บทที่ 7 ลูกของเขา
จนทำเรื่องเสร็จ ฉันเดินออกมาหน้าโรงพยาบาล เตรียมตัวจะกลับ คอนโด ระหว่างทางเดินของตึก ที่มีสวนหย่อมพักผ่อนและโซนของเล่น เด็กผู้หญิงอายุน่าจะประมาณ 5 ขวบ วิ่งแจ้นหนีพยาบาลพี่เลี้ยงมาทางฉัน
“ว้ายย น้องเดียร์น่าระวังนะคะ…”
พรึ้บ..
ฉันรีบคว้าตัวเด็กก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น แล้วอุ้มขึ้นเพื่อไม่ให้เธอวิ่งหนี
“แห้กๆๆ ขะ ขอบคุณค่ะ..” พยาบาลวิ่งหอบตามมาติดๆ แล้วยืนปาดเหงื่อ
“ลูกคนไข้ฝากเอาไว้หรอคะ”
“อ่อ ลูกคุณหมอค่ะ ..พอดีพาน้องมาเล่น แล้วแกวิ่งไวเหลือเกิน”
ฉันยิ้มให้พยาบาล หันดูหน้าเด็กซน พลางขมวดคิัวด้วยความสงสัยกับใบหน้าสวยสไตล์ฝรั่งแก้มยุ้ยนี้
‘คุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยเห็นที่…’
“อ้ะ ดะด๊าาาาา..”
เสียงหวีดแหลมและแรงดิ้นของเด็ก ทำให้ฉันต้องวางเธอลงกับพื้น เธอวิ่งไวปานลูกปูไปหา ‘ดะด๊า’ ที่เธอเรียก
ริมฝีปากจากที่ยกยิ้มอย่างเอ็นดู ค่อยๆ หุบลง ฉันตัวแข็ง จุกในอก จนลืมหายใจไปชั่วขณะ เพราะพ่อที่เด็กเรียกถึง คือ …พี่ติณณ์ นั่นเอง
“วิ่งอีกแล้วเดียร์น่า จะล้มนะครับ ”
เขาพูดเตือนลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นั่งยองๆ รับอ้อมแขนเล็กของเด็กหญิง แล้วหอมแก้มเธอเบาๆ
“ครูมาส่งนานแล้วหรอครับ” เขาเงยหน้าขึ้นถามพยาบาล โดยที่อุ้มลูกไปด้วย
“พึ่งมาค่ะ กำลังจะพาน้องเดียร์น่าไปหาคุณหมออยู่พอดี” พยาบาลสาวพูด ก่อนจะทำท่าเขินทัดผมที่ใบหู ยิ้มจนแก้มปริ
‘นี่มันอะไร… ลูกเขางั้นหรอ แบบว่า ..เขามีลูก มีเมียแล้วสินะ’
ฉันยังช็อคค้างมองสลับระหว่างเด็กน้อยคนนั้นและเขา ที่คุยกับพยาบาลโดยไม่ชายตาแลฉันสักวินาที
“อ้อใช่สิ เมื่อกี้น้องเดียร์น่าจะล้ม ได้คุณน้องท่านนี้ช่วยไว้ค่ะ” พี่พยาบาลผายมือมาทางฉัน เขามองตามด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
“ขอบคุณที่ช่วยลูกผมไว้ครับ” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ แล้ววางลูกลงกับพื้น
“ไปเล่นรอดะด๊าที่สนามเด็กนะครับ เดี๋ยวดะด๊าไปเก็บของก่อน”
“รับทราบค่าาา” เด็กน้อยตอบเสียงใส แล้ววิ่งแจ้นออกไป พี่พยาบาลโค้งหัวให้เขาแล้ววิ่งตามไปติดๆ
เขาเหยียดตัวขึ้น แววตาที่อ่อนโยนถูกเปลี่ยนเป็นเฉยชาทันทีที่มองฉัน ฉันเอ่ยเรียกไว้ทั้งน้ำตาคลอ เพราะแค่อยากคุยกับเขาสักนิด และขอโทษอย่างจริงใจกับเหตุการณ์ในอดีต
“พี่ติณณ์!” เขาหยุดเดิน แต่ไม่หันกลับมามองหน้ากัน
“....”
“คะ คือ ขอบคุณที่นำทางให้ และก็….”
“....”
“ขะ ขอทะ…”
“มันเป็นหน้าที่ของหมอ .. ขอตัวนะครับ” เขารีบพูดแทรกตัดบท และก้าวขาจ้ำออกไปทันที
‘ไม่รับ แม้กระทั่งคำขอโทษสินะ….’
ก็คงไม่แปลกอะไร ที่เขาจะเกลียดฉันเข้าไส้แบบนั้น เพราะฉันทั้งทำร้ายหัวใจเขา ร่างกายเขาและสิ่งของของเขา เราไม่ใช่เด็กๆ วัยแรกแย้มกันแล้ว เขามูฟออนจากเรื่องฉันได้ ฉันก็ควรจะมูฟตัวเองออกจากความรู้สึกผิดนั้นบ้าง
เรื่องมัน 6 ปีแล้วนี่นา ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว อีกอย่างเขาก็ไปเรียนเมืองนอกตั้ง 2 ปี คงเจอคนใหม่ รักใหม่ มีครอบครัวด้วยกันกับสาวต่างชาติคนนั้น
‘เขาเจอ… คนที่เข้าใจเขาแล้วสินะ’
จู่ๆ ไอ้น้ำตาบ้ามันก็ไหลอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่ฉันควรจะดีใจที่เขามีชีวิตที่ดี หลังจากที่เลิกกับคนอย่างฉันไป แต่มันกลับรู้สึกเจ็บหน่วงและอิจฉาอยู่ลึกๆ
“ฮึก ยัยเขม ยัยบ้า แกร้องไห้ทำไมยะ ฮืออออ”
ฉันปล่อยโฮบนรถแท็คซี่ จนลุงคนขับส่องกระจกหลังด้วยความงง งวย ก่อนจะหยิบกล่องทิชชู่ส่งให้
“เอ่อ … ญาติเสียหรอหนู รึ เจอโรคร้าย” ลุงถามด้วยความเป็นห่วง
“ฮือออออ ไม่ค่ะ ฮึก ฮืออออออ”
“ละ แล้วเป็นอะไร...”
“แฟนเก่าหนู ฮือออ มีลูกมีเมีย ฮึก ไปแล้วค่าา ฮือออออออ”
ฟืดดดดดด
ฉันส่างน้ำมูกใส่ทิชชู่ ยกมือปิดใบหน้าร้องไห้อย่างหนัก บ่อน้ำตาแตกในรอบ 6 ปี ด้วยสาเหตุที่ปัญญาอ่อนสุดๆ ลุงคนขับยิ้มแห้งใส่ มองสับระหว่างฉันกับทางถนนด้วยสายตาที่ดูจะเหนื่อยใจผสมซ้ำเติม แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก