บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ลุงจางช่างตีเหล็ก

ในยามฟ้าสางของอีกวันนั้น ชายหนุ่มผู้มีตาเดียวกำลังนั่งทำบางอย่างอยู่ตั้งแต่ฟ้าสาง หมึก พู่กัน และกระดาษนั้นถูกใช้ไปมากมาย เขากำลังขีดเขียนบางอย่างอยู่บนแผ่นกระดาษ แต่เมื่อสิ่งที่ได้ขีดเขียนลงไปนั้นไม่ได้ดั่งใจ ชายหนุ่มก็มักจะหากระดาษแผ่นใหม่มาแล้วเริ่มขีดเขียนใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้งหนึ่ง กองกระดาษที่ใช้ไม่ได้กองระเกะระกะเต็มไปหมดทั้งห้อง จนถึงช่วงเช้าของวันนั้น ในที่สุดชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาเมื่อมองผลงานที่ตนทำสำเร็จอย่างที่ใจหวังในที่สุด เขาจัดการเก็บแผ่นกระดาษแผ่นนั้นไว้ในอกเสื้อเสร็จแล้วจึงได้จัดเตรียมสำหรับอาหารไว้ให้ตาและมารดาของตนก่อนจะออกไปเบื้องนอก

ถังเฟยหู่ในชุดผ้าสีฟ้ากำลังตามทางเดินภายในตระกูล ในช่วงเช้านี้ยังไม่ค่อยมีคนออกมาจากห้องมากนัก มีเพียงบ่าวรับใช้ไม่กี่คนที่เดินไปมาประปราย ถึงแม้จะเป็นบ่าวรับใช้แต่คนพวกนี้ก็หาได้ทักทายเขาไม่ พวกเขาปฎิบัติต่อชายหนุ่มต่างออกไปทายาทตระกูลคนอื่นๆเสมอ บางคนดีหน่อยก็ไม่สนอันใดกับตัวชายหนุ่ม เมินเฉยราวกับไร้ตัวตนในตระกูลหลังนี้ แต่ก็มีบ่าวบางคนที่กลั่นแกล้งเขา รวมถึงแม้แต่ใช้สายตาเหยียดหยามมองมาที่ตัวเขาอย่างดูถูก ส่วนใหญ่พวกนี้มักจะเป็นบ่าวคนสนิทของถังชิง

ชายหนุ่มผู้มีตาเดียวนั้นยืนอยู่ทางประตูหน้าตระกูลถัง มองดูเหล่าชาวบ้านที่เดินไปมา ร้านรวงที่เริ่มเปิดกิจการ เหล่าร้านค้าหาบเร่ที่เริ่มตั้งร้านตามข้างทางเดินแล้ว เขาออกเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินผ่านร้านค้าทั้งหลายเหล่านั้น ทั้งร้านค้าผัก ร้านข้าวสาร ร้านขายหยก แม้แต่โรงเตี๊ยมใหญ่หลายแห่ง แต่พวกนั้นก็ยังไม่ใช่เป้าหมายของเขาในวันนี้ เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ เบื้องหน้าของเขามีควันลอยโขมงเต็มไปหมด ถ่านอันร้อนแรงจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่เต็มเตาหลอม นายช่างคนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังใช้ที่คีบที่ทำจากเหล็กเขี่ยถ่านอันร้อนแรง นายช่างคนนี้อยู่ในวัยชรา ผมสีดอกเลา หนวดเคราที่รกชันเต็มไปหมด

ใบหน้าของนายช่างนั้นช่างดูเบื่อหน่ายเหลือเกิน นานหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นให้ทำเสียเท่าไหร เหล่าตระกูลใหญ่ก็ไม่ได้จ้างเขาให้สร้างอาวุธอย่างที่เขาถนัดอีกแล้ว โดยเฉพาะยิ่งอาวุธจิตวิญญาณนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ส่วนมากอาวุธประเภทนี้สำหรับระดับหนึ่งนั้นเป็นเพียงอาวุธดาดเดื่อนหาได้มีอะไรพิเศษ จึงทำให้ราคาของมันไม่แพงมากนัก อีกทั้งยังสร้างได้ง่าย ส่วนอาวุธจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพจริงๆจำเป็นต้องเป็นระดับสองขึ้นไปซึ่งราคาของมันนั้นเหนือกว่าระดับหนึ่งอย่างทาบกันไม่ติด

การสร้างอาวุธจิตวิญญาณนั้นเพียงนำโลหะมาขึ้นรูปเป็นแผ่นป้ายหกเหลี่ยม ส่วนรูปแบบ รูปร่าง รูปทรง ความสามารถต่างๆนั้นจำต้องประทับอาคมลงไปในขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำเหล็กร้อนนี้ไปชุบน้ำมันเพื่อเสร็จสิ้นการสร้างอาวุธจิตวิญญาณ หลังจากนั้นเมื่อนำไปให้จิตวิญญาณดูดซับอาวุธจิตวิญญาณนี้ไป จิตวิญญาณนั้นๆจะสามารถแปลงรูปตัวเองให้เป็นรูปลักษณ์ที่กำหนดไว้ในอาวุธจิตวิญญาณนั้นๆ แต่ความสามารถของอาวุธก็ขึ้นอยู่กับระดับของตัวอาวุธจิตวิญญาณและจิตวิญญาณของคนนั้นๆด้วย

อาวุธจิตวิญญาณระดับหนึ่งอาจสามารถเป็นอาวุธอันร้ายกาจเมื่ออยู่ในมือคนที่คู่ควรกับมัน อาวุธจิตวิญญาณนั้นมีมากมายหลายรูปแบบแล้วแต่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมา อย่างเช่นขลุ่ยหยกของถังเฟยหู่เองก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับหนึ่งเช่นกัน

ถังเฟยหู่ไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังของนายช่างตีเหล็กซึ่งนายช่างนั้นก็หันกลับมามองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจเช่นกัน แสงไฟจากเตาหลอมและลมร้อนปะทะหน้าของชายหนุ่มตาเดียวผู้มาใหม่ ขับเน้นให้ภาพลักษณ์ของเขาดูลึกลับยิ่งนัก การแต่งกายที่ดูเป็นบัณฑิตผู้สง่าผู้หนึ่ง อีกทั้งยังรูปลักษณ์ที่ดูมีราศีหาใช่ชาวบ้านร้านถิ่นธรรมดาไม่ นายช่างจัดการเก็บอุปกรณ์ที่อยู่ในมือเข้าไปในที่เก็บของมัน และเดินไปหาชายหนุ่มตาเดียวผู้นั้น ซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อเพื่อหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาให้แก่ตน ในมือของชายหนุ่มผู้นั้นเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้มีตาเดียวประสานมือคารวะนายช่างผู้นั้นแล้วจึงกล่าวกับนายช่างผู้นั้น “คารวะผู้อาวุโสจางฟางจิ้ง ผู้น้อยถังเฟยหู่จากตระกูลถัง ได้ทราบมาจากผู้เป็นตา ถังหยางหลิวว่าท่านนั้นคือผู้สร้างอาวุธจิตวิญญาณขลุ่ยหยกให้แก่ข้าในครานั้น จึงมาคิดว่าจ้างท่านอีกครั้งหนึ่งให้สร้างอาวุธจิตวิญญาณชิ้นหนึ่งให้แก่ข้าเสียหน่อย” ถังเฟยหู่กล่าวเสร็จแล้วก็นำแผ่นกระดาษในมือยื่นให้แก่นายช่างจางฟงพร้อมกับถุงเงินจำนวนหนึ่งตำลึงทอง

“ฮ่าๆๆ ที่แท้ก็เป็นหลานชายของพี่หยางหลิว เจ้าโตขึ้นมากเลยนะ” จางฟางจิ้งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อรู้ว่าที่แท้ผู้มาคือหลานชายของถังหยางหลิว เมื่อเจ็ดปีก่อนนั้นตอนที่จางฟางจิ้งเคยถูกพิษของสัตว์อสูรในป่าอสูรเมื่อตอนที่ออกไปตามหาโลหะหายากมาใช้ทำอาวุธจิตวิญญาณ โชคดีเมื่อตอนนั้นถังหยางหลิวออกไปตามหาสมุนไพรเพื่อปรุงยาในป่าและได้พบเข้ากับจางฟางจิ้งผู้ใกล้ตาย ด้วยวิชาแพทย์อันเหนือสามัญสำนึกจึงทำให้จางฟางจิ้งรอดตายมาได้อย่างปฏิหาร หลังจากนั้นเขาจึงนับถือถังหยางหลิวอย่างมาก คบหากับถังหยางหลิวเป็นสหายรัก และในใจลึกๆเองเขาก็ไม่พอใจคนสกุลถังอย่างมากที่ปฎิบัติกับถังหยางหลิวและครอบครัวอย่างไม่เป็นธรรม ถึงขนาดเกือบจะเผาบ้านสกุลถังเสียให้ได้ แต่โชคดีนักที่ถังหยางหลิวนั้นห้ามเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นเขาและครอบครัวคงไม่มีที่ซุกหัวนอนเป็นแน่ และเป็นจางฟางจิ้งเองนั่นแหละที่เป็นคนสร้างอาวุธจิตวิญญาณขลุ่ยหยกให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ถังเฟยหู่ เป็นในไม่กี่คนที่ทำดีกับชายหนุ่มอย่างจริงใจ

จางฟางจิ้งรับกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดดูแต่ไม่ได้รับถุงเงินมา เขาดูแผ่นกระดาษนั้นออกมาเปิดดู มันคือรายละเอียดของอาวุธที่แปลกพิศดารยิ่งนัก การออกแบบที่แปลกประหลาด ส่วนประกอบมากมาย อีกทั้งกลไกนั้นยิ่งซับซ้อน จางฟางจิ้งมองจนตาแทบถลนออกมาเมื่อเห็นรายละเอียดต่างๆของ ศาสตร์อาวุธของจางฟางจิ้งนั้นเป็นเพียงอาวุธที่มีรูปลักษณ์ที่ธรรมดาสามัญแต่มีการวางวงจรการไหลเวียนของพลังปราณภายในอาวุธจิตวิญญาณเกื้อกูลผู้ใช้งาน ชีพจรและเส้นลมปราณของจิตวิญญาณผู้ใช้จะแปรเปลี่ยนไปตามรูปแบบวงจรที่จางฟางจิ้งได้วางเอาไว้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปแบบง่ายๆ อย่างเช่นรูปแบบเสริมพลัง เสริมความเร็ว ฯลฯ

ส่วนอาวุธที่ถังเฟยหู่นั้นออกแบบมาให้กลับมีความซับซ้อนกว่ามากนัก และด้วยความรู้ของถังเฟยหู่จึงเขียนระบุมาในอาวุธของตนว่าต้องการให้จางฟางจิ้งลงรูปแบบวงจรไว้หลากหลายชนิดเพื่อนหนุนเสริมกลไกของอาวุธนี้ ถ้าหากเป็นอาวุธจิตวิญญาณธรรมดาทั่วๆไปนั้นใช้เวลาเพียงสักชั่วยามเดียวก็ทำได้ง่ายๆ ถึงถังเฟยหู่นั้นต้องการจะทำอาวุธจิตวิญญาณระดับหนึ่งก็ตาม แต่นี่เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่มีความสามารถหลากหลายนัก บางทีรวมระบบกลไกเข้ากับรูปแบบวงจรที่หลากหลายของอาวุธนี้แล้วอาจสามารถเทียบเท่ากับอาวุธจิตวิญญาณระดับสองเลยทีเดียว เมื่อเห็นอาวุธที่น่าทึ่งนี้แล้วเลือดลมของจางฟางจิ้งก็ร้อนระอุขึ้นมา ด้วยความที่เป็นนักสร้างอาวุธจิตวิญญาณ มันช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน

“เงินนั้นไม่จำเป็นหรอกหลายชาย! เจ้าเป็นหลานชายของพี่หยางหลิวก็เหมือนพี่ของข้า ผู้อาวุโสอะไรก็ไม่ต้องเรียก! เรียกข้าลุงจางก็พอ ข้าเคยได้ยินมาจากพี่หยางหลิวว่าเจ้านั้นเป็นผู้รอบรู้ ไม่นึกเลยว่าแม้แต่ของอย่างนี้ก็คิดออกมาได้ ฮ่าๆๆๆ! แต่ข้าว่าอาวุธของเจ้านั้นยังมีส่วนบกพร่องอยู่บ้าง รีบตามข้ามา!”

จางฟางจิ้งรีบวิ่งเข้าไปภายในหลังร้าน นายช่างผู้นี้รีบควานแท่งโลหะแล้วนำออกมาแล้วยื่นให้แก่ถังเฟยหู่ มันเป็นเหล็กสีเงินเข้ม เนื้อเหล็กหยาบกร้าน เนื้อโลหะมีสิ่งเจือปนที่ไม่บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก นี่เป็นเนื้อโลหะคุณภาพต่ำที่ใช้โดยทั่วไปในงานต่างๆ รวมถึงใช้ในการสร้างอาวุธจิตวิญญาณระดับหนึ่ง

“หลานชายลองดูสิ่งนี้ให้ดี ถ้าหากเจ้าใช้โลหะคุณภาพต่ำแบบนี้สร้างอาวุธของเจ้าละก็ มันก็เป็นการเสียของเปล่าๆ” จางฟางจิ้งกล่าวพร้อมกับเรียกจิตวิญญาณของตนออกมาด้านหลัง มันเป็นเต่าหัวใหญ่ซึ่งมีกระดองเป็นหินที่ลุกเป็นไฟ ผิวของมันเป็นสีส้มและมีดวงตาเป็นหินหลอมเหลวสีส้มสว่างจ้า ลมหายใจนั้นเป็นเปลวเพลิง มันคือจิตวิญญาณของจางฟางจิ้ง เต่าเพลิงโลกันต์ ลุงจางนั้นยื่นมือออกมาเบื้องหน้า จิตวิญญาณแปรเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นค้อนเหล็กสีดำที่ลุกเป็นไฟ มันคืออาวุธจิตวิญญาณประจำตัวของลุงจางซึ่งเป็นอาวุธระดับหนึ่งเช่นกัน

ที่อาวุธชิ้นนี้เป็นเพียงระดับหนึ่งก็เพราะรูปแบบวงจรของมันเป็นเพียงรูปแบบที่ช่วยในการควบคุมเปลวเพลิงจึงทำให้มันนั้นเป็นระดับต่ำเพราะใช้วงจรพลังระดับหนึ่ง จางฟางจิ้งโยนโลหะในอีกมือหนึ่งไปกลางอากาศ ทันใดนั้นเขากับค้อนเหล็กดำด้วยสองมือและฟาดมันออกไปโดยแรง ค้อนเหล็กดำกระทบเข้ากับแห่งโลหะนั้น!

ตู้มมม

ทันทีที่ค้อนกระทบถูกแท่งเหล็กนั้น มันก็แต่งสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แหลกสลายกลายเป็นซากแทบไม่เหลือเค้าเดิมของมันแม้แต่น้อย ถังเฟยหู่เมื่อมองภาพนั้นก็สามารถรับรู้บางอย่างได้

“อย่างที่เจ้าเห็น เหล็กนั้นหยาบเกินไปที่ใช้ทำอาวุธที่ดี อาวุธของข้าก็เป็นระดับหนึ่งแต่วัตถุดิบที่ใช้ทำนั้นเหนือกว่ามาก สิ่งนี้เรียกเหล็กดำ เป็นเหล็กในตำนานที่สืบทอดกันมาในตระกูลของข้า มีความทนทานสูง เป็นวัตถุดิบที่เกินพอเลยถ้าจะสร้างอาวุธจิตวิญญาณระดับสี่ แต่เสียดายนักที่รูปแบบวงจรระดับอื่นๆในตระกูลของข้าหายสาบสูญไปเสียหมดแล้ว เหลือรูปแบบวงจรมาถึงข้าแค่ระดับสามหนึ่งรูปแบบ ระดับสองห้ารูปแบบและระดับหนึ่งมากมายก็จริงแต่ไม่ใช่จะมีประโยชน์เสียทั้งหมด การสร้างอาวุธของเจ้าข้านั้นขอเสนอให้ใช้เหล็กเหล็กดำจะดีกว่ามากนัก!”

