EP 6 : ไม่ชอบ
“ฉันรู้ว่าแถวนี้มีคนโกรธที่ฉันหายไป”
“...” จะพูดเพื่อ? เรื่องเก่าจบไปแล้วไม่อยากเอามาใส่ใจ! หยุดพูดแล้วทำหน้าที่ลูกค้าของตัวเองไปเถอะ!
“แต่ถ้าเธอจำได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถึงหายไปแต่ฉันก็พยายามให้เธอไม่ต้องบริการลูกค้าประจำที่มันคิดเกินเลยกับเธอมาตลอดไม่ใช่เหรอ...ปั้นชา”
“นาย...” เขาเรียกฉันว่า...ปั้นชาเหรอ?
“อะไร” ยังจะถามอีก!
“ฉันชื่ออะ.../ ปั้นชา”
“...” เขาพูดแทรกแล้วก็มองหน้าฉัน ปากหยักได้รูปยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากก่อนที่เขาจะเบนสายตามองผ่านฉันแล้วพยักหน้าเบา ๆ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรียกพนักงานเสิร์ฟ
“คุณลูกค้าต้องการรับอะไรครับ”
“ดื่มอะไรดี”
“...”
“หรือจะดื่มด้วยกัน”
“ไม่มีทาง” จากตอนแรกฉันไม่คิดจะตอบพอเขาถามแบบนี้ฉันก็ปฏิเสธสิคะ เหล้าดีกรีแรงขนาดนั้นใครจะบ้าดื่ม และพอฉันปฏิเสธเสียงเหวี่ยงเขาก็กะตุกยิ้มขำเบา ๆ
“ถ้างั้นก็เลือก ไม่เลือกก็ดื่มด้วยกัน” เขาบอกพร้อมกับหยิบเมนูมาให้ฉันเลยต้องรับมาแล้วเปิดดู
หมับ~
“อะไร?” กำลังดูเครื่องดื่มที่แก้วใหญ่ ๆ ดีกรีน้อย ๆ เพื่อเซฟลำคอลำไส้และตับของตัวเองมือใหญ่ก็จับมาที่เมนูแล้วพลิกไปอีกหน้าหน้าตาเฉย เขาเสียมารยาทสุด ๆ แต่เพราะเขาเป็นลูกค้าฉันเลยทำอะไรมากไม่ได้
“ดื่มน้ำผลไม้ไม่ก็ม็อคเทลดีกว่า” เขาตอบแล้วพลิกเมนูไปอีกหน้าซึ่งมันเป็นน้ำผลไม้กับม็อคเทลอย่างที่ปากเขาบอกจริง ๆ นั่นล่ะเลยทำให้ฉันมองหน้าเขาหนักยิ่งกว่าเก่าด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของผู้ชายคนนี้
“ไม่อยากให้เธอดื่มเท่าไหร่ ดื่มทุกวันมันไม่ดีหรอก”
“...โอเค” เสียงแกเบามากนะแกรู้ตัวรึเปล่า เสียงพูดของแกมันเบายิ่งกว่าเสียงหัวใจแกที่เต้นอยู่ซะอีก
ฉันก้มมองเมนูเครื่องดื่มที่เป็นน้ำผลไม้กับม็อคเทลตาจ้องเมนูแต่สมองไม่โฟกัสภาพตรงหน้าเลยเพราะสมองกำลังเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร
เขา...ห่วงฉันเหรอ
แล้วถ้าเขาห่วงอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ แล้วเขา...ห่วงฉันเพื่ออะไร
“...” สมองฉันเต็มไปด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายก็ดึงสติตัวเองกลับมาก่อนจากนั้นก็จัดการสั่งเครื่องดื่ม พอพี่พนักงานเสิร์ฟไปเหลือแค่เราสองคนบนโต๊ะฉันก็เกิดความประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง
ฟู่ว์~
สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยปั้นชา ไม่อยากหันหน้าไปสบตาเขาเลยเพราะตั้งแต่มานั่งตรงนี้ผู้ชายคนนี้ทำให้ตัวฉันเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกเป็นว่าเล่น
“วันนี้ได้ยินว่ามีคนมาโวยวายเหรอ” เขาเป็นฝ่ายชวนคุยกันเลยทำให้ฉันมองเขาได้ง่าย ๆ
“อื้ม นายรู้ได้ไง”
“...”
