๆ นี้ไม่ได้แม้เปลือกตาเองก็ยังหนักอึ้งดั่งหินผาและคิดว่ามันอาจเป็นเพราะอุบัติเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้

“ก็กำลังเสพสุขอยู่ยังไงล่ะเจ้าคะท่านอ๋อง พวกเราปรนเปรอท่านเหมือนที่ท่านชอบยังไงล่ะเจ้าคะ คืนนี้ท่านอ๋องทรงประชวรหรือเจ้าคะ ดูท่านพูดจาชอบกล”

“นั่นสิเจ้าคะ”

“นั่นสิมาสนุกกับพวกเราก่อนสิเจ้าคะ” เสียงสวนเสของผู้หญิงเหล่านั้นพูดแปลกๆ กับเธอ

“พะ พวกเราเหรอพวกเธอมีกี่คนกันแน่ อะ อ๊า ฉันเป็นอะไร อ้าร่างกายฉันเป็นอะไร ฮือๆๆ คุณพ่อคะ คุณพ่ออยู่ไหนช่วยหลิงหลงด้วย”

ยิ่งเธอครวญครางมากเท่าไหร่ ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าชิงชิวยิ่งส่ายร่อนหนักจนตัวบิดเกร็ง

“พะ พอแล้ว อา”

“แหมบอกว่าพอแต่ยังปึ๋งปังตั้งโด่อยู่เลยนะเจ้าคะ ขอหม่อมฉันเหม่ยอิงได้ทำก่อนนะเจ้าคะ” ว่าแล้วเธอก็ดันร่างตัวเองลงไป

“อา สมแล้วที่เป็นท่านอ๋องซีฮันแข็งแกร่งยิ่งนัก อา”

ชั่วขณะหนึ่งหลี่หลิงหลงเริ่มกะพริบตาได้ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยสายตาที่พร่าเลือนนั้นและมันก็ชัดเจนตามลำดับ

“อ๊ะ อา ทะ ทำอะไรกัน” สิ่งที่หลี่หลิงหลงไม่อยากเชื่อสายตาคือ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งขย่มอยู่ช่วงล่างของเธอและระหว่างคนที่เรียกตนว่าเหม่ยอิงขยับขึ้นลงอยู่นั้น หญิงสาวเห็นว่ามีแท่งเนื้อตั้งอยู่ตรงกลางใต้ท้องน้อยนั่น หลี่หลิงหลงถึงกับตาค้างแทบสลบไปอีกรอบสมองของเธอยังควบคุมร่างกายไม่ได้รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด

“อ๊ะ อ๊า”

เหม่ยอิงเริ่มกรีดร้องและบิดตัวเกร็ง หลี่หลิงหลงผงกหัวขึ้นมองเห็นเธอกำลังมีอาการเหมือนคนชักกระตุกแล้วล้มลง หลี่หลิงหลงถึงกับตาค้างอ้าปากหวอเมื่อเห็นสิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างท่อนขามันดีดเด้งขึ้น

“อะ อะไรกัน ฉันฝันไปเหรอ”

“ซู่เหว่ยขอเป็นคนต่อไปนะเจ้าคะท่านอ๋อง” หลี่หลิงหลงมัวแต่อ้าปากค้างยังไม่ทันได้ตอบ ผู้หญิงคนนั้นก็ขึ้นคร่อมร่างที่เธอเข้าใจว่าเป็นของเธอทั้งยังรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

แม้ว่าสมองเธอจะปั่นป่วนรู้สึกท้องไส้มวนเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่เป็นฝูงเพียงใด แต่เจ้านั่นที่อยู่ระหว่างขาเธอยังตั้งโด่สู้ผู้หญิงพวกนั้น ตอนนี้คอของเธอเริ่มขยับได้แล้วและไม่นานนักซู่เหว่ยก็กรีดร้องหลังจากขย่มกระแทกรัวอยู่สักพักจนมีของเหลวขาวขุ่นพุ่งออกมา

“เฮ้อ” หลี่หลิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่นึกโล่งใจขึ้นมาเพราะเห็นมันอ่อนตัวลงแต่ทว่า

“อะ ไม่นะ” เธอผงกหัวดูเมื่อรู้สึกว่าตนถูกสัมผัสก็ได้เห็นอีกคนกำลังใช้มือปลุกขึ้นมาอีก

“จางอวี่ ขอก่อนนะเจ้าคะ รบกวนท่านอ๋องน้อยตื่นขึ้นมาก่อน คิกๆ” ว่าแล้วเธอก็ใช้มือปลุกสิ่งที่เรียกว่าอ๋องน้อยนั้นให้ตั้งตรงขึ้นมา

“บ้าจริง” หลี่หลิงหลงสบถแต่กลับฝืนความต้องการของร่างกายเอาไว้ไม่ได้

“อา” มิหนำซ้ำเธอยังเผยอปากครางเครือเหมือนว่ากำลังมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แม้ตอนนี้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า แต่เธอรู้เพียงว่าความเครียดของเธอกำลังถูกปลดปล่อย

“อา” หลี่หลิงหลงรู้สึกดีเมื่อหญิงที่เรียกตนเองว่าจางอวี่ขึ้นคร่อมแล้วกดร่างเธอลงไปจนมองไม่เห็นท่อนเนื้อนั่น

“อ๊า ท่านอ๋อง ช่างแข็งแกร่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นท่านอ๋อง อ๊ะๆๆ”

จางอวี่ส่ายเอวร่อนอยู่เนิ่นนาน หลี่หลิงหลงเริ่มรู้สึกว่าเลือดในร่างกายที่กำลังโดนจางอวี่ควบขี่อยู่นี้ร้อนวูบวาบไปทั่วเหมือนอาการคนเหน็บชากินและมันเริ่มขยับได้ เธอยันกายขึ้นหมายจะผลักจางอวี่ลงแต่กลายเป็นว่าไปสวมกอดเธอแน่นแล้วเด้งใส่แทน

“บ้าจริง ฉันควบคุมไม่ได้เต็มร้อยเหรอ”

“ควบคุมอะไรเหรอเจ้าคะท่านอ๋อง อ่ะ ฮ๊ะอ๊าอ๊า”

เธอกรีดร้องสุดเสียงเมื่อโดนเบียดอัดอย่างหนักหน่วงแต่ร่างกายของหลี่หลิงหลงกลับไม่ยอมหยุด กดจางอวี่ลงแล้วรัวใส่จนเลือดเธอออกถึงกับร้องไห้ขอชีวิต

“กรี๊ด ท่านอ๋อง อ่ะ อ๊า!!” จางอวี่กรีดร้องจนสลบเหมือดคามือหนาและอ้อมแขนอันกำยำ แม้ขณะนั้นร่างกายที่กำลังเบียดอัดก็ไม่ยอมหยุด ทุกๆ อย่างที่หลี่หลิงหลงทำนั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณดิบเดิมล้วนๆ

เหมือนเธอเห็นทุกอย่างผ่านสายตาตนเอง และร่างกายนี้ดั่งเป็นร่างเธอเอง แขนกำยำที่ผลักจางอวี่ออกแล้วดึงคนที่อยู่ใกล้เข้ามาแทน เสียงกรีดร้องของสามคนที่สะลึมสะลืออยู่ค่อยๆ หายเงียบไปทีละคน

สุดท้ายมือหนาก็ดึงส่วนนั้นออกจากซู่เหว่ยเผยให้เห็นขนาดของมันจนหลี่หลิงหลงตาค้าง ทั้งยังกำมือรูดขึ้นลงอย่างใจระทึกจนน้ำเมือกขาวที่ตอนนี้ดูจะออกไปทางกึ่งใสพวยพุ่งไปรดใบหน้าสวยๆ ของเหม่ยอิง

“อา” เสียงทุ้มใหญ่ที่หลี่หลิงหลงได้ยินทำให้เธอแทบกรี๊ด ร่างนั้นเอนหลังลงนอนแผ่หลาหายใจเหนื่อยหอบนัยน์ตาเหม่อมองเพดานอย่างเลื่อนลอย

หลี่หลิงหลงเริ่มผิดสังเกตถึงสภาพแวดล้อมรอบข้าง ห้องนอนที่ดูแปลกตา มันเหมือนฉากในซีรี่ส์จีนโบราณที่เธอชอบดูไม่มีผิด หญิงสาวผงกหัวขึ้นมองปลายเตียง และหัวเตียง หันหน้ามองซ้ายทีขวาที พลางกวาดสายตาดูรอบๆ

“ระ หรือว่า ฉันทะลุมิติเวลามาเหมือนใน..”

หลี่หลิงหลงยกมือหนาขึ้นดูอย่างใจลุ้นระทึก สภาพมือที่บางเรียวเล็กของเธอตอนนี้มันทั้งใหญ่และด้าน เธอลดมือลงลูบสำรวจดูใบหน้าตัวเอง สิ่งที่สัมผัสได้ทำเธอตกใจเสียยิ่งกว่าตอนที่เห็นว่าร่างกายมีกะปู๋ ตอหนวดที่ขึ้นอยู่บนคางและใต้จมูกโด่งคมสันนั่น

“อ๊าาา!!!!”

เสียงเธอกรีดร้องได้ยินถึงเรือนนอนของฝูโจวและน้องสาว ด้วยสัญชาตญาณชายหนุ่มทะลึ่งพรวดลุกขึ้นแล้วคว้าเอาดาบที่วางอยู่ไม่ห่างกายอย่างว่องไว ไม่นานนักร่างสูงก็วิ่งถึงหน้าเรือนนอนของอ๋องซีฮันพร้อมกับทหารยามสามนายและหลี่เจิ้งหนานที่พุ่งตัวเข้ามาหลังกลับจากงานลาดตระเวนยามวิกาล

“เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องเหรอพี่ฝูโจว”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเจิ้งหนานรีบเข้าไปดูกันเถอะ”

หลี่หลิงหลงซึ่งนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอก ไม่นานนักก็มีเสียงคนเปิดประตูเดินตึงตังรุดหน้าเข้ามาข้างใน

“ท่านอ๋องเกิดเหตุอันใดขึ้นอย่างงั้นหรือขอรับ”

ฝูโจวเรียกชายที่นั่งเปลือยเปล่าตรงหน้าแต่หลี่เจิ้งหนานต้องรีบปิดตาเพราะผู้หญิงที่นอนสลบเหมือดอยู่นั้นต่างไร้อาภรณ์ปิดซ่อนเรือนกาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel