ตอนที่3 วันดวงซวย
— มหาวิทยาลัยxxx —
“ซินเซีย” เสียงเรียงจากด้านหลังทำให้ซินเซียที่กำลังจะเดินเข้าตึกเรียนหยุดชะงัก ใบหน้าหวานแสดงอาการหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มฝืนๆ ให้ เซนต์ รุ่นพี่หนุ่มปีสี่ที่เรียกเธอ
เซนต์เป็นหนุ่มลูกครึ่งที่เข้ามาจีบฉันตอนทำกิจกรรมมหาลัย หน้าตาเขาก็ดีเลยแหละการันตีด้วยตำแหน่งอดีตเดือนคณะบริหาร
แต่ฉันไม่ชอบนิสัยเพราะเขาค่อนข้างขี้ตื๊อ แสดงความเป็นห่วงจนเกินหน้าเกินตา ทักหาสามเวลาหลังอาหาร จากตอนแรกที่กะจะคุยเล่นๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขาจริงจัง ฉันเลยไม่ตอบเพราะไม่อยากไปให้ความหวังเขา
“พี่เซนต์มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“พี่แค่จะถามว่าซินเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ทักไปไม่ตอบเลย”
“เอ่อ…พอดียุ่งนิดหน่อยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“แล้วเป็นอะไรสีหน้าไม่ดีเลย ไม่สบายเหรอ?”
เซนต์ยกมือขึ้นจะทาบที่หน้าผาก ซินเซียจึงเบี่ยงตัวหลบ พูดตัดบทและเดินหนีทันที
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะคะจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว”
“แหม พี่ซินนี่เก่งจริงๆ เลยนะคะ คุยกับอีกคนนัดเจอกับอีกคน ไม่กลัวว่าพี่เจฟจะรู้เหรอคะว่าพี่มันแรด…”
เสียงแหลมเล็กของใครบางคนดังขึ้น ระหว่างที่ซินเซียกำลังยืนรอลิฟต์ ซินเซียกลอกตามองบนพร้อมหันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียงแหลม ที่บีบเล็กซะจนเส้นเสียงแทบจะตีบตัน รุ่นน้องสาวกับเพื่อนยืนกอดอกมองหน้าซินเซียด้วยสายตาเหยียดหยาม
ฟ้าใส รุ่นน้องปีสองหน้าตาใสซื่อผิดกับนิสัยที่ร้ายกาจเอาเรื่อง
นี่ก็เป็นหนึ่งในศัตรูที่ฉันได้รับมาจากเจฟเพื่อนตัวดีของฉัน
ฟ้าใสก็คงคลั่งไคล้หมอนั่นมากถึงเกลียดฉันเข้ากระดูกดำขนาดนี้ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าคนที่เธอควรเกลียดน่ะมันไม่ใช่ฉันยัยโง่!!
“แหม…น้องก็ดูว่างดีนะถึงมีเวลามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของชีวิตคนอื่น ไม่ลองเอาเวลาไปตั้งใจเรียนบ้างล่ะคะ เผื่อจะมีความรู้มาพัฒนาสมอง” ซินเซียกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
“อีซิน” ฟ้าใสมองหน้าฉันอย่างสุดจะกลั้น สองมือกำแน่นด้วยความโกรธ
“เราไม่ได้สนิทกันนะคะน้อง หรือว่าน้องลืมพกมารยาทมาจากบ้าน?”
“ปล่อยกู” ฟ้าใสพุ่งตัวมาหาฉัน แต่โดนเพื่อนที่ยื่นข้างๆ รั้งไว้พร้อมพูดเตือนสติให้ใจเย็น เนื่องจากบริเวณรอบๆ มีคนอยู่เยอะ และพวกเรากำลังตกเป็นเป้าสายตา
“จะตบเหรอ มาสิ่ตบมาตบกลับนะ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าฟันแกจะยังอยู่ครบ” ฉันกอดอกเชิ่ดหน้าพูดกับรุ่นน้องสาวที่กำลังดิ้นพล่านหน้าแดงด้วยความโกรธ มาหาเรื่องเขาแต่ดันฟิวส์ขาดเสียเอง น่าขำสิ้นดี!!
