EP 2 : ลูกค้าเฮงซวย
“กูไม่เอา ไล่ไปนั่งที่อื่น”
เจ็บใจจนใจเจ็บ!
เฮงซวย!
โคตรเฮงซวยเลย!
ฉันจำความรู้สึกตอนนั้นได้ หน้าฉันชายิ่งกว่าโดนยาชาจิ้มซ้ำ ๆ สักห้าสิบเข็มด้วยซ้ำ!
เขาไล่ฉันด้วยคำพูดเดียว ไล่จบก็ไม่มองหน้าฉันที่เอาแต่มองเขาด้วยสายตาอึ้ง เพื่อนเขาบอกว่าเรียกฉันมาแล้วจะให้ฉันไปไหนฉันแค่มาทำงาน แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไรรู้ไหมคะ?
“กูบอกว่าไม่เอา”
ฉันหน้าชาน้ำตาแทบเล็ตแต่ก็พยายามแก้สถานการณ์ด้วยการบอกเพื่อนเขาว่าเดี๋ยวบรรยากาศจะเสียเชิญพี่ ๆ สนุกกับร้านของเราดีกว่านะคะแล้วฉันก็ก้มหัวบอกลาก่อนจะเดินกลับเข้ามาหลังร้าน
เรื่องอัปยศหดหู่ครั้งแรกในการทำงานประสบการณ์ครั้งนี้สาบานว่าฉันคนนี้จะจำไม่ลืม และที่ไม่ลืมกว่าประสบการณ์เลวร้ายคือไอ้หล่อจิตในหยาบช้าคนนั้น!
...เซตัส!
ฉันขอจองเวรจองกรรมนาย! ฉันขอเป็นเจ้ากรรมนายเวรของนายไอ้คนมารยาทติดลบ!
#SATAS TALK
“มึงทำห่าอะไรไอ้ตัส”
“ทำอะไร” ผมถามเพื่อนหน้าตายแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“ที่มึงไล่น้องเขาไง ไล่ทำห่าอะไรน้องเขามาทำงานของเขา”
“กูไม่ได้อยากได้ ไม่ต้องเรียก”
“อ่าส์~ ไม่อยากได้?”
“อืม” ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากได้ ไม่ได้รู้สึกอยากมีใครมานั่งเอาใจเพราะหน้าที่หรือพยายามทำทุกอย่างเพื่ออ้อนให้ลูกค้าหลงเสน่ห์แล้วจ่ายให้พวกเธอเยอะ ๆ อะไรที่มันปลอมผมไม่ชอบ เห็นแล้วรำคาญตา
“หึ ๆๆ” พอผมตอบสั้น ๆ เพื่อนของผมก็หัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ หัวเราะไม่เท่าไหร่แต่สายตาที่มันมองมาทำให้ผมปล่อยผ่านไม่ได้
“อะไรของมึง?”
“ไม่มีอะไร กูแค่ขำที่มึงไม่อยากได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่า...” มันพูดแค่นี้ก็ขยับมาใกล้แล้วกระซิบที่หูผมด้วยคำหนึ่งก่อนจะผละออกด้วยรอยยิ้มกวนส้นตีน แต่แน่นอนว่าคำพูดที่เพิ่งกระซิบของมันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปในทันที
อลิส...เหรอ?
-เวลาต่อมา-
เงินที่ได้วันนี้ซ่อมใจฉันได้แต่...
“มึงไม่อยู่ในเหตุการณ์ อีนางฟ้าของร้านโดนลูกค้าไล่ฉ่ำเลยจ้า~”
“ฮ่า ๆๆ สมน้ำหน้าเนอะ สะใจด้วย คิดว่าตัวเองสวยมากมั้ง”
“กูโคตรสะใจเลย พี่เขามองมันด้วยหางตาแบบ เอาอีนี่ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดกูรังเกียจ ฮ่า ๆๆ”
เสียงนินทาฉันอย่างสนุกปากในห้องแต่งตัวพีอาร์มันทำร้ายความรู้สึกของฉันมากนะ โกรธมากด้วย โกรธจนอยากเดินเข้าไปตบแต่สุดท้ายก็ต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้เพราะที่พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ความตั้งใจเดียวของฉันคือมาทำงานไม่ใช่มีเรื่องกับใคร ยิ่งมีเรื่องในสถานที่ทำงานแบบนี้เลิกงานดึกดื่นตีสองตีสามแบบนี้มีศัตรูแม้แต่คนเดียวก็ไม่ดีหรอก ถึงจะรู้ว่ามีบางกลุ่มไม่ชอบหน้าแต่ถ้าไม่ต่อปากต่อคำเขาก็ทำได้แค่แอบนินทา แต่ถ้าต่อปากต่อคำมีปัญหาซึ่งหน้าเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นก็ต้องคอยระวังตัวแจ ชีวิตฉันแค่ทำงานกับเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว ฉันไม่หาเหาใส่หัวเพิ่มหรอก...โมโหแค่ไหนก็ต้องทน
“...เฮ้อ~”
ปิ๊น ๆๆๆ
“ว้าย!” เสียงแตรรถที่ดังมากแถมยังดังอยู่ข้าง ๆ ทำให้ฉันที่กำลังเดินไปป้ายรถเมล์ด้วยความเซ็งปนเหม่อตกใจมากก่อนจะมองไปที่รถต้นเหตุ
...ซุปเปอร์คาร์สีดำเงาวับ
ของ...ใคร???
ครืด~
ในขณะที่ฉันกำลังยืนงงในดงป่าปูนซีเมนต์กระจกที่มืดสนิทก็ลดลง รถดำเงาวับ กระดำดำปิ๊ดปี๋ แสงไฟแถวนี้ก็แค่สว่างแบบไทยแลนด์สไตล์แต่ทำไมพอกระจกลดลงข้างในถึงเจิดจ้าออร่ากระจุยกระจายได้ขนาดนี้
นี่มัน...
ไอ้ลูกค้าเฮงซวย!
“ขึ้นรถก่อน” เสียงหล่อพูดขึ้นให้ฉันได้ยินชัดเต็มสองหู แต่เป็นการได้ยินเต็มสองหูที่ทำให้เลือดขึ้นหน้าอีกรอบ
ไม่ได้อยู่ในร้านแล้วนะ ไม่ใช่ลูกค้าของร้านแล้วนะ เพราะฉะนั้น...
“...ไอ้ทุเรศ” ฉันจ้องเข้าไปในรถแล้วพูดคำนี้ออกมาช้า ๆ ชัด ๆ ถึงแม้ว่าในใจมีอีกหมื่นล้านคำแต่แค่นี้ล่ะสโคบคำด่าทั้งหมดในใจออกมาแล้ว คำนี้ดีที่สุดชัดเจนที่สุดแล้ว!
“...” ไอ้ลูกค้าเฮงซวยของร้านมองฉันที่ด่านิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรตอบกลับมาฉันที่ยืนจ้องตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่เลยเบะปากนิดหน่อยแล้วหันหน้ากลับไปทางเดิมจากนั้นก็เดินเชิด ๆ ไปยังป้ายรถเมล์ตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
แต่! แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ท่าทางเย่อหยิ่งชวนโมโหของฉันภายในจะเก็บซ่อนอัตราการเต้นของหัวใจที่รุนแรงมาก ๆ เอาไว้เพราะหลังจากด่าออกไปไอ้บ้านั่นก็เอาแต่มองฉันนิ่ง เขานิ่งจนดูน่ากลัวและฉันไม่ชัวร์ว่าคนที่ขับรถหรูบ่งบอกระดับความรวยขั้นแอดวานซ์ของชาติตระกูลและมีนิสัยเสียมารยาทกับคนทำงานบริการตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจะไม่มีวัตถุอันตรายในรถ
ฉันยอมรับตรงนี้เลยว่าพอด่าออกไปด้วยความสะใจเสร็จใจฉันก็หวั่นกลัวได้ลูกตะกั่วเป็นรางวัลของคนต้อยต่ำที่กล้าปากดีเลยต้องรีบเดินไปหาที่ที่มีแสงสว่างหรืออย่างน้อยก็มีกล้องวงจรปิดเพราะถ้าฉันต้องตายขึ้นมาอาจยังจะพอมีหลักฐานมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ฉันได้บ้าง
แต่...ใครจะว่างมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แกวะ?
เฮ้อ~
หมับ!
“เฮ้ย!!!” ฉันกำลังเผลอคิดอะไรที่ทำให้ใจเป็นท้อแต่อยู่ ๆ ก็โดนกระชากข้อมือจากด้านหลังทำให้ฉันร้องเสียงหลงแถมยังดังลั่นขึ้นมาแล้วพอหันไปมองก็เห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นยืนทำหน้านิ่งมองฉันอยู่
“มีเรื่องอยากคุยด้วย ไปขึ้นรถ”
“จะบ้ารึไง! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้!” ฉันตะคอกดังลั่นด้วยความตกใจ กลัวและโมโห แล้วนี่มันวันอะไรวะ? ทำไมอยู่ ๆ วันนี้แถวนี้ก็เกิดไม่มีใคร ไม่มีแม้แต่หมาสักตัว!
T^T ฉันเพิ่งด่าเขาไป อย่าบอกนะว่าโมโหจนลงมาเอาเรื่อง นี่ฉันคงไม่โดนอุ้มฆ่าหรอกใช่ไหม
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก หยุดโวยวายสักทีแค่อยากคุยด้วย”
“คุยเรื่องบ้าอะไรปล่อย! ปล่อยสิวะ!” ฉันไม่คุยแล้วก็เริ่มดิ้นมากขึ้นถึงแม้จะแค่โดนจับข้อมือก็ตาม แต่มันไม่ใช่เรื่องปกตินะ! ฉันกลัว! ฉันกลัวมากและทางรอดทางเดียวคือฉันต้องดิ้นเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระแล้วหลังจากนั้นฉันจะใส่เกียร์หมาวิ่งกลับไปที่ร้านแบบไม่อายสายตาใครทันที!
“แค่อยากขอโทษเรื่องที่เสียมารยาทกับเธอ”
กึก!
ฉันที่กำลังบิดข้อมือจนลามไปเป็นการดิ้นรนขยับไปทั้งตัวเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระถึงกับหงุดชะงักทุกการกระทำหลังจากได้ยินคำพูดประโยคเมื่อกี้ก่อนที่ฉันจะมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู และทันทีที่ฉันสงบลงมือใหญ่ของเขาก็ปล่อยมือฉันช้า ๆ โดยที่ตลอดเวลาระหว่างนี้เขาจ้องหน้าสบตาฉันอยู่ทุกวินาที
“ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทขนาดนั้น ฉันแค่ไม่ชอบให้ผู้หญิงมานั่งเอนเตอร์เทนเหมือนเป็นแค่สินค้าแล้วก็ไม่มีความจริงใจให้กัน ไม่ได้รู้สึกอะไรกันแต่มานั่งเอาอกเอาใจ สำหรับฉันมันดูปลอมไปหมด ถ้าทำให้เธอรู้สึกแย่...ฉันขอโทษ”