“อะ...อะไร” ชวนคุยเองพอคุยด้วยก็อย่ามามองนิ่งสิ ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ
“พีอาร์ที่นี่เรียกลูกค้าแบบนี้?”
“ก็...ขอโทษค่ะ คุณ.../ พี่ตัส”
“คะ?”
“ชื่อเซตัส แต่เรียกแค่พี่ตัสก็พอ”
ตึก!
ตึก ๆๆๆ
ฉัน...
นี่เขาจะขยันทำให้ฉันรู้สึกแปลกแตกต่างและแปลกแยกจากลูกค้าคนอื่นไปถึงไหน
“อ่า...ค่ะ พี่ตัส” ปากสั่น~ ปากฉันสั่นมากจริง ๆ นะ แล้วดูสายตาเขาตอนที่ฉันเรียกเขาว่า พี่ตัส สิสายตาเขาเต็มไปด้วยความพอใจสุด ๆ ไปเลย
“กัปตันร้านบอกมาว่ามีลูกค้าประจำเก่าของเธอมาโวยวายก็เลยรู้”
“ค่ะ”
“อยากเทคแคร์มันไหมล่ะ”
“คะ?”
“อยากเทคแคร์ลูกค้าประจำของตัวเองรึเปล่า”
“ก็...ได้หมดนะ พีอาร์ร้านเหล้ามีสิทธิ์เลือกลูกค้าได้ด้วยเหรอ...คะ”
“แสดงว่าถ้าไม่ได้เทคแคร์ลูกค้าประจำคนนั้นก็จะไม่เสียใจถูกต้องไหม”
“ถามทำไมคะ” ฉันงง ๆ นะที่เขาถามแบบนี้
“ถามก็ตอบ”
“อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะคะ”
“เอาคำตอบตามความรู้สึกของเธอก็พอ” เขาบอกฉันก็เลยพยักหน้าเบา ๆ ที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่มั่นใจ
“พูดได้จริง ๆ เหรอคะ” ฉันรู้ว่าเป็นใครก็ต้องอยากได้คำตอบที่เป็นความจริง แต่นี่มันสังคมกลางคืนนะคะ พูดตามใจทั้งหมดไม่ได้หรอก
“ฉันชอบความจริง เธอคิดว่าควรตอบแบบไหนล่ะ” หน้าตาเขาดูสบาย ๆ นะ ฉันเองอยู่ ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเหมือนกันพอเขายืนยืนก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย
“โอเคค่ะ ก็ถ้ามีลูกค้าให้เงินน้อยกว่าพี่เขาก็เสียใจนะเพราะพี่เขามาดื่มที่ร้านแค่อาทิตย์ละวัน วันเดียวของเขาได้ทิปเยอะกว่าทำงานรวมกันห้าวันอีก” นี่ล่ะคำตอบที่ตรงตามความรู้สึกของฉันที่สุด พอได้คำตอบจากฉันเขาก็ยิ้มขำเบา ๆ
“งกเหรอ?”
“บ้านไม่รวยก็ต้องงกค่ะ ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหาเงิน”
“พูดเรื่องจริง?” จบคำถามของเขาฉันก็ยิ้มมีเลศนัยจนทำให้เขามีสีหน้าฉงนแล้วเอียงคอนิดหน่อยก่อนจะยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเป็นเครื่องหมายคำถามฉันเลยยิ่งยิ้มเจ้าเล่ห์
“ความจริงแล้วอลิ... / ปั้นชา” ฉันกำลังจะพูดแล้วก็พูดด้วยความเคยชินในการพูดคุยกับลูกค้าของตัวเองนั่นคือการแทนตัวว่า อลิส แต่ยังพูดไม่จบเขาก็แทรกขึ้น
“...” เขาแสดงออกให้รู้ว่าไม่อยากให้แทนตัวด้วยชื่อที่ใช้ทำงานเลยทำให้ใจฉันเต้นอีกแล้ว
“เราไม่สวมหน้ากากเข้าหากันจะดีกว่ารึเปล่า ชื่อปลอมมันฟังแล้วรู้สึกแย่เหมือนกันนะ” เขาพูดสบาย ๆ ไม่ได้ดูเคร่งเครียดอะไรเลยทำให้ฉันยิ้มขำแล้วแซวกลับ
“จะเอาอะไรกับสังสมร้านเหล้าล่ะคะ ใคร ๆ ก็เปลี่ยนชื่อใหม่กันทั้งนั้น”
“ฉันเคยบอกเหตุผลที่ไม่เรียกพีอาร์มานั่งด้วยไปแล้วจำได้ไหม”
“...ค่ะ จำได้ค่ะ” ฉันหยุดคิดนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า จำได้อยู่ ถึงจะไม่แม่นทุกคำพูดแต่ก็จำได้
เขาบอกว่าไม่ชอบให้ผู้หญิงมานั่งเอนเตอร์เทนเหมือนเป็นแค่สินค้าแล้วก็ไม่มีความจริงใจให้กัน ไม่ได้รู้สึกอะไรกันแต่มานั่งเอาอกเอาใจ สำหรับเขามันดูปลอมไปหมด
“ถ้างั้นเราไม่ปลอมใส่กันในเวลาทำงานของเธอได้ไหม ยกเว้นแค่ฉันคนเดียวก็พอ”
“ก็...ได้มั้งคะ“ ก็คงได้ล่ะในเมื่อเขารู้ชื่อเล่นจริง ๆ ที่แม้แต่คนในร้านยังไม่รู้เลยขนาดนี้
ว่าแต่รู้ได้ยังไงกันนะ หรือว่าเขา...
ตึก ๆๆๆ
เขา...เขาแอบชอบฉันจนใช้อำนาจเงินของตัวเองตามสืบเรื่องราวของฉันงั้นเหรอ
กรี๊ด!!! >///<
เขา...พี่เซตัสคนนี้เขาต้องชอบฉันแน่ ๆ เลยแก~ >///<
-ยี่สิบนาทีต่อมา-
“ปั้นชา”
ตึก ๆๆ
ทำไมเวลาที่เขาเรียกชื่อฉันต้องใจเต้นรัวด้วยนะ พยายามจะไม่รู้สึกอะไรแล้วนะเพราะชีวิตปกติที่ไม่ใช่เวลางานในร้านเหล้าใคร ๆ ก็เรียกชื่อนี้กันทั้งนั้น แต่พอมันออกจากปากหยักได้รูปน่าจูบ เอ้ย! ไม่ใช่ ๆ ปากหยักสวยได้รูปเฉย ๆ นั่นล่ะพอออกจากปากเขาทำไมมันมีผลกับหัวใจขนาดนี้
“คะ”
“เช็คบิลให้ที”
“คะ?” เขานั่งอยู่กับฉันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุยกันฟังเพลงไปด้วยกันจนฉันเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็บอกให้เช็คบิลนี่นะ?
มันคืออะไรคะ เขาไม่สนุกเหรอ
“เช็คบิลให้ที” รู้แล้ว แต่ที่เปล่งเสียงออกไปเมื่อกี้คือสงสัยเข้าใจไหม สงสัยว่าทำไมถึงกลับเร็วจัง นั่งด้วยกันไม่มีความสุขพอให้อยากอยู่นานกว่านี้หน่อยเหรอ...
“ค่ะ ได้ค่ะ” แต่ต่อให้สงสัยแค่ไหนลูกค้าบอกให้เช็คบิลฉันก็ต้องทำใช่ไหมล่ะคะต่อให้ใจจะไม่อยากทำตามคำสั่งของคุณลูกค้าแค่ไหนก็ตาม
ให้ตายเถอะฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันเป็นฝ่ายที่ลูกค้าอาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับไม่อยากให้ร้านปิดแต่ครั้งนี้กลับเป็นฉันซะเองที่เป็นฝ่ายรู้สึกแบบนั้น
“พี่นนท์เช็คบิลค่ะ” ฉันบอกพี่พนักงานเสิร์ฟ พี่นนท์เดินมาเขาก็ยื่นบัตรเครดิตที่ฉันมองแว๊บแรกก็รู้แล้วว่ามันไม่จำกัดวงเงินให้พี่นนท์ทันทีก่อนที่พี่นนท์จะรับแล้วเดินไปจัดการทุกอย่างให้
“จะดื่มอีกสักแก้วไหมคะ” ^^ เหล้าที่ฉันสั่งมาให้เขาดื่มไปแล้วห้าแก้ว ดูน้อยใช่ไหมคะแต่สำหรับเหล้าที่ดีกรีแรงมาก ๆ และใช้เวลาในการดื่มไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่เขายังนั่งหลังตรงคอตั้งแววตาไม่หวั่นไหวสักนิดขนาดนี้มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ๆ เลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นคอเป๋เสียงสั่นตั้งแต่ดื่มได้สองแก้วครึ่งไปแล้วล่ะ
“ไม่ล่ะ”
“...ค่ะ” ^^ เป็นเศร้า ๆ เนอะปั้นชา แย่จังเลย บอกแล้วไงห้ามแอบชอบ เอ้ย! ห้ามแอบรู้สึกหวั่นไหวกับลูกค้า
เขาบอกไม่ดื่มฉันก็หยิบแก้วของเขาที่ดื่มหมดแล้วไปเก็บตั้งใจเทคแคร์เขาต่อดีกว่าเพราะเดี๋ยวลูกค้าคนพิเศษของฉันก็จะกลับแล้ว
“...” ฉันเก็บแก้วแล้วหันมาสบตากับเขาแต่พอจะพูดอะไรสายตาเขาที่มองมาก็ทำให้ฉันนิ่งไป ทำไมเขามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ มีอะไรรึเปล่า?
“ร้านปิดตีสองเหรอ”
“...ค่ะ” ถามทำไมถ้าตัวเองจะกลับตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่ม
“เดี๋ยวรอรับ”
“คะ?”
“เดี๋ยวรอรับ”
“ระ รอรับทำไมคะ”
“ก็รอรับไปส่งที่หอไง”
“แล้ว...แล้วจะรอรับไปส่งทำไมคะ”
“แล้วออกไปตอนนี้ได้รึเปล่าล่ะ”
“คะ?” อะ...อะไรของเขาเนี่ย -///-
“ถ้าออกไปตอนนี้ได้จะได้ไม่ต้องรอ แต่ถ้าออกไปไม่ได้จะออกไปรอข้างนอก...ฉันไม่ชอบนั่งกับเธอตรงนี้”
ให้ตายเถอะสายตาเขาที่มองฉันตอนนี้กับ...มือที่พาดตามความยาวของโซฟามาทางฉันตั้งนานแล้วค่อย ๆ แตะมาที่ไหล่ฉันเบา ๆ ทำให้ใจฉันเต้นแรงแทบระเบิด
“...ทำไมคะ” ฉันถามออกไปเบา ๆ ด้วยเสียงสั่นก่อนที่ดีเจของร้านจะเปิดเพลงให้ดังขึ้นมาในทันทีเลยทำให้เขาขยับใบหน้าหล่อมาใกล้เพราะเมื่อไหร่ที่เพลงดังนั่นเท่ากับถ้าไม่อยากแหกปากตะโกนจนดูน่าเกลียดอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการคุยกันใกล้ ๆ ใกล้จนแนบหู...
“ไม่อยากเป็นแค่ลูกค้าของเธอ...ไม่ชอบ”