“มีปัญหาอะไรกับเพื่อนฉันเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปยังต้นทางของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
เฟลม กำลังเดินมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ เฟลมเป็นสาวแซ่บหุ่นดีที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็สุดจะเอ็กซ์ สะโพกเอยอกเอย
ยิ่งพออยู่ในชุดนักศึกษารัดรูปเน้นสัดส่วนชัดเจน ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังหวั่นไหวเลย
แต่คงเพราะเฟลมเป็นคนห้าวปากร้ายเลือดร้อนพร้อมบวกละมั้งเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ
ฉันรีบดึงมือยัยเฟลมเข้าลิฟต์ก่อนที่ระเบิดจะลงยัยรุ่นน้องสองคนนั้น เฟลมไม่วายส่งสายตาไปเตือนก่อนที่ลิฟต์จะปิด ฉันเห็นสองคนนั้นยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มวันตรุษจีน
ความขี้วีนของเฟลมโลกรู้ทุกคนรู้ และไม่มีใครอยากมีปัญหาด้วย เพราะพี่ชายเฟลมดุมาก ใครมีปัญหากับยัยเฟลมก็เตรียมจองศาลารอสวดได้เลย เพราะพี่เพลิงหวงน้องสาวมากถึงมากที่สุด
— ห้องเรียน —
“ตัวเองหายหงุดหงิดยังอ้ะ” ฉันเอาหน้าซุกที่อกนุ่มนิ่มของเฟลม เพราะเห็นเพื่อนนั่งทำหน้าเหมือนจะงาบหัวคนได้ตลอดเวลา
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย” เฟลมมองบนใส่ซินเซียที่เข้ามาออดอ้อน
“หงุดหงิดอะไรมาไหนบอกเค้าสิ๊” หน้าแบบนี้ไม่ได้หงุดหงิดแค่เรื่องฉันแน่
“วันนี้คาบบ่ายฉันไม่อยู่ ต้องไปดูงานญี่ปุ่นสามวัน” เฟลมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
“แปลว่าแกไม่อยากไป แต่โดนบังคับเลยทำหน้างอเป็นตูดแบบนี้ใช่ไหม”
“อือ”
“โอ๋ ๆ กลับมาฉันพาไปกินบิงซูดีมะ” ฉันเอาของกินมาล่อ พร้อมกับจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของเด็กขี้โมโห
“โดดเรียนไปกันเลย” สายตาของเฟลมเป็นประกาย มุขของกินยังใช้ได้ผลกับเฟลมเสมอ
“ไม่ได้จ้าเอฟรออยู่ เดี๋ยวคาบบ่ายฉันจดเลคเชอร์ให้นะ” ฉันส่งสายตาดุใส่เฟลม
“ใจร้ายจัง” เฟลมแสร้งงอนแก้มตุ่ยทำให้ฉันหลุดขำในความน่ารักของสาวขี้วีน
มุมแบบนี้คงมีแค่เพื่อนสนิทอย่างฉันกับพี่เพลิงเท่านั้นแหละที่จะได้เห็น
เฟลมเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉันในคณะ ตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ คนนอกมักจะบอกว่าฉันมันเป็นยัยคุณหนูที่เอาแต่ใจ เพราะฉันเป็นคนไม่ค่อยพูด อะไรไม่ถูกใจก็ไม่ทำ
ส่วนเฟลมก็เป็นยัยแม่มดร้ายขี้วีนอารมณ์ร้อน ก็ไม่แปลกที่คนพวกนั้นจะตัดสินเราจากภายนอก แต่ถ้าลองเข้ามาสัมผัสจะรู้ว่ายัยแม่มดเนี่ยน่ารักจะตาย
ตอนบ่าย. . .
แล้วคาบบ่ายที่ไม่มีเฟลมมันก็แสนจะเงียบเหงา ดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์ไม่งั้นฉันต้องมาเรียนคนเดียวอีกสามวัน แบตมือถืออันน้อยนิดของฉันก็ใกล้จะดับเต็มที ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มบรรยากาศสลัวชวนให้หนังตาหย่อนที่สุด
แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาเรียน ฉันจึงหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาเจฟว่าเขาเลิกเรียนกี่โมง เพราะถ้าฝนตกฉันคงกลับไม่ได้แน่ๆ อึ๊บไว้ก่อนนะแบตจ๋าอย่าพึ่งลาพี่ไป
พรึ่บ!!
อย่างที่คิด ฉันพิมพ์ยังไม่ทันจะเสร็จแบตอันน้อยนิดของฉันก็ดับวูบไปพร้อมกับความหวัง
ฉันแอบทุบตีตัวเองในใจเป็นพันๆ ครั้ง บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเล่นตอนชาร์จจนแบตเสื่อม
ฉันได้แต่นั่งคิดว่าวันนี้ตอนออกจากห้องฉันต้องก้าวขาผิดข้างแน่ๆ หรือเมื่อเช้าฉันอาจจะกินอะไรแปลกๆ หรือนี่มันคงจะเป็นซวยของฉันสิ่นะ
ฉันนั่งเท้าคางมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงทุกที แต่ในใจก็ยังแอบหวังว่ามันอาจจะแค่ขู่ คงไม่ตกลงมาจริงๆ