“แต่…นั่นเป็นสมบัติประจำตระกูลของท่านลุงมิใช่เหรอ ท่านลุงจาง…ถึงท่านตาจะเคยช่วยท่านไว้ แต่ท่านให้ข้าโดยไม่แม้แต่จะเรียกเก็บเงิน แบบนี้มันออกจะ…” ถังเฟยหู่เอ่ยด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่ลุงจางถึงกับจะมอบสมบัติประจำตระกูลให้ตน

“น่าๆๆ เหล็กเหล็กดำเหลือพอให้ใช้สร้างอาวุธของเจ้าพอดี อีกอย่างข้าอยากสร้างของสิ่งนี้ให้เป็นผลงานชิ้นเอกชองข้าทีเดียว เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าหรอกที่อยากจะสร้างชื่อทิ้งไว้ ฮ่าๆๆๆ” จางฟางจิ้งนั้นหัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกับลูบหนวดเคราของตนเองไปด้วย เขาได้สอนความรู้บางอย่างเกี่ยวกับวัตถุดิบแก่ถังเฟยหู่ว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากกับการสสร้างอาวุธ เฉกเช่นเดียวกับถังหยางหลิวเมื่อสร้างยาระดับสูงก็จำเป็นต้องใช้สมุนไพรและวัตถุดิบระดับสูงในการสร้างเช่นกัน

จางฟางจิ้งและถังเฟยหู่ร่วมกันระดมความคิดและปรับปรุงอาวุธจิตวิญญาณที่ถังเฟยหู่ออกแบบ แม้ถังเฟยหู่จะเคยอ่านและเข้าใจทษฎีของการสร้าง แต่ก็ยังขาดความเข้าใจในบางจุดที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือแต่ได้รับจากประสบการณ์ ซึ่งในจุดนี้จางฟางจิ้งนี่ละที่เป็นผู้มาเติมเต็มให้มันสมบูรณ์ ชายหนุ่มได้ปรึกษากับลุงจากจนถึงช่วงบ่าย ซึ่งเขาได้อยู่เป็นลูกมือลุงจางในการส้รางอาวุธจิตวิญญาณซึ่งเปิดหูเปิดตาเขาได้มากทีเดียวแม้ไฟจากเตาหลอมจะร้อนแรงสักเพียงใดแต่ก็ไม่อาจเผาทำลายความอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่มไปได้เลย เขาเป็นผู้โลภในความรอบรู้อย่างแท้จริง

ลุงจางใช้เวลาในการสร้างอาวุธชิ้นนี้กว่าหกชั่วยามซึ่งใช้เวลานานมากนักสำหรับการสร้างอาวุธจิตวิญญาณ การขึ้นรูปตราหกเหลี่ยมจากเหล็กดำนั้นใช้เวลาไม่นานเท่าไหรนัก แต่เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ไปนั้นคือการเสียเวลาในการวางรูปแบบวงจรพลังและรูปแบบที่ซับซ้อนของอาวุธเพราะกลไกของตัวมันเอง อาวุธชิ้นนี้เสร็จสิ้นในยามเช้าของอีกวันพอดี จางฟางจิ้งนั้นภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้อย่างมาก ถึงกับดื่มเหล้าเมามายหลับไปในยามสาย ถังเฟยหู่เห็นดังนั้นจึงขอตัวลากลับไป ระหว่างทางที่กลับไปยังตระกูลถังนั้น ถังเฟยหู่ได้ผ่านร้านขายยาจึงได้นำเงินที่เตรียมมาสำหรับซื้ออาวุธวิญญาณไปซื้อหาสมุนไพรเกี่ยวกับการฟื้นฟูและห้ามเลือดเพื่อนำกลับไปปรุงเป็นเม็ดยาที่จำเป็นสำหรับการบุกป่าอสูรดั่งที่เขาหวังไว้ ถังเฟยหู่ได้ไปกินบะหมี่ที่โรงเตี๊ยมไม่ไกลจากตระกูลของเขาก่อนที่จะแอบกลับไปยังบ้านหลังน้อยของตนทางประตูข้างเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตและเพราะชายหนุ่มไม่ต้องการถูกก่อกวนโดยถังชิงและบ่าวของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel